nn จากการที่คณะกรรมการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและอุดหนุนซึ่งสินค้านำเข้า...ได้สรุปผลการพิจารณาขั้นต้นให้ยุติการขยายเวลาการบังคับใช้การตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากประเทศบราซิล อิหร่าน และตุรกี...สร้างความกังขาในหลักคิดของกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการ AD อย่างที่สุด...ในหลายประเด็นที่คณะกรรมการ AD นำมาพิจารณา
เช่นประเด็นที่ 1.ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายในการส่งออกของ Brazil, Iran, Turkey แม้ทั้ง 3 ยังคงมีอัตราการทุ่มตลาดสูง (22.85-34.62%) แต่ปี 2561-2564 การส่งออกจาก 3 ประเทศมายังไทย มีปริมาณลดลงจาก 13.48% เหลือ 2.17%...ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ไทยมีการนำเข้าสินค้าจาก3 ประเทศนี้ลดลง เนื่องจากมีการบังคับใช้มาตรการ AD อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของประเทศที่มีการใช้มาตรการ เหมือนกรณีประเทศต่างๆ ใช้มาตรการ AD กับไทยการส่งออกของไทยไปยังประเทศนั้นๆ ก็จะลดลงดังนั้น ถ้ายุติมาตรการเนื่องจากทั้ง 3 ประเทศยังมีอัตราการทุ่มตลาดสูง ย่อมมีโอกาสที่จะกลับมาส่งออกสินค้าทุ่มตลาดมายังประเทศไทย
2.ASEAN ไม่ใช่เป้าหมายในการส่งออกของ Brazil, Iran, Turkey...ข้อเท็จจริงคือ ประเทศใน ASEAN ที่มีการนำเข้าลดลงเนื่องจากประเทศที่เป็นเป้าหมายหลักมีการใช้มาตรการ AD ปริมาณที่ส่งออกมายังอาเซียนย่อมต้องลดลงอยู่แล้ว อีกทั้งประเทศที่เป็นผู้ใช้เหล็กรายหลักๆ เช่น เวียดนาม ปัจจุบันมีการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศสูงมาก ย่อมต้องส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าเหล็กในประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นการนำเข้าลดลงย่อมเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ หากพิจารณาสถิติการส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนในภาพรวมของทั้ง 3 ประเทศจะเห็นได้ว่ามีการส่งออกที่สูงขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะปี 2564 ดังนั้น จากในภาพรวมที่ทั้ง 3 ประเทศ ยังมีกำลังการผลิตส่วนเหลือรวมกันกว่า 14 ล้านตันย่อมต้องหาช่องทางในการส่งออกอย่างแน่นอน และหากประเทศไทยยกเลิกมาตรการย่อมต้องเป็นช่องให้ทั้ง 3 ประเทศ กลับมาทุ่มตลาดอย่างแน่นอน รวมถึงส่งออกเพิ่มขึ้นทดแทนการนำเข้าลดลงของประเทศที่มีการลงทุนโรงงานเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศอย่างประเทศเวียดนามด้วย
3.การพิจารณาความเสียหายของอุตสาหกรรมภายใน 15 ปัจจัยดีขึ้น...ข้อเท็จจริง คืออุตสาหกรรมเหล็กปี 2564 มีสถานะดีขึ้นทั่วทั้งโลก เนื่องจากขาดแคลนอุปทานจากสถานการณ์โควิด ดังนั้นเมื่อ Supply น้อยกว่า Demand ย่อมส่งผลให้ราคาปรับสูงขึ้นดังนั้นควรจะพิจารณาในประเด็นนี้ รวมถึงที่เคยกล่าวไปแล้วว่าการพิจารณาต่ออายุมาตรการพิจารณาจากแนวโน้มที่ประเทศที่มีพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมจะกลับมาสร้างความเสียหายหรือไม่ การดูแค่ผลในช่วงเวลาการไต่สวนจึงไม่ถูกต้อง รวมถึงกรมการค้าต่างประเทศเองก็เคยชี้แจงว่าประเด็นความเสียหายในปัจจุบันไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการต่ออายุมาตรการ
4.การใช้มาตรการ AD ของประเทศอื่นๆ กับทั้ง 3 ประเทศ มีเพียง USA, EU เท่านั้น...ข้อเท็จจริง USA = 1 ประเทศ EU = 27 ประเทศดังนั้นในความเป็นจริงเท่ากับว่าใช้มาตรการถึง 28 ประเทศ โดยเป็นประเทศที่มีปริมาณการใช้สินค้าเหล็กสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้นหากยุติมาตรการไป ประเทศไทยก็จะกลับไปเป็นเป้าหมายของทั้ง 3 ประเทศต่อไป
ด้วยหลักคิดของที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศและคณะกรรมการ AD ...จนนำไปสู่ผลการพิจารณาขั้นต้นให้ยุติการขยายเวลาการบังคับใช้การตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากประเทศบราซิล อิหร่าน และตุรกี ทั้งๆ ที่ทั้ง 3 ประเทศยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินอีกกว่า13 ล้านตัน และยังคงมีพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากการถูกใช้มาตรการ AD สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนทั่วโลก...แน่นอนว่าผลลัพธ์คือนอกจากจะกลับมาสร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตในประเทศแล้ว ยังอาจจะสร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้รายหลักของประเทศ และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศด้วย…
เมื่อพิจารณาจากศักยภาพในการส่งออกทั้ง 5 ประเทศ มีกำลังการผลิตส่วนเหลือกว่า 170 ล้านตัน รวมถึงพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่ถูกใช้มาตรการ AD สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจาก8 ประเทศทั่วโลก โอกาสที่ประเทศดังกล่าวจะกลับมาทุ่มตลาดหากยุติมาตรการไปนั้นมีสูงมาก และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่น หรือแม้แต่นักลงทุนประเทศต่างๆ ที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศจะต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน
อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศปี 2565 (ม.ค.-พ.ย.) มีการอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียงประมาณ 30% เป็นสินค้าเหล็กทรงยาว 32% (คงที่จากปี 2564) และเหล็กทรงแบน 28.2% (ลดลงจาก 33% ในปี 2564) ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ยังคงมีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำคือ ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินเป็นจำนวนมากในระดับโลกและอาเซียนทำให้เกิดสินค้าทุ่มตลาดนำเข้าจากต่างประเทศ โดยปัจจุบันยังคงพบอยู่โดยเฉพาะจากประเทศจีน และเวียดนาม ที่ยังคงมีสินค้าทุ่มตลาดในหลายๆ ผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยเฉพาะการส่งสินค้าเหล็กที่เจืออัลลอยเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าในปัจจุบัน
ที่สำคัญไทยไม่ยังไม่สามารถใช้มาตรการปกป้องการทุ่มตลาดได้มีประสิทธิภาพเท่ากับมาตรการของต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือสหภาพยุโรป ที่มีการบังคับใช้มาตรการ AD และมาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า (Anti Circumvention : AC) กับสินค้าดังกล่าว หรือแม้แต่การใช้มาตรการ Section 232 ของสหรัฐ หรือ Safeguard ของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ข้อมูล WTO ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 พบว่ามีการบังคับใช้มาตรการ AD/CVD ต่อสินค้าเหล็กสำเร็จรูปถึงประมาณ200 กรณี และยังอยู่ระหว่างการไต่สวนอีกประมาณ120 กรณี (แยกตามสินค้า และประเทศที่บังคับใช้) โดยประเทศจีน และเวียดนามเป็นประเทศที่ถูกใช้มาตรการมากเป็นอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ส่วนประเทศหลักที่ใช้มาตรการ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหภาพยุโรป เป็นต้น
ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ยังให้ความสำคัญในการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศจากการค้าที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่จะเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมที่สำคัญอื่นๆ...เหตุใดรัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ของไทย จึงไม่มีหลักการคิดเช่นนี้บ้าง???
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี