ชีวิตในวัย 50+ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่หลายคนเริ่มมองหาความมั่นคงในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเกษียณอายุ หรือการจัดสรรเงินออมที่ทำงานมาทั้งชีวิตให้งอกเงย สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือ “สุขภาพกาย”และ “สุขภาพการเงิน” เป็นสองสิ่งที่ต้องดูแลควบคู่กันอย่างแยกไม่ออก เพราะสุขภาพที่ดีย่อมลดภาระทางการเงินในอนาคตในขณะที่สุขภาพการเงินที่แข็งแรงก็ช่วยให้เราเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดได้การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนวัยนี้จึงไม่ใช่แค่การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแต่เป็นการลงทุนในตัวเองอย่างรอบด้าน ทั้งร่างกายและเงินในกระเป๋า
ปัจจัยที่ต้องจับตา : ค่าใช้จ่ายสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในไทย
หนึ่งในความจริงที่น่ากังวลสำหรับผู้สูงอายุในไทยคือ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุและหน่วยงานต่างๆ พบว่าค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งของผู้สูงอายุอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท และมีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-8% ต่อปี ซึ่งถือเป็นภาระหนักสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำหรือรายได้หลังเกษียณ
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังประเมินว่า มูลค่าการใช้จ่ายรวมของผู้สูงอายุไทยในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2029 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าการวางแผนการเงินเพื่อรองรับสุขภาพและการใช้ชีวิตในบั้นปลายไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป
นอกจากค่าใช้จ่ายรายบุคคลแล้ว ภาครัฐเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ในแต่ละปีรัฐต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผู้สูงอายุที่หกล้มเกือบ 1,500 ล้านบาทและตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 13 ล้านคนหรือคิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด
สุขภาพกายคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
หลายคนอาจมองว่าการดูแลสุขภาพคือค่าใช้จ่ายแต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงที่สุดการมีสุขภาพกายที่ดีช่วยลดโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลระยะยาวได้เป็นจำนวนมาก เงินที่ต้องจ่ายให้กับการตรวจสุขภาพประจำปี การซื้ออาหารที่มีประโยชน์หรือค่าสมาชิกฟิตเนส อาจดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายแต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยหนักๆ แล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่ามาก
การดูแลสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ลดการบริโภคน้ำตาลและโซเดียม งดสูบบุหรี่และดื่มสุรารวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอและจัดการกับความเครียดล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถรักษาเงินออมไว้ได้ในระยะยาว เพราะเมื่อสุขภาพดีการใช้ชีวิตประจำวันก็มีความสุขและมีพลังมากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับภาระค่ารักษาที่อาจทำให้เงินเก็บที่มีมาทั้งชีวิตหมดไปในเวลาอันสั้น
ตลาด Wellness & โอกาสสำหรับคนวัย 50+
ในปัจจุบัน ตลาด Wellness (สุขภาพและการดูแลตนเอง) ในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่ารวมในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาทและมีแนวโน้มจะเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นและมองหาสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรแกรมออกกำลังกาย โยคะ รีทรีต หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
- อาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร : การเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมที่จำเป็นสำหรับวัย
- โปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสม : เช่น คลาสโยคะ พิลาทิส หรือการจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวที่เข้าใจสรีระของคนวัยนี้
- การดูแลสุขภาพจิตใจ : การเข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยคลายความเครียด เช่น การทำสปา การนวดบำบัดหรือการเดินทางไปพักผ่อนในสถานที่เงียบสงบ
- เทคโนโลยีและบริการด้านสุขภาพ : การใช้แอปพลิเคช่ันสุขภาพเพื่อติดตามการออกกำลังกายหรือโภชนาการหรือบริการ Telemedicine เพื่อปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ซึ่งช่วยให้การดูแลสุขภาพสะดวกสบายยิ่งขึ้น
แนวทางการวางแผน : ออมเพื่อสุขภาพและเตรียมพร้อมทางการเงิน
การที่อายุ 50+ เป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนที่ไม่ช้าเกินไป การลงทุนในสุขภาพกายและสุขภาพการเงินเป็นสิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในแง่ของ คุณภาพชีวิต การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดได้ในยามจำเป็น ตลาดWellness ที่กำลังเติบโตในไทยเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้จ่ายกับสิ่งที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณให้ดียิ่งขึ้นถึงเวลาแล้วที่คนวัย 50+ จะมองสุขภาพของตัวเองเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดควบคู่ไปกับการออมและการวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มีความสุขและไร้ความกังวล
ดร.กร พูนศิริวงศ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี