จะว่าไปแล้ว การที่อาณาจักรญี่ปุ่นเข้ามายึดครองไต้หวัน ระหว่างปี ค.ศ.1895 จนถึงปีค.ศ.1945 ถือเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกของประชาชนบนเกาะฟอร์โมซาให้ยาวนานไปอีกหลายปี
การแตกแยกของประชาชนบนเกาะฟอร์โมซา แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ ระหว่างชนชาวจีนที่มาจากแผ่นดินใหญ่จีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง กับชนพื้นเมืองที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา และ ชาวญี่ปุ่นที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะฟอร์โมซา ในช่วงราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง
สิ่งที่อาณาจักรญี่ปุ่นต้องการอย่างมากจากเกาะฟอร์โมซา ก็คือ ไม้หอม หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า ฮิโนกิ(HINOKI) หรือ ต้นสนในตระกูลไซเปรส (CYPRESS) ซึ่งเรียกว่า TAIWANIA และบังเอิญว่า ต้นสนชนิดนี้มีอยู่บนภูเขาแถบภาคใต้ของเกาะฟอร์โมซาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบนเขาอาลีซาน ใกล้เมืองเจียอี้(CHIA-I)
(หมู่บ้าน คิโนกิ ในเมืองเจียอี้ ที่แสดงตัวตน และ จิตวิญญาณ
ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ยังคงฝังรากลึกในภาคใต้ของญี่ปุ่น)
ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงเข้ามากอบโกยทรัพยากรไม้เหล่านี้กลับไปประเทศตัวเองกันขนานใหญ่ โดยอาจจะตอบแทนชาวพื้นเมืองด้วยทรัพย์สินเงินทองเล็กๆน้อยๆ และทำให้ชาวพื้นเมืองมีความรู้สึกที่ดีต่อชาวญี่ปุ่น หรือ อาจจะรู้สึกว่าชาวญี่ปุ่นเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขาด้วยก็ได้
(ความชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นของชาวไต้หวันที่เมืองเจียอี้
มีมากขนาดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบญี่ปุ่น เข้ามาเดินเล่นในหมู่บ้าน ฮิโนกิ)
ทำให้ประชาชนครึ่งภาคใต้ของไต้หวันนับตั้งแต่เมืองไถจงลงไปโดยประมาณ มีความนิยมต่อชาวญี่ปุ่นมากเป็นพิเศษ
(จังหวัด และ เมือง ไถจง ที่อยู่ตรงกลางของประเทศไต้หวัน
แบ่งไต้หวันออกเป็นภาคเหนือ และ ภาคใต้)
เรื่องนี้ก็คงจะไม่ต่างจากจากเมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว ที่ชาวตะวันตกเข้ามาตัดไม้สักจากเมืองไทยแล้วขนกลับบ้านกันอย่างมโหฬาร โดยที่คนไทยเราก็ยังรู้สึกภูมิใจว่า สินค้าส่งออกสำคัญของไทยคือ ไม้สัก และอาจจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อพวกฝรั่งที่มาขนทรัพยากรของเราออกไปด้วยซ้ำ โดยแลกกับเศษเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่า อาณาจักรญี่ปุ่นได้สร้างประโยชน์ให้แก่เกาะไต้หวันเช่นกัน เพราะได้นำเอาการขนส่งระบบรางมาใช้ในไต้หวัน แม้จะเริ่มต้นรถรางที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยแรงคนหรือสัตว์ แต่ก็เป็นการวางรากฐานของรถไฟบนเกาะไต้หวันในเวลาต่อมา
(รถไฟที่ญี่ปุ่นนำเข้ามาใช้ในเมืองเจียอี้ ในยุคแรกๆ
เพื่อใช้ในการขนถ่ายไม้หอมจากบนภูเขาอาลีซาน ลงมาสู่เมืองเจียอี้)
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ก่อตั้งธนาคารแห่งไต้หวันขึ้น โดยเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่าง บริษัทมิตซูบิชิ กับ มิตซุย กรุ๊ป ซึ่งนำความเจริญก้าวหน้าทางการเงิน การธนาคารมาสู่ไต้หวัน
(ธนาคารแห่งไต้หวัน ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ก่อตั้งให้ ในปีค.ศ.1897 ในกรุงไทเป)
นี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนชาวไต้หวันส่วนหนึ่งมีความนิยมชมชอบต่ออาณาจักญี่ปุ่น
จนเมื่อ นายพล เจียง ไค เช็ค นำพลพรรคประมาณ 2 ล้านคนไปตั้งหลักปักฐานบนเกาะไต้หวัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปีค.ศ.1949 ขณะนั้น อาณาจักรญี่ปุ่นได้ถอนตัวออกไปจากเกาะไต้หวันประมาณ 4 ปีแล้ว
การปกครองคนในประเทศที่ก่อตั้งใหม่ ที่มีความแปลกแยกกันทางความคิดอย่างสุดขั้วแบบนี้ เป็นเรื่องไม่ง่าย
ด้วยเหตุที่เจียง ไค เช็ค ได้นำผู้คนประมาณ 2 ล้านคนมาปักหลักในภาคเหนือของเกาะที่เมืองไทเป อาจเป็นเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า ผู้คนทางเหนือของไต้หวันมีใจฝักใฝ่ต่อจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งง่ายต่อการกลมกลืน และ และปกครอง
แต่กับผู้คนทางใต้ ซึ่งมีความผูกพันกับอาณาจักรญี่ปุ่น และน่าจะมีผู้คนเชื้อสายญี่ปุ่นอาศัยอยู่มาก คงไม่ง่ายที่เจียง ไค เช็ค จะปกครองภาคใต้ได้อย่างราบรื่น
(แม้แต่เสื้อยืดที่ระลึกที่ขายในหมู่บ้านฮิโนกิในปัจจุบันนี้ ยังแสดงออกอย่าง
ชัดเจนว่านิยมชมชอบอาณาจักรญี่ปุ่น ถึงขนาดมีตัวหนังสือบนเสื้อระบุว่า
ไถหนาน และ ไถจง เป็นอาณาจักรญี่ปุ่น(EMPIRE OF JAPAN))
ดังนั้น ในประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งที่มิได้บันทึกของไต้หวัน แต่มีผู้รู้เล่าให้ฟังก็คือ รัฐบาล เจียง ไค เช็ค ต้องใช้อำนาจกำปั้นเหล็กในการปราบปรามผู้ที่ไม่ยอมรับ และพวกที่แข็งขืนต่อต้านรัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋งอย่างหนัก
ว่ากันว่า มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นบาดแผลในจิตใจของผู้คนทางใต้ที่ผูกใจเจ็บต่อรัฐบาลของพรรคกั๊ว มิน ตั๋ง เรื่อยมาแม้จนทุกวันนี้ก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น การที่รัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋ง ได้ประกาศว่า ชื่อของประเทศว่า "ประเทศสาธารณะรัฐจีน มณฑลไต้หวัน" (แปลจากชื่อของประเทศที่ประกาศเป็นภาษาจีน แต่ไม่ปรากฎในชื่อในภาษาอังกฤษ) เท่ากับว่า รัฐบาลเจียง ไค เช็ค ยอมรับว่า ไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่
ไม่รู้ว่าเป็นแนวนโยบายยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่จีน หรือ เจียง ไค เช็ค หวังลึกๆ ว่า สักวันหนึ่ง จะนำทัพกลับไปยึดจีนแผ่นดินใหญ่กลับคืนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน
จึงได้ผูกมัดแผ่นดินใหญ่จีน กับ ไต้หวัน เสียขนาดนี้
พบกันใหม่สัปดาห์ครับ
สนใจเดินทางท่องเที่ยวไต้หวัน อิหร่าน และ อียิปต์ ในช่วงฤดูหนาวนี้ เชิญติดต่อ บริษัท ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ จำกัด โทร 02 651 6900
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี