ในสมัยที่ “คนรุ่นผม” เป็นหนุ่มสาว กระแสการเมืองแรงจัด นับตั้งแต่ 14 ต.ค. 16 – 6 ต.ค. 19 – 15 พ.ค.35 พวกนักศึกษา-ปัญญาชนที่สนใจการเมืองและต่อต้านระบอบเผด็จการล้วนขนานนามตัวเองว่าเป็น “พวกหัวก้าวหน้า” ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า “พวกหัวรุนแรง” (พวกนิยมลัทธิคอมมิวนิสม์)
คนรุ่นผมครองตำแหน่งพวกหัวก้าวหน้ายาวนานมาก แม้ว่าอายุจะมากขึ้นทุกวินาที – ทุกปีก็ตาม จนกระทั่งมาถึงยุครัฐบาลไทยรักไทย โดยคุณทักษิณ ชินวัตร คนรุ่นผมจำนวนมากจึงกลายเป็น “พวกล้าหลัง”
ยกเว้นคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับคุณทักษิณและเสื้อแดง
เพราะมี “คนรุ่นใหม่” ได้สถาปนาตนเองเป็น “พวกหัวก้าวหน้า” แทน
ยิ่งในช่วงการรณรงค์เลือกตั้งตอนนี้ยิ่งมีพวกหัวก้าวหน้ามากขึ้นทุกที ส่วนมากก็เป็นคนหนุ่มสาวเช่นเดียวกับในสมัยคนรุ่นผมเป็นหนุ่มสาว
“ฉลาก” ที่นำมาแปะตัวเองให้เป็นพวกหัวก้าวหน้านั้นก็ไม่ต่างกันนัก คือเป็นคนต่อต้านเผด็จการทหาร ซึ่งส่วนมากก็เป็นพวกลิเบอรัลและคอมมิวนิสต์ ส่วนที่แตกต่างกันก็คือ คนรุ่นผมต่อต้านทหารที่เป็นเผด็จการจริง ส่วนคนก้าวหน้ารุ่นนี้จำนวนมากขาดความรอบรู้และรู้ลึก และนิยมชมชอบที่จะรับความคิด – ความเชื่ออย่างผิวเผินมากจากคนเด่นคนดังและครูอาจารย์ที่สอนพวกเขา
คนเด่นคนดังในตอนนี้ก็ย่อมเป็นคุณธนาธรและคุณปิยบุตรแห่งพรรคอนาคตใหม่
ในสมัยที่คนรุ่นผมเป็นหนุ่มสาว และเรียกตัวเองว่าพวกหัวก้าวหน้า ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะก่นด่าคนที่ไม่ได้คิดและเชื่ออย่างตนว่า “พวกไดโนเสาร์ – เต่าล้านปี”
ส่วนคนรุ่นนี้ด่าพวกที่มีความคิดและความเชื่อไม่เหมือนตนว่า “พวกทาก ปลิง ปรสิต” (พูดราวกับว่าพวกเขาสร้างสังคมขึ้นมาเองและเป็นเจ้าของสังคมนี้)
พวกเขาประกาศว่าจะต้องกำจัดพวกทาก ปลิงและปรสิตให้ผมไป ประเทศไทยจึงจะเจริญ
เพราะพวกเขาคิดและเชื่ออย่างเดียวกับคุณธนาธรและคุณปิยบุตร...ที่เห็นคนรุ่นเก่าและสังคมเก่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและสังคมให้เจริญ - เป็นพวกที่สร้างความไม่เป็นธรรมให้สังคม ค้ำจุน “ระบอบเก่า” ให้คงอยู่
ทำประเทศไทยให้เป็น “กะลาแลนด์”
ผมจึงไม่แปลกใจที่ “หัวขบวน” อย่างคุณธนาธรและคุณปิยบุตรจะประกาศกวาดล้างขนบธรรมเนียม ประเพณี ไม่เอาศาสนา ไม่เอาทหาร ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ ไม่เอาอะไรทั้งนั้นนอกจากตนและพวกตน
แต่ความคิดและความเชื่อที่ “ก้าวหน้า” ของพวกเขาก็ไม่ได้ก้าวล้ำไปจากปัจจุบัน แต่กลับเก่าคร่ำเป็นวัตถุโบราณ ตั้งแต่การปฏิวัติในฝรั่งเศสในปี 1789 (เป็นสาธารณรัฐ – ลิเบอรัล) ต่อมาก็ลัทธิมาร์กซ์ ซึ่งก็ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่าล้มเหลว
เพราะไม่ว่ามันจะให้ความฝันและคำมั่นสัญญาไว้สูงส่งหนักแน่นปานใด สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่คัมภีร์แห่งความฝัน เพราะคนที่นำมันมาปฏิบัติก็ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับกมลสันดานของตนเองทั้งสิ้น เราจึงเห็นว่ามีลัทธิแยกย่อยมากมาย เช่น เลนินิสต์ เหมาอิสต์ สตาลินิสต์ เป็นต้น
พูดอีกแบบก็คือ มันถูกใช้ไปตามกิเลสตัณหาของคนที่มีอำนาจ ซึ่งก็เป็นเผด็จการโหดเหี้ยมทั้งนั้น
สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันสักประเทศเดียว แต่เข่นฆ่ากันล้มตายหลายสิบล้านคนทั่วโลก
แต่ทำไมมันทั้งสองลัทธินี้ยัง “ขายได้” ในเมืองไทย?
นั่นเพราะพวกหัวขบวนทั้งหลายยังหลงใหลสองลัทธินี้และมโนเอาว่ามันจะใช้ได้ผลในประเทศไทย...โดยพวกเขาเป็นผู้นำ!
พวกเขาศึกษาลัทธิทั้งสอง แต่ไม่ศึกษาสภาพสังคมไทย ไม่รู้จักนิสัยคนไทยโดยทั่วไป ได้แต่หลงคิดว่า ถ้าทำลายสังคมเก่าให้สิ้นซาก สังคมใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาเอง และพวกเขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ตามที่ลัทธิทั้งสองได้สอนไว้
ดังนั้นพวกเขาจึงมองไม่เห็นว่า “มีอะไรดี” ในสังคมไทย
ไม่ว่าใครจะพยายาม “ปลุกระดม” ในโอกาสหาเสียงเลือกตั้ง และพวกหัวก้าวหน้าจะสนับสนุนอย่างไร ผมเชื่อว่าเขาจะทำอะไรอย่างที่ประกาศไว้ได้ไม่มากนัก
เพราะสิ่งที่เขาประกาศ(นโยบาย) นั้นเพ้อเจ้อ ไม่มีฐานความจริงรองรับ
ผมไม่เห็นด้วยที่ “ความก้าวหน้า” ของประเทศจะต้องสร้างด้วยการแบ่งฝ่าย – แบ่งชนชั้นแล้วเข่นฆ่าทำลายล้างกัน เพราะศพ - เลือดและน้ำตาของมนุษย์นั้นไม่สามารถสร้างสังคมที่ดีงามขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะต้องสังเวยชีวิตมากมายเท่าไร เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วทั่วโลก
ความคิดและความเชื่อของพวกหัวก้าวหน้านั้นเป็นเผด็จการมากกว่าพวกทหารที่ครองอำนาจอยู่ในตอนนี้มากนัก
มันเป็นเผด็จการทรราชย์.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี