วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในอดีต...อย่างน้อยก็ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงได้กล่าวไว้ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ไม่ว่าศิลาจารึกนี้จะถูกสร้างขึ้นในสมัยใดก็ตาม แต่ก็เป็นข้อมูลยืนยันถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติได้ดี สมัยผมเป็นเด็กอาศัยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนก็ประจักษ์แก่ตาตัวเองมาแล้ว กุ้งก้ามกรามตัวโตๆหาไม่ยาก แค่ดำน้ำลงไปควานใต้ตอหรือซุ้มไม้ก็จับตัวขึ้นมาได้แล้ว ไม่มีเงินสักบาทก็ไม่อดตาย
ตอนที่ผมเรียนอยู่ในชั้นประถมต้น (พ.ศ.2505 - 2508) ในหนังสือเรียนบอกว่าประเทศไทยมีป่าไม้ 75 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ นอกจากนี้ก็ยังมีแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง และแหล่งน้ำอื่นๆกระจายอยู่ทั่วประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติของผู้คนทั้งนั้น
แต่ล่วงมาถึงยุคพัฒนาประเทศ นับแต่มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจในปี 2504 เป็นต้นมา ทรัพยากรธรรมชาติก็ลดน้อยถอยลงอย่างน่าใจหาย ขณะที่พลเมืองเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งแข่งกับการพัฒนาประเทศทางด้านวัตถุ
ผลของการพัฒนาก็คือประเทศไทยเหลือป่าไม้แค่กระแบะมือ ห้วย หนอง คลอง บึงและแหล่งน้ำอื่นๆล้วนแต่ตื้นเขินเสียส่วนมาก บ้างก็เป็นแหล่งรองรับน้ำเน่า บ้างก็ถูกถมเพื่อการก่อสร้าง ส่งผลกระทบถึงทางเดินของน้ำตามธรรมชาติ น้ำจึงท่วมในปีที่มีน้ำมาก ส่วนในปีที่มีน้ำน้อยก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก
แหล่งอาหารธรรมชาติก็แทบจะสูญสิ้นไปด้วย
ผู้คนในท้องถิ่นจึงต้องพึ่งตลาด และระบบตลาด
จะพึ่งตลาดได้ก็ต้องทำงานหาเงินไปซื้อของกินของใช้ในตลาด
จะทำงานหาเงินก็ต้อง “ขาย” ความรู้ความสามารถหรือขายแรง
ชีวิตเราทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนตายจึงอยู่ในระบบตลาด
เราเป็นทั้งสินค้าและผู้ซื้อสินค้า
และดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถออกไปจากระบบตลาดได้
เราต่างก็ดิ้นรนขวนขวายร่ำเรียน แก่งแย่งแข่งขันกันทำงานหาเงิน “ซื้อๆขายๆ” จนเราไม่สงสัยอะไรอีกต่อไปว่า “เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตในชาติหนึ่งของเรา?”
ซ้ำกลับยอมรับ “วิถีชีวิตและวิธีการดำเนินชีวิต” ในระบบตลาดราวกับว่ามันเป็น “ธรรมชาติ” ของชีวิต อย่างเดียวกับอวัยวะต่างๆที่ประกอบกันขึ้นเป็นร่างกายของเรา
ในมุมมองของเศรษฐกิจ เราถูกขังอยู่ในคอกแห่งระบบตลาด
ในมุมมองของคุณค่าแห่งชีวิต เราได้สูญเสียธรรมชาติของชีวิตไป
ไม่ว่าจะในมุมมองไหน...เราต่างก็สูญเสียทรัพยกรธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์ เราต่างก็สูญเสียการพึ่งพาตนเอง เราต่างก็สูญเสียศักยภาพที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างปรกติตามธรรมชาติ รวมทั้งสูญเสียศักยภาพที่จะพัฒนาตนขึ้นสู่ความสมบูรณ์ของชีวิต
ประการสำคัญ เราได้สูญเสียเวลาแห่งชีวิตไปกับการดิ้นรนขวนขวาย ไขว่คว้า แสวงหาวัตถุและเกียรติยศชื่อเสียงมาครอบครอง เพราะเราเชื่อมั่นว่ามันคือคุณค่าของชีวิต ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย และได้รับการยกย่องสรรเสริญ หรือมีอำนาจเหนือคนอื่นๆ
ถ้าเราเป็นปลา...ก็ไม่ใช่ปลาในท้องน้ำ หากแต่เป็นปลาในกระชัง
ถ้าเราเป็นนก...ก็ไม่ใช่นกในท้องฟ้าและป่าดง หากแต่เป็นนกในกรง
เราเป็นมนุษย์...ทว่าเป็นมนุษย์ที่ขังตัวเองไว้ในคอกแห่งระบบตลาด
แม้เราจะสามารถเปิดประตูคอกได้ แต่เราก็ไม่ยอมเปิด เรากลัวที่จะก้าวออกไป และกลัวว่าจะมีสิ่งอื่นที่อันตรายจะเข้ามาในคอกอันคุ้นเคยของเรา ชั่วชีวิตเราจึงไม่ยอมออกไปไหน
เรามีคาถาปกป้องและให้กำลังใจตัวเองอยู่แล้วว่า “สู้ต่อไป” !
แล้วเราก็สู้ต่อไปจนเดี้ยง และชีวิตล้มหายตายจากไป
ซากศพของเราก็ถูกเผาอยู่ในคอกแห่งระบบตลาด
จิตวิญญาณเสรีของเราก็ไม่ได้โบบินไปไหน ยังวนเวียนอยู่ในคอกแห่งระบบตลาดเช่นกัน
ผมเองก็ไม่สามารถออกจากคอกแห่งระบบตลาดไปได้ แต่การได้เห็น “คอกนามธรรม ” ก็ช่วยให้รู้จักทางหนีทีไล่ของมันได้ และมีเวลาได้อยู่กับความเป็นอิสระจากคอกนามธรรมนั้นได้บ้าง
อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายในระบบตลาด “เป็นแค่เกม” เท่านั้น และเป็นเกมที่จำใจเล่น
ไม่หลงคิดว่ามันคือทั้งหมดของชีวิต หรือเป็นชีวิตเราทั้งหมด
วิมล ไทรนิ่มนวล

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี