ดิฉันห่างหายจากการเขียนคอลัมน์ “แก้ผ้าลุงแซม” เพราะเดินทางกลับไปทำธุระที่เมืองไทยเป็นเวลาสองเดือน ครั้งสุดท้ายที่กลับไทยคือเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงสมัยประธานาธิบดีโอบาม่า หลังจากเสร็จธุระที่ไทยจึงเดินทางกลับอเมริกา แต่หนนี้พบว่าบรรยากาศด่านตรวจคนเข้าเมืองในอเมริกาแปลกเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ
ดิฉันอยู่อเมริกามา 19 ปี ทุกครั้งที่เดินทางกลับจากเมืองไทย จะบินมาลงที่สนามบินโอแฮร์ในชิคาโก้ เพราะถือเป็นสนามบินนานาชาติที่ใกล้บ้านที่สุด ตลอดระยะเวลายาวนาน ด่านตม.ที่ชิคาโก้มีบรรยากาศเป็นมิตรมาก อยากจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ
บางสนามบินต้องเดินกันไกลมากกว่าจะถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ แต่สนามบินชิคาโก้ เดินเพียงช่วงสั้นๆ ก็ถึงด่าน ก่อนที่เครื่องบินจะร่อนลงสู่อเมริกา ทางสายการบินจะแจกใบศุลกากร ซึ่งเป็นธรรมเนียมปกติที่จะต้องกรอก
ในใบนั้นจะถามประมาณว่า นำทรัพย์สินมาเกินจำนวนเท่านั้นเท่านี้ไหม นำอะไรที่ต้องสำแดงมาบ้าง เช่น อาหาร พืช อะไรทำนองนี้ ดิฉันจำรายละเอียดต่างๆได้ไม่ทั้งหมด หากนำอาหารมาก็ต้องแจ้งไปตามจริง หากจับได้ภายหลังจะเจอโทษปรับหนักมาก อาหารที่ห้ามนำเข้าอเมริกาก็จะมีพวกหมู อย่าง หมูแผ่น หมูหยอง พวกนี้ต้องห้าม หรือขนมเปี๊ยะ ซึ่งมีส่วนของไข่ไก่ กฎข้อห้ามเหล่านี้ บรรดาคนไทยในอเมริกาต่างรู้ดี เพราะเดินทางเข้าออกกันจนชิน
หลังกรอกใบก็แนบไปกับพาสปอร์ต หากมีกรีนการ์ดก็แนบไปด้วยเพื่อผ่านด่านตม. เมื่อถึงด่านตม. จะมีการแยกเป็นสองแถวอย่างชัดเจนคือ นักท่องเที่ยวกับพลเมือง พวกที่ถือกรีนการ์ดให้นับเป็นพลเมืองอเมริกัน เมื่อถึงด่านก็ตอบคำถามนิดๆ หน่อยๆ เจ้าหน้าที่ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง บอกตรงๆ ว่าบรรยากาศแป็นมิตรมาก เพราะทุกคนยิ้มแย้มต้อนรับขับสู้ พอประทับตราแล้วมักจะบอกว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
บรรยากาศระหว่างกันนั้นเป็นกันเองมาก มีการกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ใช้บริการ หนหนึ่งเคยเจอเจ้าหน้าที่ศุลกากรหน้าตาฝรั่งจ๋า ตอนแรกก็ถามภาษาอังกฤษ พอสักพัก พี่แกถามภาษาไทยเฉยเลยว่า
“เอาบ๊วยเค็มมาด้วยหรือเปล่า อร่อยนะ บ๊วยเค็ม”
ว่าแล้วก็หลิ่วตาให้ดิฉันอย่างขี้เล่น เล่นเอาคนฟังอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าฝรั่งคนนี้จะพูดไทยได้ คาดว่าคงมีแม่เป็นคนไทย เลยรู้จักบ๊วยเค็มดี
แต่หนนี้บรรยากาศแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หลังเดินออกจากเครื่องบินเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีการแยกเป็นสองแถวเหมือนก่อน แต่ให้เข้าแถวเดียวคละไปหมด และบังคับให้ทุกคนต้องกรอกข้อมูลกับเครื่อง ซึ่งคำถามก็เป็นคำถามเดียวกับที่ถามในใบที่แจกบนเครื่องบิน เลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำอะไรให้ซ้ำซ้อนทำไม นอกจากนั้นยังต้องถ่ายรูปและสแกนนิ้วมือ เชื่อว่าหลายคนคงทำไม่เป็น เพราะไม่ชำนาญการใช้เครื่องแบบนี้ เลยยิ่งทำให้ชุลมุนและล่าช้ากว่าเก่ามาก เพราะจะต้องรอเจ้าหน้าที่มาคอยสอนการกรอกให้
บรรยากาศไม่เป็นมิตรที่ชัดเจนอีกอย่างคือ ระหว่างที่เข้าแถว ตำรวจจะพาหมาตำรวจเดินวนเวียนคอยดมตามกระเป๋าลากและกระเป๋าสะพาย ซึ่งสมัยก่อนไม่เคยมีแบบนี้ เพื่อนคนไทยคนหนึ่งเล่ามาเอาหมอนขิดมาจากเมืองไทย เจอหมาตำรวจพวกนี้หยุดราวกับเจอวัตถุต้องสงสัย สุดท้ายเลยต้องแหวกหมอนจนนุ่นกระจาย ฝูงหมาพวกนี้วนเวียนเดินดมไม่จบสิ้น สร้างความรู้สึกไม่เป็นมิตรและหวาดกลัวไปทั่ว ขนาดดิฉันไม่ได้ขนของผิดกฎหมายอะไร ยังหายใจไม่ทั่วท้องนัก เพราะกลัวหมาจะอยากกินปั้นสิบในกระเป๋าลากที่เอามากินระหว่างรอต่อเครื่อง
หลังจากรอเป็นเวลานาน ก็ต้องไปเข้าแถวเพื่อตอบคำถามอิมมิเกรชั่นอยู่ดี ดิฉันสังเกตว่ามีการเพิ่มจำนวนตำรวจอิมมิเกรชั่นมากกว่าเดิม อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ตำรวจแต่ละนายไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสนัก แถมป้ายที่แปะบอกบริเวณด่านก็ไม่ได้เป็นมิตรนัก เช่น จะให้แสดงของต้องสำแดงดีๆ หรือจะให้หมาตรวจเจอ ซึ่งจำได้ว่าแต่ก่อนไม่เคยเห็นป้ายแบบนี้เลย
ปกติแล้วดิฉันผ่านด่านอิมมิเกรชั่นอย่างครึกครื้นและเป็นกันเอง โดยใช้เวลาไม่นานนัก บางคนถามถึงผัดไทยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นพาสปอร์ตไทย แต่หนนี้ไม่เหลือบรรยากาศแบบนี้อีกแล้ว เจ้าหน้าที่ค่อนข้างกระโชกโฮกฮาก ซักไซ้ไล่เรียงราวอาชญากร ที่แปลกกว่าเดิมคือ ต้องโชว์ตั๋วเครื่องบินทั้งขาออกจากกรุงเทพมาถึงเซี่ยงไฮ้ และจากเซี่ยงไฮ้มาถึงชิคาโก้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่รู้จักสายการบินไชน่า อีสเทิร์นที่โดยสารมา จากนั้นก็ถามละเอียดเกี่ยวกับเมืองที่อาศัยอยู่ ดิฉันพยายามอธิบายจนอ่อนใจ เพราะถามแม้กระทั่งว่าทำไมพาสปอร์ตถึงว่างเปล่า คือพอดีพาสปอร์ตเล่มเก่าหมด เลยถือโอกาสทำเล่มใหม่ที่เมืองไทยเลย
ทั้งหมดนี้เสียเวลาที่ด่านตม.ชั่วโมงกว่า จากแต่เดิมเสียเวลาประมาณ 15 นาที พอหลุดด่านตม.มาได้แล้ว ไอ้ฝูงหมายังวิ่งวนเวียนคอยดมที่สายพาน บริเวณไปรับกระเป๋า บรรยากาศดูตึงเครียดและไม่เป็นมิตรอย่างร้ายกาจ สอบถามได้ความว่าทั้งหมดนี้เริ่มต้นตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี น่าเสียดายที่ทำลายบรรยากาศเป็นกันเองระหว่างอิมมิเกรชั่นกับผู้เดินทางเข้าประเทศจนหมดสิ้น
ช่วงนี้ลุงแซมก่อเรื่องไว้เยอะมาก แต่เห็นเป็นช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า เลยเล่าสู่กันฟังเบาๆ สบายๆ เข้ากับบรรยากาศช่วงวันหยุดยาวของอเมริกาตอนนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี