ฝุ่นยังคงตลบในอเมริกาการประท้วงการเหยียดผิว ยังคงดำเนินต่อไปตามเมืองใหญ่ๆ ท่ามกลางสถานการณ์สาหัสของโควิด 19 มาดูตัวเลขล่าสุดกันก่อนเป็นไรอเมริกายังคงยืนหนึ่งในความเป็นเจ้าโรคสมกับสโลแกนของตาลุงผมเป๋ที่จะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง จำนวนผู้ป่วยตอนนี้คือสองล้านสามแสนกว่ารายตายไปหนึ่งแสนสองหมื่นกว่าๆ จำได้ว่าช่วงที่มีการพยากรณ์ว่าถึงจุดสูงสุดประมาณเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตอนนั้นคนติดเชื้อรายวันประมาณสองหมื่นห้าพันรายก็น่าตกอกตกใจมากพออยู่แล้ว ทุกคนคิดว่าหากจุดนั้นคือจุคพีคและคิดว่าจะลดลงมาเรื่อยๆ เพราะผ่านจุดพีคมาแล้วแต่นาทีนี้หลอนหนักกว่าเก่า เพราะหลังเปิดเมืองเปิดรัฐตลอดอาทิตย์พบผู้ป่วยรายวันเพิ่มสูงอย่างน่ากลัว คือประมาณวันละสามหมื่นสามพันราย หนักกว่าเก่าอีกรัฐที่เคยมียอดคนป่วยไม่สูงมากกลายเป็นพุ่งกระฉูดหลังเปิดเมือง และหลังการประท้วงขณะที่รัฐที่เคยเป็นดงระบาดหลายรัฐอย่างรัฐนิวยอร์กและมิชิแกนเริ่มเนือย แม้จำนวนผู้ป่วยลดลงแต่ยังไว้ใจไม่ได้
แคลิฟอร์เนียนี่ติดโผ 1 ใน 5 มาแต่ไหนแต่ไรยอดป่วยยอดตายสูงสุดในอเมริกามาตลอดแบบยืนหนึ่งนาทีนี้ผวาหนักกว่าเดิม เพราะยอดป่วยใหม่แต่ละวันล่อไปวันละสี่พันกว่ารายเฉพาะในรัฐนอกจากนี้รัฐที่น่าห่วงคือรัฐทางใต้ เช่น เท็กซัส ป่วยกันวันละ 3,500 ราย
ฟลอริด้าป่วยเพิ่มวันละสองพันหกร้อยรายนอร์ธแคโรไลน่าและแอริโซน่าป่วยเพิ่มวันละพันกว่า..จัดว่าสาหัสใครที่มีญาติพี่น้องลูกหลานเรียนในรัฐที่ว่านี้ แนะนำตรงๆเลยว่าให้ส่งเจลล้างมือและแอลกฮอล์ไปให้เพราะหลายเมืองหลายรัฐยังหาซื้อไม่ได้ตอนนี้ย่างเข้าสู่หน้าร้อน อเมริกันทั้งหลายเลยไม่ยอมใส่หน้ากากอ้างว่าร้อนบ้างอะไรบ้าง แล้วใช้ชีวิตตามปกติ เน้นว่าตามปกติจริงๆเพราะไม่ดูแลป้องกันตัวเองแต่อย่างใดคนที่ป้องกันตัวเองก็หมอบต่ำระวังภัยกันเอง คนที่ไม่ระวังก็นำตัวไปเสี่ยงจนสุดท้ายกลายเป็นภาระหมอ วัดดวงกันนาทีสุดท้ายว่าจะอยู่หรือตายการประท้วงยังไม่จบสิ้น แถมหนักกว่าเดิมเริ่มลามไปทำลายรูปปั้นอนุสาวรีย์ต่างๆสร้างความปวดใจแก่ผู้รักประวัติศาสตร์ที่สุด บางรัฐถึงกับต้องเคลื่อนย้ายรูปปั้นออกจากตำแหน่งเดิมกันอลหม่าน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทุบทำลาย ชาวบ้านร้านถิ่นในอเมริกาปวดหัวไปตามกันเพราะเกิดเหตุที่นั่นที่นี่ประทุเมืองนั้นเมืองนี้ เช่น เจอศพคนผิวดำแขวนบนต้นไม้ในสวนสาธารณะ
นี่ไม่ใช่ศพแรก..แต่คือศพที่สองที่พบว่าถูกแขวนบนต้นไม้เหตุเกิดในแคลิฟอร์เนีย ทางตอนเหนือของแอลเออ่านข่าวเจอวันก่อน พนักงานผิวดำร้านฟาสฟู้ดใส่บลีสหรือน้ำยาฟอกขาวลงในเครื่องดื่มของตำรวจผิวขาว ที่ขับรถมาซื้อแบบไดร์ฟทรูในเมืองอินเดียนาโปลิส มีการบุกเข้าไปในสุสานที่ฝังศพทหารฝ่ายใต้ ซึ่งตายไปนับร้อยปีแล้ว
มีการทำน้ำมันทาร์หรือน้ำมันดินและขนนกไปทางไว้ตรงป้ายหินหลุมศพดูแล้วสลดใจ เพราะย่ำยีได้แม้ผู้วายชนม์การใช้น้ำมันดินหรือทาร์กับขนนก เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เป็นการแก้แค้นของคนผิวดำ ตอบโต้คนผิวขาวสมัยก่อนเกิดสมาคมลับล่าคนดำที่ชื่อคูคลักแคลนซ์เวลาสมาชิกคูคลักแคลนซ์ ล่าคนดำหรือล่าคนขาวที่ให้ความช่วยเหลือคนดำ ก็จะลากมาทาตัวด้วยน้ำมันดินกับขนนกเพื่อประจานการทาน้ำมันดินกับขนนกบนป้ายหลุมศพก็คงเป็นวิธีการแบบเดียวกัน แต่เป็นการกระทำที่แสดงความเกลียดชังต่อทหารฝ่ายใต้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน การทุบทำลายอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานนั้นลุกลามใหญ่โตจนน่าวิตกส่วนมาก แล้วพวกประท้วงจ้องทำลายแต่บรรดาวีรบุรุษสงครามหรือแม่ทัพของกองทัพฝ่ายใต้ เพราะผุ้ประท้วงมีความคิดว่า ไอ้พวกทหารสมาพันธรัฐหรือฝ่ายใต้รบเพราะไม่อยากปลดปล่อยทาสผิวดำ อย่างที่เคยเขียนถึงแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนว่าปัจจัยของการเกิดสงครามกลางเมืองอเมริกา เกิดจากหลายปัจจัยหลายสาเหตุ ไม่ได้เกิดจากทาสผิวดำอย่างเดียว
กระนั้นผู้ประท้วงก็ทำลายรูปปั้นแม่ทัพเสียหายมากมาย รวมทั้งคริสต์โตเฟอร์ โคลัมบัส ด้วยทั้งที่โคลัมบัสนั้นรุกรานทารุณกรรมอินเดียนแดง ไม่ใช่คนผิวดำหนักข้อกว่าเก่าแม้แต่วีรบุรุษสงครามนายพลฝ่ายเหนืออย่างนายพลยูลิสซิส แกรนด์ก็โดนลากมาทำลายอ่านข่าวแล้วกลุ้มใจแทน การเกลียดทหารฝ่ายใต้นี่ก็เข้าใจได้อยู่นะแต่การลากนายพลแกรนด์มาทำลายนี่เพื่ออะไร...แบบนี้ต้องไล่ให้กลับไปเรียนประวัติศาสตร์อเมริกา 101 เสียใหม่นายพลแกรนด์นี่แหละที่เป็นผู้ยุติสงครามกลางเมือง โดยขอนัดเซ็นต์สัญญาสงบศึกกับแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้คือ นายพลโรเบิร์ตอี.ลี
นอกจากนายพลแกรนด์จะโดนแล้ว คนที่ไม่คิดว่าจะโดนก็โดนนั่นคือผู้แต่งเพลงชาติอเมริกัน ฟรานซิส สก็อต คีย์ ซึ่งไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองเลย แถมเป็นผู้แต่งเพลงชาติที่ร้องกันมาจนทุกวันนี้อีกด้วย เลยคิดว่าท่าจะบ้าไปกันใหญ่แล้วแต่พอหันมองไปรอบๆ ประเทศแล้วไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่เพราะบ้าตั้งแต่หัวขบวน ตาลุงผมเป๋ออกเดินสายหาเสียงหนแรกก็พุ่งไปรัฐโอกลาโฮมา คาดว่าจะมีผุ้ฟังอื้อ แต่ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานอะไรสิงแกโพล่งออกมาว่า ใครก็ตามที่จะมาฟังแกโม้ จะต้องไม่ฟ้องร้องเอาผิดแกหากเกิดติดโควิด19 ขึ้นมา..เอ้า..เรียกคนมาฟังก็ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงด้วยสิ..ลุง
แถมก่อนหน้าจะเดินทางไปโอกลาโฮมา ลุงทรัมป์ ยังทวิตขู่ฟ่อๆใส่พลเมืองตัวเองอีกต่างหาก ลุงแกประกาศว่า ไอ้พวกที่มาประท้วงพวกป่วน และพวกตลาดล่างทั้งหลาย หากจะมาป่วนในโอกลาฮามาอย่าคิดว่าจะเจออะไรนิ่มๆ แบบในนิวยอร์กหรือมินนิอาโปลิสนะเว้ยงานนี้จัดหนัก คือกล้าเรียกพลเมืองตัวเองว่า “ตลาดล่าง” เลยนะคำนี้แปลมาจากคำว่า “Lowlifes” แกใช้คำนี้จริงๆ ..พอลุงไปโชว์ตัวก็หัวร้อน เพราะนอกจากคนจะบางตาแล้วทีมงานลุงยังติดโควิดอีก 6 คน จากนั้นลุงก็พล่ามโน่นนี่ไปเรื่อยยังไม่เข็ดเรื่องการจิกเรียกไวรัสโคโรน่าว่ากังฟู
ทั้งที่โดนด่ามาตลอดก็ไม่วายทำอีก เรียกว่าพูดเอามันสนองตัณหาสาวกอย่างเดียวเลยนี่นะ แล้วแกก็ประกาศชัยชนะเหนือโควิด โห..ไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหนล่ะเนี่ย ช่างกล้าพูดแต่ที่ทำให้คนฟังปากอ้าตาค้างคือลุงบอกว่า จะชะลอการตรวจหาเชื้อเพราะยิ่งตรวจยิ่งพบจนทำให้อเมริกาติดอันดับหนึ่งตอนนี้..เจอผู้นำแบบนี้ก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน ป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้หมอบต่ำระวังภัยจนกว่าโลกเราจะมีวัคซีน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี