มาถึงวันนี้คงต้องทำใจยอมรับว่า อเมริกาที่เคยเป็นประเทศในฝันของใครหลายคนถึงจุดเสื่อมและตกต่ำแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ทั้งสิ้น คนไทยในอเมริกาที่มาทำงานหรือมาเรียน หากยังไม่ลงหลักปักฐานถึงขั้นแต่งงานมีครอบครัว ต่างหอบผ้าหอบผ่อนยอมควักเงินจ่ายค่าตั๋วแพงกว่าปกติบินกลับไทยกันทุกคน เพราะไม่แน่ใจว่าอนาคตประเทศนี้จะเป็นอย่างไร ภายใต้ความบ้าของประธานาธิบดีผมเป๋ ที่ยังหวังว่าตัวเองจะได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัยที่ว่าคนไทยที่ยังไม่ลงหลักปักฐานมีงานการมั่นคง มีครอบครัวหรือมีประกันแห่กลับไทย เพราะสถานการณ์ที่นี่ดูเลวร้ายลงทุกวัน
ซ้ำร้ายกว่านั้น ยา เรมเดซิเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโควิด-19 ขวดละ 1.2หมื่นบาท เทียบเป็นเงินบาทให้เห็นภาพชัดๆ เพราะถ้าบอกเป็นเรทดอลลาร์อาจมีงง ตลอดการรักษาจนหายหรือตายนั้นต้องใช้เงินประมาณ 7-8 หมื่นบาท เคยมีเคสที่ค่ารักษาพุ่งสูงถึงหนึ่งแสนสามหมื่นบาทเรียกว่าพอหายจากโควิด 19 อาจหัวใจวายคาที่เมื่อเห็นใบเสร็จค่ารักษาคนไทยที่ย้ายมาอยู่อเมริกานานเกิน 20 ปี อย่างผู้เขียนแม้จะอยากกลับแผ่นดินเกิด แต่ก็ไม่สามารถทำได้ด้วยปัจจัยหลายด้านไม่เอื้อต่อการเดินทางกลับ จึงต้องปักหลักสู้อยู่ที่นี่อย่างอกสั่นขวัญแขวน เช็คยอดคนป่วยแต่ละวันแต่ละรัฐอย่างกังวล แล้วหมอบต่ำ อดทนดูแลตนเองและครอบครัว จนกว่าโรคระบาดจะผ่านพ้นไปหรือมีวัคซีนมา
ดูยอดป่วยยอดตายล่าสุดในอเมริกาพุ่งเข้าสู่หลักสามล้านอย่างว่องไว ยอดตายพุ่งไปแสนสามหมื่นกว่าๆ ที่น่าห่วงที่สุดคือศูนย์กลางการแพร่ระบาดย้ายลงไปทางใต้จากนิวยอร์กลงสู่ฟลอริด้า รัฐที่มียอดป่วยสูงสุด 5 อันดับคือ นิวยอร์กซึ่งยังครองแชมป์อย่างเหนียวแน่น แต่ยอดป่วยรายวันเริ่มลดต่ำลงอันดับสองคือ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งแคลิฟอร์เนียติดอันดับ 1 ใน 5 มาตั้งแต่แรกตอนนี้เป็นอันดับสอง อันดับสามคือ ฟลอริด้า อันดับสี่ เท็กซัส อันดับห้าคือนิวเจอร์ซี่ฟลอริด้า กลายเป็นรัฐที่น่าห่วงที่สุดเวลานี้ยอดป่วยรายวันพุ่งกระฉูดจากการเปิดชายหาด ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนที่ใครๆก็แห่ไปเที่ยวชายหาดกัน บางวันยอดป่วยใหม่ในฟลอริด้าพุ่งสูงถึงวันละหมื่นราย ก็มีทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในอเมริกาสูงลิ่วอย่างน่าสยอง เคยสูงถึงวันละห้าหมื่นเจ็ดพันรายในวันเดียวเมื่ออาทิตย์ก่อนและที่น่ากลัวคือต้องคูณสิบ เพราะยอดในแต่ละวันไม่ใช่ยอดจริงCDC พูดชัดเจนว่ายอดจริงคือสิบเท่าของยอดในรายงานไมอามี่ประกาศเคอร์ฟิวก่อนหน้าวันชาติ เพราะเกรงว่าจะมีคนแห่มาฉลองวันชาติที่นี่จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม จนไม่อาจควบคุมได้เท่าที่ดูตอนนี้ก็ควบคุมไม่อยู่แล้ว เพราะฟลอริด้าติดเชื้อวันละหมื่น คนไทยในฟลอริด้าอกสั่นขวัญแขวนกันทั่วหน้าเวลานี้
นอกจากฟลอริด้าและเท็กซัส นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนาเทนเนสซี อะแลสกา มิสซูรี ไอดาโฮ และแอละแบมา ต่างมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนที่รัฐเท็กซัส ผู้ป่วยเต็มทุกโรงพยาบาลจนหมอที่นั่นต้องออกมาบอกให้ทางการสั่ง “ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ”เพื่อคุมโควิด ไม่งั้นลำบากกันทั้งรัฐแน่นอนจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการที่คนออกมารวมตัวกันเพราะวิถีอเมริกันจะออกเที่ยวออกกินดื่มสังสรรค์ช่วงหน้าร้อนทุกปีแถมเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันชาติ มั่นใจได้ว่ายอดป่วยจะพุ่งทะลุปรอทแตกเพราะคนไปปาร์ตี้ปิ้งย่างกันทุกบ้านทางการคาดว่าตัวเลขคนป่วยใหม่จะพุ่งสูงขึ้นอีก เพราะประชาชนจำนวนมากเพิกเฉยต่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย แม้จะมีกฎให้ใส่หน้ากากในที่สาธารณะแต่บรรดามะริกันก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง
หมอเฟาซี่ซึ่งเป็นหมอใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด พูดจนปากฉีกถึงหูว่าอเมริกากำลังเดินหลงทิศหมอ เฟาซี่ออกมาเรียกร้องให้คนอเมริกันใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างและเลี่ยงการรวมตัวของคนหมู่มาก แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนขอร้องของหมอเฟาซี่จะมีค่าเพียงลมตดตาแก่ เพราะอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได่สนใจคำเตือนนี้เลย หมอเฟาซี่ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างสิ้นหวังว่า อีกไม่นานจะได้เห็นว่ายอดติดเชื้อรายวันทะยานไปถึงวันละหนึ่งแสนราย อย่าว่าแต่ประชาชน ภาครัฐบางรัฐก็ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่ให้ความสนใจเรื่องจุดคัดกรอง ไม่เข้มงวดในการใช้กฎหมายควบคุมส่วนมากเป็นรัฐทางใต้ที่ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีเมืองเป็นคนของพรรครีพับลิกัน ไม่ต้องดูอื่นดูไกลกะอีแค่ใส่หน้ากากให้เป็นตัวอย่างประชาชน ตาลุงผมเป๋โดนัลด์ทรัมป์ยังไม่ยอมทำเล้ยแล้วจะควบคุมทิศทางการระบาดไม่ให้เป๋ได้อย่างไร
นอกจากผู้นำไม่สามารถเป็นหลักให้ประชาชนอุ่นใจได้มวลมหาประชาอเมริกันเองก็ใช่ย่อย ช่วงโควิดระบาดนี่แหละที่เปิดเปลือยธาตุแท้อเมริกันจนล้อนจ้อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อช่วงที่โควิดระบาดใหม่ๆวัยรุ่นอเมริกันมีการแข่งกันท้าทายโควิด ด้วยการเลียโถส้วมบ้างถุยน้ำลายหรือเลียสินค้าตามชั้นในห้างสรรพสินค้า บ้างหนนี้หนักกว่าเก่า นักเรียนในเมืองทัสคาลูซา รัฐแอละแบมาเชิญผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่รวมตัวกันจัดขึ้น
จากนั้นก็ระดมเงินลงขัน กติกาคือ ใครติดโควิดก่อน คนนั้นได้เงินรางวัลเออ..เล่นอะไรพิเรนทร์ไม่คิดถึงพ่อแม่พี่น้องที่บ้านเลยเด็กพวกนี้เด็ดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ชาวออสติน รัฐเท็กซัสออกมาประท้วงทางรัฐที่ออกนโยบายให้ใส่หน้ากากอนามัยที่ออกมาโวยวายจนกลายเป็นข่าว เพราะผู้ว่าการรัฐเท็กซัสออกกฎให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย หากไม่ทำตามต้องโดนปรับบรรดาผู้ประท้วงโวยวายว่าตนเองอยู่ในประเทศเสรี ไม่ได้อยู่ในประเทศคอมมิวนิสต์การออกกฎบังคับให้ใส่หน้ากาก คือการริดรอนเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเอาซี้..อ้างไปโยงกับรัฐธรรมนูญโน่นเลย พวกนี้คิดถึงแต่ตัวเองไม่สนใจความปลอดภัยของคนอื่นในสังคมแต่อย่างใด
ช่วงนี้แหละที่พวกคาเรนจะโผล่มาอาละวาด อย่าเพิ่งงงกับคำว่า“คาเรน” คำนี้มีที่มา ไม่ได้หมายถึงคาเรนที่เป็นชนเผ่ากะเหรี่ยง แต่เป็นคำเรียกคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ค่อยน่ารักน่าคบนัก วันก่อนมีแม่นางผมทองรายหนึ่งไปซื้อของในห้างที่แคลิฟอร์เนีย พนักงานเตือนให้นางสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเท่านั้นแหละ..นางอาละวาดฟาดงวงฟาดงาตะโกนด่าปาวๆว่าชั้นไม่ใส่หน้ากาก ใครก็จะมาบังคับให้ใส่ไม่ได้ด้วยหมอห้ามชั้นไม่ให้ใส่ บลาๆๆๆ ก่อนหน้านี้ก็มีแม่หญิงผมทองอีกรายนางเอาหน้ากากอนามัยมาปิดนมปิดจิ๋ม สิ้นหน้ากากอนามัยไปทั้งหมด 10ชิ้น แล้วนางก็คว้าเสื้อคลุมห่มตัวเข้าไปในห้าง พอถึงที่ชุมนุมชนนางก็สะบัดผ้าคลุมอวดเรือนร่างที่ไม่ค่อยชวนมองนัก นางบอกว่านี่คือการประท้วงการให้สวมหน้ากากอนามัย จากนั้นก็ด่านโยบายการสวมหน้ากากอนามัยรัวๆ
ล่าสุด หญิงผมทองอีกเหมือนกัน นางถือหน้ากากอนามัยไว้ในมือ พอพนักงานเตือนให้ใส่หน้ากากก็อาละวาดขว้างปาข้าวของที่สุมมาเต็มคันรถและยังไม่ได้จ่ายเงินแล้วสบถด่าการใส่หน้ากากหยาบๆ คายๆ คนพวกนี้แหละที่เรียกกันว่า“คาเรน”พวกคาเรนคือพวกที่โลกหมุนรอบตัวเอง เหยียดผิว พร้อมจะแสดงความกราดเกรี้ยวไร้สติได้ทุกเมื่อ หากไม่ถูกใจตนแถมเป็นพวกลูกอีช่างฟ้องเสียด้วย พร้อมที่จะแจ้งความฟ้องผู้จัดการห้างร้าน หรือภัตตาคารได้ทุกวินาทีหากมีเรื่องขัดใจหรืออคติด้านสีผิวเพียงนิดเดียว
ส่วนมากผมทองและไว้ผมทรงบ็อบเทแบบหัวโตๆช่วงนี้แหละ ที่มักได้เห็นพวกคาเรนออกมาตวาดสาดความกราดเกรี้ยวทุกวันในโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางการระบาดจัดหนักของโควิด 19 นาทีนี้คงตัวใครตัวมัน
สำหรับคนไทยในอเมริกาแนะนำได้แค่ว่าสะสมน้ำยาฆ่าเชื้อ เจลล้างมือรวมทั้งกระดาษเปียกฆ่าเชื้อเพื่อเช็ดข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมารวมทั้งกล่องพัสดุต่างๆ ที่สั่งออนไลน์ ออกจากบ้านให้น้อยที่สุดรักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และใส่หน้ากากอนามัย จากนั้นก็สวดมนต์ภาวนาให้รอดปลอดภัย จนกว่าโลกจะมีวัคซีน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี