สมัยที่ผู้เขียนยังเด็ก ใครๆ ก็อยากมาเรียนต่อและใช้ชีวิตในอเมริกา หลายคนลุ่มหลงวาทกรรม “เสรีภาพทุกตารางนิ้ว” และ “ดินแดนแห่งโอกาสและความเท่าเทียม” ซึ่งวาทกรรมนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงในยุคก่อน หากไม่นับการปล้นชิงแผ่นดินจากอินเดียนแดงเจ้าของแผ่นดินดั้งเดิม ที่นี่เปิดโอกาสให้คนทุกชาติทุกภาษาทุกเผ่าพันธุ์เข้ามาก่อร่างสร้างตัวทั้งสิ้น แต่ใครจะคิดว่าอเมริกาปีพ.ศ.นี้คือนรกบนดิน และกลายเป็นฝันร้ายในวันนี้
สถานการณ์โควิดนับวันยิ่งหนักหนาสาหัส อาทิตย์นี้มีการทุบสถิติใหม่ แต่เดิมรัฐนิวยอร์กยืนหนึ่งมาตลอดด้านคนป่วยคนตาย แต่อาทิตย์นี้ รัฐแคลิฟอร์เนียพุ่งแซงมาเป็นอันดับหนึ่ง สถานการณ์โควิดใยรัฐฝั่งตะวันออก อย่าง นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี่ และคอนเนกติคัตดีขึ้น เพราะมาตรการเข้มงวดเรื่องการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง และห้ามคนจากรัฐอื่นค่อนประเทศเดินทางเข้ารัฐเหล่านี้ หากจะเข้ามาต้องกักตัว เรื่องนี้กลายเป็นจุดแข็ง ทำให้จำนวนผู้ป่วยใหม่ลดน้อยลง
ที่หนักหนาสาหัสคือรัฐทางใต้ ที่ติดเชื้อกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน อย่างที่บอกคือนาทีนี้อันดับหนึ่งคือรัฐแคลิฟอร์เนีย อันดับสอง รัฐนิวยอร์ก อันดับสาม รัฐฟลอริด้า อันดับสี่ เท็กซัส และอันดับห้า นิวเจอร์ซี่ ที่หลอนสุดเห็นจะเป็นฟลอริด้ากับเท็กซํส แข่งกันป่วยแข่งกันตายเป็นใบไม้ร่วง จนขบวนรถคอนวอยติดแอร์บรรจุศะมุ่งหน้าไปยังสองรัฐนี้ ที่ลาสเวกัส หลายพื้นที่มีคนไทยติดโควิด แล้วไปวัดไทย ทำให้พระในวัดไทยที่ลาสเวกัสอาพาธโควิดไปด้วย
โควิด19 ใช้เวลา 98 วันสำหรับแพร่เชื้อสู่อเมริกัน 1 ล้านคนแรก แต่ใช้เวลาเพียงแค่ 16 วันในการไต่ระดับจาก 3 ล้านคนเป็น 4 ล้านคน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยในเวลานี้ในอเมริกา เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2,600 คนในทุกๆ ชั่วโมง ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในโลก
อาทิตย์ก่อน ท่านผู้นำผมเป๋พล่ามออกสื่อฟอกซ์นิวส์ ที่หนุนอวยทรัมป์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูว่า อเมริกาเป็นชาติที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดในโลก ตื่นๆ ลุง ดูกราฟที่พุ่งสูงชันอย่างน่าใจหายบ้างนะ อย่าเอาแต่จ้องโผคะแนนนิยมที่กำลังตกต่ำของตัวเอง อเมริกานี่แหละที่ป่วยสี่ล้านห้าแสน ตายไปแสนห้าหมื่นกว่าๆ แล้วยังมั่นหน้ามั่นโหนกไปพล่ามอีกว่า อเมริกามีอัตราการตายต่ำสุดในโลก
ยังไงก็ต้องให้เครดิตลุงแกหน่อย เพราะแม้จะเพ้อเจ้อขนาดไหน ระยะหลังนี่แกก็ยอมใส่หน้ากากผ้า แล้วบอกพลเมืองให้ใส่หน้ากากซะ ตามประสาลุงทรัมป์นั่นแหละ สุดท้ายก็วกเข้าหาตัวเอง ทำนองว่า การใส่หน้ากากผ้าคือความรักชาติ อันนี้ลุงพูดดีต้องชม แต่ประโยคถัดมานี่ฟังแล้วขนลุกขนพอง เพราะลุงผมเป๋บอกว่า
“ไม่มีใครรักชาติมากกว่าผม ประธานาธิบดีที่คุณชื่นชอบ”
จ้ะ..เอาที่ลุงสบายใจเลย บรรดาผู้ไม่ชอบขี้หน้าทรัมป์ระดมด่าลุงกันยกใหญ่ เพราะแต่ก่อนลุงแกยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่า ยังไงก็ไม่ใส่หน้ากากโว้ย เพราะการใส่หน้ากากหมายถึงความอ่อนแอ แต่ผู้เขียนว่ายังดีที่กลับลำ หันมากระตุ้นให้อเมริกันใส่หน้ากาก ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้ห่วงใยพลเมืองหรอก แต่เพราะผลโพลออกมาว่าคะแนนลุงแกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เป็นรองโจ ไบเดนหลายขุม เอาเถอะ อะไรก็ตามที่ทำให้อเมริกันใส่หน้ากากได้ย่อมดีที่สุดในเวลานี้
ไม่แน่ใจว่าเพราะผลโพลหรือเพราะคนใกล้ตัวคิดโควิด ล่าสุด โรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ติดโควิดแบบไม่แสดงอาการ วันก่อนก็มีข่าวว่าพนักงานในโรงอาหารของทำเนียบขาวติดโควิด ลุงแกคงหนาวๆ ร้อนๆ มั่งแหละน่า
จนป่านนี้แล้ว อเมริกันยังทุ่มเถียงด่าทอกัน ด้วยประเด็นการสวมหรือไม่สวมหน้ากาก ห้างแทบทุกแห่งออกกฎให้ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แต่ก็ยังมีประเด็นที่มีคนไม่ยอมทำตามกฎเกิดขึ้นทุกวันจนน่าระอาใจ กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ล่าสุดชายคนหนึ่งไม่ยอมสวมหน้ากากในห้างวอลมาร์ท จนทะเลาะกับพนักงานและคนในห้าง เลยชักปืนขึ้นมาขู่ โดนรวบตัวไปตามระเบียบ เหตุเกิดที่ฟลอริด้า ซึ่งเป็นรัฐที่กำลังวิกฤติสุดๆ ตอนนี้
บางคนใส่หน้ากากก็จริง แต่หนักไปทางกวนตีน เหตุเกิดที่วอลมาร์ทอีกแล้ว คนสองคนสวมหน้ากากผ้า แต่เป็นโลโก้เครื่องหมายนาซี จึงเกิดการโต้เถียงกันในห้าง ลูกค้าหลายคนอยากให้ห้างเชิญทั้งคู่ออกไป แต่คู่นี้อ้างเสรีภาพ เดี๋ยวนะ..เสรีภาพทุกเรื่องย่อมมีขอบเขตจะมาอ้างเอาตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับชายที่ชักปืนขู่ในฟลอริด้า นั่นก็อ้างสิทธิเหมือนกัน
ไม่ต้องดูอื่นดูไกล เขียนจากประสบการณ์ตรงเลยดีกว่า แม้สถานการณ์โควิดจะหนักหน่วงรุนแรงขึ้น แต่ข้าวของในการป้องกันตัวเองยังขาดตลาดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรค แผ่นเปียกฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งเจลล้างมือ แถมดันมีของปลอมออกมาวางขายในห้างเสียด้วย เนื่องจากแปะป้ายว่าทำจากเอทิลแอลกฮอล์ แต่ดันใช้เมทิลแอลกฮอล์แทน ผู้เขียนยังพลาดซื้อมาตั้งสองขวด เสียดายเงินจริงๆ แม้จะมีการเรียกคืน แต่ไม่อยากจะออกไปติดต่อนอกบ้านเท่าไหร่นัก
ปัญหาที่ทุกคนกังวลคือช่วงหน้าหนาว ผู้เขียนไม่เคยสะสมกักตุนอาหารมาก่อน จึงต้องเริ่มหาซื้อฟรีซเซอร์ขนาดใหญ่ไว้แช่อาหารกักตุนให้มีพอตลอดหน้าหนาวอันยาวนาน กลายเป็นว่าฟรีซเซอร์กลายเป็นสินค้าหายาก ต้องแย่งกันหาแย่งกันซื้อ สุดท้ายลงทุนนั่งเฝ้าจอรอกดสั่งซื้อตอนตีห้าจนได้มาหนึ่งเครื่อง พอซื้อปุ๊บ ของหมดทันที
วันที่ออกไปรับของ เห็นกับตาตัวเองว่า อเมริกันไม่ใส่หน้ากากกันหรอก แม้จะมีกฎใหม่หมาดให้ใส่หน้ากาก แต่ทุกคนก็แขวนหน้ากากอนามัยไว้หน้ารถ พอจะเข้าห้างก็ดึงออกมาใส่อย่างเสียไม่ได้ ออกจากห้างก็ถอด แขวนไว้หน้ารถตามเดิม ใช้อันเดียวซ้ำไปซ้ำมา ความสะอาดไม่ต้องพูดถึง ชิ้นหนึ่งใช้เป็นเดือนล่ะมั้ง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโควิดถึงระบาดไม่หยุด
ขนาดโควิดระบาดอย่างน่าหวาดกลัว อเมริกายังมีแก่ใจทำเรื่องให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งทหารส่วนกลางลงไปปราบม็อบจอร์จ ฟลอยด์ ตามเมืองต่างๆ คือเริ่มหนักหนาสาหัสมากขึ้นทุกวันตามเมืองใหญ่ อย่าง ชิคาโก พอร์ตแลนด์ หรือออสติน
ล่าสุดเกิดการยิงกันจนชายคนหนึ่งเสียชีวิตที่เมืองออสติน เท็กซัส แต่หนักสุดคือที่พอร์ตแลนด์ โอเรกอน ซึ่งดูอัตราการเพิ่มของผู้ป่วยรายวันโควิดช่วงแรกนับว่าควบคุมสถานการณ์ได้ดีมาก แต่หลังจากม็อบนี่ ไม่แน่ใจว่าจะจะยังคุมการระบาดได้ดีขนาดไหน เพราะดูทรงแล้วอาจเซก็งานนี้
ตีกันเองยังไม่หนำใจ ตาลุงผมเป๋เหไปจัดหนักจีน หนนี้ชี้นิ้วว่าจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนตัวของคนอเมริกัน กร้าวใส่ให้ปิดกงศุลจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ภายใน 72 ชั่วโมง เพราะสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีการเผาเอกสารที่สนามหญ้านอกสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน และก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน อเมริกากล่าวหาชาวจีน 2 คนพยายามขโมยงานวิจัยวัคซีนต่อต้านโควิด ส่วนจีนตอบโต้ว่าเป็นการใส่ร้าย เลยปิดสถานทูตอเมริกาในเฉิงตูมั่งเป็นการตอบโต้
ในฐานะคนไทยในอเมริกา ได้แต่มองความวุ่นวายรายวันในบ้านลุงแซมอย่างหนักใจ ได้แต่ผ่านวันต่อวันไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน เพิ่งตระหนักชัดเจนถึงสำนวนคุ้นชินขึ้นมาทันทีว่า “อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา” คนไทยในเมืองไทยขอให้รู้ไว้เถอะว่า โชคดีกว่าคนไทยในอเมริกาหลายเท่านัก อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ไปเที่ยวสบายใจ ในขณะที่คนไทยในอเมริกาเต็มไปด้วยความหวั่นวิตก ไม่รู้ว่าจะติดโควิดเมื่อไหร่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี