ไม่แน่ใจว่าตอนนี้คนไทยยังมองเห็นอเมริกาเป็นสวรรค์อันน่าอยู่อีกหรือไม่ เพราะเห็นบรรดากลุ่มห้องสามนิ้วโยกย้ายโวยวายว่าเมืองไทยไม่มีอะไรดี จนอยากไปอยู่เมืองนอก สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เบื่อหน่ายกับสถานการณ์โควิดในอเมริกามากจนไม่อยากพูดถึง แต่อาทิตย์ก่อนยอดคนป่วยรายวัยพุ่งทะลุวันละล้านกว่า ไอ้ที่จะไม่เขียนถึงเลยคงเป็นไม่ได้
อย่างที่ปรากฎในสถิตินั่นแหละว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันในอเมริกาเมื่อวันที่ 3 มกราคมสูงถึง 1,080,211 คน แต่ก็ยังไม่ใช่สถิติสูงสุด เพราะอีกอาทิตย์ต่อมาคือวันจันทร์ที่ 10 มกราคม ยอดป่วยวันเดียวพุ่งกระฉูดไปถึงหนึ่งล้านสามแสนห้าหมื่นกว่าราย มิหนำซ้ำจำนวนผู้ป่วยที่ถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็เพิ่มเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า 130,000 คน
อย่าบอกว่าอัตราตายน้อยลง เพราะในอเมริกาอัตราตายยังสูง คนอเมริกันกลุ่มที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนเลยยังมีอยู่มาก ขนาดออกกฎบังคับฉีดก็แล้ว เอาเงินล่อก็แล้ว พวกที่ไม่ฉีดคือไม่ยอมฉีดอยู่นั่น ยอมออกจากงานเพราะไม่ยอมฉีดก็เพียบ
คนกลุ่มนี้แหละแห่ไปฟ้องศาลสูง จนมีคำพิพากษาศาลสูงตีตกคำสั่งของโจ ไบเดนที่บังคับให้ธุรกิจต่างๆ ที่มีพนักงาน 100 คนขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนหรือตรวจเชื้อโควิดพนักงานของตนเอง แต่ศาลสูงอนุญาตให้มีการบังคับฉีดวัคซีนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามสถานพยาบาลต่างๆ ที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลาง อยากจะยึดมั่นเสรีภาพก็ต้องยอมรับผลที่เป็นความเจ็บไข้ได้ป่วยและความตายของคนในสังคม วันไหนเสียคนในครอบครัวไปก็อย่าร้องไห้คร่ำครวญก็แล้วกัน
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ เพิ่มขึ้น 33% และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 40% จากการเปิดเผยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติหรือ CDC เห็นแล้วถอนหายใจ ยอดป่วยรายวันทะลุล้านกว่า วันไหนหย่อนล้านก็ไม่เคยต่ำกว่าห้าแสนราย คาดว่าโอมิครอนทะลุทะลวงไปทุกรัฐแล้ว จนระบบสาธารณสุขล่มแล้วล่มอีก
โรงพยาบาลต่างๆ เหมือนเข้าสู่สงคราม ขาดแคลนทุกสิ่งอย่าง โดยเฉพาะบุคลากร บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า เช่น พนักงานประจำรถพยาบาล หายไปเยอะมาก เพราะติดเชื้อหรือต้องกักตัว ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือที่แคลิฟอร์เนีย กระทรวงสาธารณสุขรัฐแคลิฟอร์เนียถึงกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ซึ่งยังติดเชื้อโควิดกลับมาทำงาน แม้ว่าจะยังไม่หายจากอาการโรคโควิดก็ให้ลากสังขารมาทำงาน ทั้งนี้เพราะขาดแคลนบุคลากรอย่างหนัก นี่ไม่ใช่แค่รัฐเดียวที่มีปัญหา รัฐโร้ดไอส์แลนด์ให้เจ้าหน้าที่ที่ยังติดเชื้อโควิด กลับมาทำงานตามโรงพยาบาลอย่างด่วนที่สุด เพราะบุคลากรไม่พอ
ปวดหัวกับเรื่องโควิดฉีดไม่ฉีดติดไม่ติดนี่ก็เหนื่อยพอแรงแล้ว มาเจอข่าวที่สะท้อนให้เห็นความอยู่ยากของอเมริกาอีก 2-3 ข่าว เลยยกมือกุมขมับ เหตุเกิดในแคลิฟอร์เนียแถบซานฟรานซิสโกทั้งสองเหตุการณ์ หญิงคนหนึ่งจูงหมาเฟรนซ์บูลด็อกไปเดินตามปกติ อยู่ๆ ก็มีชายวิ่งกรูลงมาจากรถ แล้วกระชากสายจูงอุ้มหมาหนีไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเจ้าของหมา 2-3 วันต่อมาไปเจอหมาตัวนี้อีกเมืองหนึ่งและถูกขายไปเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายหมาก็คืนสู่อ้อมอกเจ้าของ ที่จ้องขโมยหมาพันธุ์นี้เพราะขายได้ราคาแพงนั่นเอง
เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมที่โอ๊คแลนด์ หญิงคนหนึ่งถูกปืนจ่อหัวกลางวันแสก ๆ ขณะจูงเฟรนช์บูลด็อกของเพื่อน ชายสองคนเดินมาเอาปืนจ่อที่หัวแล้วบอกว่า “ส่งหมามา” ส่วนอีกคนหนึ่งรีบคว้าสายจูงจากมือเธอ ขึ้นรถขับหนีไป คือแม้แต่หมายังโดนปล้นกลางแดดแบบเอาปืนจ่อหัวแย่งหมาไปจากอ้อมอกเจ้าของ น่าเสียดายแถวซานฟรานซิสโกเคยเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก ตอนนี้ไม่ค่อยกล้ากลับไปเที่ยวเหมือนก่อน
เพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่นิวยอร์ก เลยส่งข้อความไปเตือนว่าหากไม่จำเป็น อย่าใช้บริการรถใต้ดินและอย่าหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม เพราะเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายหรืออาจจะถึงแก่ชีวิต เพราะคนเอเซียหลายคนรวมทั้งคนไทยโดนกันทุกอาทิตย์ เพิ่งส่งข้อความเตือนเพื่อนไปหมาดๆ ก็เจอข่าวน่าเศร้าข่าวนี้
ผู้หญิงวันกลางคนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซีย ถูกผลักให้รถไฟใต้ดินชนต่อหน้าผู้คนที่ยืนรอรถเทียบชานชาลา คนก่อเหตุเป็นชาวจรจัดผิวดำที่มักอาศัยสถานีรถใต้กินเป็นที่กินอยู่หลับนอน ทำลงไปโดยไม่มีเหตุจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น ตำรวจนิวยอร์กลงความเห็นว่า
"เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ และเหยื่อดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับผู้ต้องสงสัยเลย"
มีการแถลงข่าวว่า ชายผิวดำคนนี้เล็งเป้าเล่นงานผู้หญิงอีกคนบนชานชาลา ก่อนเปลี่ยนใจก่อเหตุใช้ความรุนแรงกับเหยื่อหญิงชาวเอเซียวัย 40 ปีแทน วุฒิสมาชิกจอห์น หลิว ซึ่งมีเชื้อสายเอเซีย เรียกร้องให้ใช้มาตรการเร่งด่วน หลังเกิดเหตุโจมตีร้ายแรงต่อชาวเอเชียหลายครั้งในระยะเวลาห่างกันไม่ถึงสัปดาห์
"นี่คือปี 2022 แต่ชาวเอเชียในนิวยอร์กและทั่วอเมริกา ยังคงเผชิญกับเหตุโจมตีไม่หยุดหย่อนและโหมกระพือจากความเกลียดชังเป็นประจำ"
นิวยอร์กเผชิญกับอาญากรรมจากความเกลียดชังต่อต้านคนเอเชียสูงกว่าปีก่อนมาก จากข้อมูลของตำรวจพบว่าเหตุความรุนแรงต่างๆ ที่มีเป้าหมายเล่นงานคนเอเชีย จนถึงเดือนธันวาคม 2021 เพิ่มขึ้นถึง 361%
ในฐานะคนเอเซียรู้สึกไม่ปลอดภัยในการเดินทางไปเที่ยวตามเมืองใหญ่ๆ เพราะไม่รู้ว่าเคราะห์หามยามซวยจะมาถึงวันไหน
ปัญหามากมายเกิดขึ้นทั่วอเมริกา นี่ยังไม่รวมปัญหาเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 7% แตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ไม่ต้องพูดถึงราคาสินค้า คนไทยโอดครวญว่าหมูแพงโน่นนี่นั่น อเมริการาคาสินค้าแพงระยับมาหลายเดือนแล้ว และไม่มีท่าทีจะลดลงง่ายๆ ไพร่ฟ้าอเมริกันหน้าแห้งกันทุกหย่อมหญ้า ได้แต่รัดเข็มขัดให้แน่น ๆ อย่างอดทน เลยอยากถามใครหลายคนว่า ยังมองเห็นอเมริกาเป็นสวรรค์ที่น่าอยู่อีกไหมเวลานี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี