อาทิตย์ก่อนมีการกราดยิงที่นั่นที่นี่รัวๆ แถมผู้ก่อเหตุมีครบทุกสีผิว ไม่ว่าจะเป็นคนผิวดำบุกไปยิงคนเอเซีย คนเอเซียบุกยิงกันเอง หรือคนผิวขาวบุกไปยิงคนผิวดำ ความหวาดวิตกอกสั่นยังไม่ทันจางไป ก็มีเรื่องฝีดาษลิงเข้ามาให้ตกใจอีก หลายคนคิดว่าสถานการณ์โควิดที่นี่คลี่คลายแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่ายอดผู้ป่วยแต่ละรัฐเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกรอบ แต่ดูเหมือนไม่แคร์แล้วว่าจะต้องเน้นการป้องกันตัว เพราะทุกคนถอดหน้ากากอย่างเสรี
ล่าสุดนี่ลูกสาวลุงโจ ไบเดนก็ติดโควิด ดูทรงแล้วต่อให้ฉีดหรือไม่ฉีด อเมริกันทั้งชาติคงเลี่ยงไม่พ้นการติดโควิดนั่นแหละ ใครที่ดูแลตัวเองระดับสูงสุดก็อาจจะยังไม่ติด แต่ข่าวที่สร้างความมึนตึบให้ชาวโลกตอนนี้ไม่ใช่โควิด แต่เป็นโรคประหลาดที่เรียกว่า “ฝีดาษลิง”
ในอเมริกาเริ่มมีการพบผู้ป่วยโรคนี้แล้วสองราย สาเหตุหลักที่ทำให้ชาวโลกหวาดผวาเพราะทั้งโลกยังไม่พ้นวิกฤติโรคโควิด หากมีการระบาดอีกโรคนี่คงลำบากแสนสาหัสแน่ๆ สำนักงานสาธารณสุขแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ยืนยันว่าพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง (monkeypox) รายแรกของปี 2022 โดยเป็นชายที่เพิ่งเดินทางกลับจากแคนาดา และรายที่สองที่รัฐฟลอริด้า
โรคฝีดาษลิงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่คล้ายคลึงกับไข้ทรพิษ (smallpox) แต่อาการไม่รุนแรงเท่า ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้ ปวดหัว และมีผื่นขึ้นตามลำตัว โดยเริ่มจากบริเวณใบหน้า ก่อนจะกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
สำนักงานสาธารณสุขรัฐแมตซาชูเซตส์ยืนยันว่า ไวรัสชนิดนี้ไม่ติดต่อจากคนสู่คนง่ายๆ แต่อาจได้รับเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง แผลบนร่างกายผู้ป่วย เสื้อผ้าและเครื่องนอนของผู้ป่วย รวมถึงการติดเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจหากมีการปฏิสัมพันธ์ซึ่งหน้ากับผู้ป่วยเป็นเวลานานๆ อเมริกาเคยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่รัฐเทกซัสและแมริแลนด์แห่งละ 1 ราย เมื่อปี 2021 โดยทั้ง 2 รายเป็นผู้ที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากไนจีเรีย
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าจะพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พร้อมยกระดับการเฝ้าระวังในประเทศต่างๆ ที่ยังไม่พบผู้ป่วย พบผู้ติดเชื้อ 92 ราย และผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิงอีก 28 ราย ใน 12 ประเทศที่ไม่ใช่ถิ่นการระบาด
อย่าเพิ่งตระหนกตกใจไป บรรดาสว.นี่เตรียมยิ้มเลย คนที่เคยปลูกฝีมาก่อนสมัยเด็กๆ จะมีภูมิคุ้มกันโรคนี้ถึง 85 % แต่คนรุ่นหลังนี่สิ ไม่เคยรู้จักการปลูกฝี อาจมีลุ้นได้อินเทรนด์ แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง แต่ข้อมูลจาก WHO ว่าวัคซีนที่ใช้ต่อต้านโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) ให้ผลในการป้องกันฝีดาษลิงได้สูงสุด 85% เวลาใครบอกว่า “แก่แล้วไม่มีอะไรดี” ขออนุญาตเถียงสุดใจ เพราะแก่นี่แหละ ถึงได้รับการปลูกฝีตั้งแต่ตอนเด็กๆ ใครไม่แน่ใจให้เช็คต้นแขนตัวเองว่ามีรอยขรุขระบนนั้นหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าเคยผ่านการปลูกฝี ถือว่าโล่งใจได้ เพราะมีภูมิคุ้มกันแล้ว
หมดเรื่องฝี ยังมีเรื่องน่าปวดหัวในอเมริกา ตอนนี้กำลังแก้ปัญหากันอลหม่าน นั่นคือนมผงเลี้ยงเด็กหมดเกลี้ยงทุกชั้นทุกห้างทุกเมืองทุกรัฐ ทุกหนแห่งโจษจันกันถึงแต่เรื่องนี้ นมหด เด็กอดกินนี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับมะริกัน ซึ่งเทิดทูนครอบครัวอย่างยิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตามครอบครัวตัวเองต้องมาก่อนเสมอ
ก่อนหน้าที่นมผงสำหรับเด็กจะขาดตลาด ทางการอเมริกาเตือนล่วงหน้าแล้ว แต่ของมันต้องกินต้องใช้ ลูกชั้นไม่มีนมกินจะทำยังไง รู้ทั้งรู้ แต่จะไปบอกลูกน้อยวัยแบเบาะว่า ตอนนี้อย่ากินนมนะ เพราะไม่มีนมผงกินก็ไม่ได้
สาเหตุที่ทำให้นมหดหมดตลาดเพราะบริษัทผลิตนมเจ้าใหญ่ในอเมริกา ซึ่งอยู่ในมิชิแกน นั่นคือแอบบอตต์ แลบอราตอรีส์ (Abbott Laboratories) ภายใต้แบรนด์ซิมีแลค (Similac) ปิดไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์หลังพบแบคทีเรียปนเปื้อนภายในตัวโรงงาน ส่งผลทำให้มีการสั่งเรียกเก็บคืนผลิตภัณฑ์หลายตัว
มาตรฐานเรื่องอาหารที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด มีการเรียกคืนสินค้าบ่อยๆ หากพบว่าสินค้าที่วางจำหน่ายไม่ได้มาตรฐาน พร้อมคืนเงินให้ลูกค้าทุกราย
วิกฤตนมผงทารกขาดตลาด ทำให้มีเด็กเข้าโรงพยาบาลไปแล้วอย่างน้อย 2 รายในรัฐเทนเนสซี หลังจากครอบครัวไม่สามารถหาซื้อนมผงทารกสูตรพื้นฐานกรดอะมิโนยี่ห้อเอลิแคร์ (EleCare) ได้หลังเกิดวิกฤตนมผงทารกขาดตลาดทั่วประเทศ
เด็กทั้งคู่ป่วยโรคภาวะลำไส้สั้น (short bowel syndrome) ทำให้การดูดซึมสารอาหารลดลง จนเป็นผลให้ร่างกายขาดสารอาหารและสารน้ำจากการที่ลำไส้เล็กบางส่วนขาดหายไป
ทั้งคู่อยู่ในวัยก่อนเข้าเรียน และต้องการนมผงทารกสูตรการแพทย์พิเศษยี่ห้อเอลิแคร์ ซึ่งเป็นของบริษัท แอบบอตต์ นิวทริชัน (Abbott Nutrition) ในมิชิแกน ที่ถูกปิดเนื่องมาจากปัญหาปนเปื้อนแบคทีเรียนั่นเอง
ปัญหาวิกฤตนมผงทารกขาดแคลนเกิดจาก 3 ปัจจัยคือ แบคทีเรีย ไวรัส และนโยบายการค้าของวอชิงตัน เรื่องนี้ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคตาลุงผมเป๋โน่นเลย ยุคนั้นมีการจำกัดการนำเข้านมผงจากต่างประเทศ แถมตั้งภาษีไว้สูงถึง 17% เลยทำให้อเมริกานำเข้านมผงตากที่อื่น โดยเฉพาะแคนาดาน้อยลง
พอมาถึงยุคลุงโจ ลุงแกก็เน้นให้ผลิตนมผงในประเทศใช้เองกินเองประมาณนั้น แต่ดันมาเปิดปัญหาปนเปื้อน เลยปิดโรงงาน บวกกับไม่มีการนำเข้านมผงจากชาติอื่นเลยเกิดวิกฤตินมขาดตลาด ลูกเด็กเล็กแดงร้องไห้กันกระจองอแง คะแนนนิยมของลุงโจที่เริ่มลดลงเรื่อยๆ เหลือเท่าจิ๋มมดแล้วตอนนี้
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ พบคะแนนนิยมของโจ ไบเดน ดำดิ่งร่วงกราว อเมริกันชนพอใจมีเพียงแค่ 39% ส่วนที่ไม่พอใจมีมากถึง 56%
สาเหตุของความไม่พอใจคือ ราคาน้ำมันแพงเป็นบ้าเป็นหลัง ราคาสินค้าอาหารจำเป็นสูงขึ้นต่อเนื่อง สูงจนชนิดที่เรียกได้ว่าจะไปร้านทีก็เกรงใจกระเป๋าสตางค์ พยายามคิดเมนูที่อร่อยและถูกทำกินรายวัน เพื่อพยุงครอบครัวให้รอดในยามน้ำมันแพงอาหารแพง เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ครอบครัวที่มีลูกอ่อนถึงกับน้ำตาตก เพราะไม่มีนมผงให้ลูกกิน
ตอนนี้ทุกห้างไม่เหลือนมผงสำหรับเด็ก ชั้นวาง 40% ของนมผงสูตรทารกนั้นไม่มีเหลืออยู่ในคลังเก็บ ใครจะไปคิดว่านมผงกลายเป็นของหายาก นาทีนี้พ่อแม่ชาวอเมริกันต่างเสาะแสวงหานมผงสุดชีวิต
ลุงโจ ไบเดน เลยกุมหัว เพราะหัวจะปวด สั่งใช้กฎหมายการผลิต เพื่อการป้องกันแก้ปัญหาวิกฤตนมผงเด็กทารกขาดตลาด เดือดร้อนถึงทหารอีกนั่นแหละ เพราะสั่งเพนตากอนให้นำเครื่องบินพาณิชย์ขนนมผงทารกจากต่างประเทศเข้าอเมริกา เพื่อแก้ปัญหาด่วนภายใต้ชื่อปฏิบัติการบินเพื่อนมผงเด็ก
ในเวลาเดียวกัน บรรดาเพื่อนลุงแซมทั้งหลายก็ยื่นมือช่วยเหลือเต็มที่ ผู้ผลิตนมผงทารกชื่อดังทั่วโลกจับมือเพิ่มกำลังการผลิตส่งไปอเมริกา หลังเกิดการขาดแคลนอย่างหนัก อย่างบริษัทสวิส เนสท์เล่ ผู้ผลิตนมผงทารกแบรนด์เกอร์เบอร์ (Gerber) จะส่งสินค้านมผงทารกของตัวเองจากเนเธอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ไปอเมริกา เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตนมผงสูตรทารกขาดตลาดอย่างหนักในอเมริกา จนถึงขั้นต้องตั้งธนาคารนมแม่ที่ได้มาจากการบริจาคเกิดขึ้นในหลายรัฐเพื่อแก้ปัญหา
แม้ว่าข้าวของอาหารการกินรวมทั้งน้ำมันจะแพงนรกแตก แต่อเมริกันกัดฟันอดทนและก่นด่า แต่เรื่องที่กำลังโจษจันและวิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้เป็นเรื่องนมสำหรับคุณลูกล้วนๆ ส่วนนมสำหรับคุณพ่อนั้น คงต้องถามคุณแม่เอาเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี