ตอนที่เขียนคอลัมน์นี้นับว่ายังอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกา มะริกันยังจุดพลุบ้างประทัดบ้างในยามราตรีเสียงปุ้งปั้ง สร้างความหวาดกลัวแก่แมวหมาอย่างสุดติ่ง
นายพลจอร์จ วอชิงตัน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรก และเลือกวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นวันชาติอเมริกา คือวันเดียวกับที่มีการประกาศ หรือ Declaration of Independence ในปี ค.ศ. 1776 นักประวัติศาสตร์ยังถกเถียงกันว่า จริงๆ แล้วไอ้วันชาติอเมริกาควรจะเป็นวันที่ 2 มากกว่านะ เพราะวันที่ 2 เป็นวันที่รัฐสภาลงมติเห็นชอบคำประกาศอิสรภาพ หรือ Declaration of Independence เพื่อแยกตัวจากอังกฤษ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ชาวโลกก็ยึดถือเอาว่าวันที่ 4 นี่แหละคือวันชาติอเมริกา
นึกๆ แล้วก็น่าน้อยใจ บรรพบุรุษอเมริกันเสี่ยงชีวิตแทบเป็นแทบตาย รบกับทหารอังกฤษทั้งที่ไม่ได้มีอะไรพร้อมเลย เสื้อเก่าๆ กางเกงขาดๆ ก็มาร่วมกองทัพ บางครั้งกองกำลังมีน้อยนิด แต่กองทัพอังกฤษยกพลมาเพียบ แต่ดูเหมือนว่าลูกหลานอเมริกันจะลืมสิ้น จนจัดวันชาติได้อย่างน่าผิดหวังมาก
เชื่อว่าตอนจัดงานวันชาติครั้งแรก พลเมืองอเมริกันเต็มไปความปลื้มปิตีฮึกเหิมที่ปลดแอกจากอักฤษสำเร็จ คงเฉลิมฉลองใหญ่โต ยกย่องวีรกรรมของนายพลจอร์จต่างๆ นานา แต่พอนานไปๆ ลูกหลานอเมริกันดันแข่งกินฮอทดอกกันอย่างเป็นทางการในวันชาติ หลงลืมสิ้นว่าประวัติศาสตร์เป็นมาอย่างไร เพราะโดนฮอทดอกกลบหมด
มั่นใจว่าตอนประกาศอิสรภาพกันนั้น คงไม่ได้กินฮอทดอกฉลองแน่ เพราะยังไม่เกิด แต่อย่างไรก็ตาม การกินฮอทดอกกลายเป็นประเพณีไปแล้ว พอวันชาติปุ๊บ นอกจากขบวนพาเหรดกลางวัน พลุในตอนกลางคืนแล้ว ก็มีการแข่งขันกินไส้กรอกนี่แหละที่กลายเป็นสัญลักษณ์วันชาติของอเมริกายุคปัจจุบัน
เชื่อว่าถ้านายพลจอร์จ วอชิงตันมาเห็นอาจจะร้องไห้โฮ ไอรบแทบตาย ไอ้พวกลูกหลายอเมริกันดันมาแข่งกินฮอทดอกฉลองซะนี่ มันน่าแค้นไม่หยอก แถมต้องมีการแข่งขันทุกปี จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลา 105 ปีแล้วด้วย หลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องแข่งกินฮอทดอกในวันชาติด้วยล่ะ ดูแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไรกันเลยนี่
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ สถานที่จัดการแข่งขันกินฮอทดอกที่โด่งดังที่สุดคือเกาะโคนีย์ เขตบรูกลิน นครนิวยอร์ก ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Nathan's Hotdog Eating Contest หรือการแข่งขันกินฮอทดอกของนาธาน
ไม่ใช่จัดแค่ในนิวยอร์กเท่านั้น การแข่งขันกินฮอทดอกยังกระจายตัวไปทั่วประเทศ แต่ถ้าจะเอาสนามหลักก็ต้องที่เกาะโคนีย์นั่นแหละ ตอนแรกก็เริ่มเพิงเล็กๆ แต่พอดีรถไฟใต้ดินขยายมาถึงเกาะโคนีย์ ผลคือหวยออกที่ร้านทวดนาธาน ฮอทดอกขายดีจนขายได้ถึงเจ็ดพันห้าร้อยชิ้นต่ออาทิตย์ จากนั้นชื่อทวดนาธานก็กลายเป็นตำนานของเกาะโคนีย์ไปโดยปริยาย
แล้วยังไงอีท่าไหน ฮอทดอกของทวดนาธานถึงกลายเป็นการแข่งขันกินฮอทดอกโด่งดังไปทั้งโลกจั่งซี้เรื่องนี้มีที่มานะจ๊ะ นอกจากรวยแล้วยังดวงดีเป็นบ้า ทวดนาธานเพลิดเพลินกับการขายฮอทดอทได้ไม่กี่ปีก็มีเหตุทะเลาะวิวาทว่าใครรักชาติมากกว่ากัน
ไอ้คนที่ท้าดวลกันนี่คือคนที่อพยพมาจากประเทศอื่นทั้งสิ้น เรียกว่าเว้าอังกฤษด้วยสำเนียงประจำชาติเดิมตนกันทั้งนั้น ไม่รู้คิดยังไงเลยเกิดการท้าดวลด้วยการแข่งกินฮอทดอก ใครกินได้ที่สุดถือว่ารักชาติสุดหัวใจ เออ..คิดแบบนี้ก็ดีเนอะ จะได้ไม่ต้องเกิดม็อบชนม็อบ แต่อร่อยทั้งคนแพ้และคนชนะ
กระทาชายสี่คนตกลงไม่ได้ว่าใครรักชาติมากกว่ากัน ลงท้ายด้วยการแข่งกินฮอทดอกของนาธาน ปรากฎว่าไอ้หนุ่มอเมริกัน-ไอริชชนะขาดลอย ด้วยการฟาดฮอทดอก 13 อันเกลี้ยงฉาดภายใน 12 นาที เล่นเอาคนอื่นๆ ครางอู้ โบกธงขาวขอยอมแพ้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแข่งขันกินฮอทดอกเลยกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำการฉลองวันชาติอเมริกา หลายคนวิเคราะห์และวิแคะว่า นี่คือการให้ความสำคัญกับคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในอเมริกา คนเหล่านี้แหละหลอมรวมกันเป็นชาวอเมริกันและเป็นชาติอเมริกาในเวลาต่อมา
กติกาการแข่งกินฮอทดอกไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย แค่ใครกินได้มากสุดในเวลา 10 นาที ถือเป็นผู้ชนะ ทุกคนต้องใส่เสื้อโลโก้นาธาน ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ร้านกระจอกอีกต่อไป แต่กลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่ผลิตไส้กรอกขายร่ำรวยเป็นเศรษฐีในเวลาต่อมา ถือเป็นไฮไลต์ของการฉลองวันชาติเลยทีเดียว
เคยนั่งดูถ่ายทอดสด เห็นแล้วอดขำไม่ได้ ผู้แข่งขันแต่ละคนต่างมีเทคนิคเฉพาะตัว บางคนกินไปเต้นไปให้ฮอทดอกลงพุงไวที่สุด เงินรางวัลที่มอบให้ผู้ชนะก็หลายหมื่นบาทอยู่ หากเทียบเป็นเงินไทย จะว่าไปก็น่าสนุกดี แข่งกินฮอทดอกเพื่อแสดงออกว่ารักชาติ ดีกว่าก่อม็อบด่าทอกันเป็นไหนๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี