ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 สังคมผู้สูงอายุ คือ มีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี 10% ของประชากรทั้งประเทศ หรือ 65 ปี ถึง 7% สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ คือ มีอายุเกิน 60 ปีถึง 20% (อีก 3 ปี 2564 ประเทศไทยจะเป็น)หรือเกิน 65 ปี 14% และสังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอดคือ (อีก 13 ปี 2574 ประเทศไทยจะเป็น) มีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี 30% หรือมีผู้สูงอายุเกิน 65 ปี 20%
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี พ.ศ.2560 พบว่า ผู้สูงอายุของไทยโดยสรุปมีปัญหา 3 ด้านใหญ่ๆ คือ หนึ่ง การศึกษายังไม่ดีพอ มีผู้อ่านออกเขียนได้ 83.7%, ไม่มีการศึกษา 9.8%, ต่ำกว่าประถมศึกษา 68.7%, ประถมศึกษา 7.5%, มัธยมศึกษา/ปวส./ปวท./อนุปริญญา 86%, ปริญญาตรีและสูงกว่า 5.4% สอง การออม การลงทุนมีน้อย มีผู้ที่ออม น้อยกว่า 50,000 บาท 18%, 100,000-399,999 บาท 31%, มากกว่า 400,000 บาท 36%, 400,000-699,999 บาท 14.2%, 1,000,000-2,999,999 บาท 10.4%
43.4% ของผู้สูงอายุ (2560) ต้องทำงานเพราะไม่ได้มีการออม หรือออมน้อยมาก ทั้งนี้รายได้ผู้สูงอายุจากทุกแหล่ง ยังไม่เพียงพอ คือ 10.9% < 10,000 บาท/ปี, 28.2% 10,000-29,999 บาท/ปี, 21.4% 30,000-49,999 บาท/ปี, 15.2% 50,000-69,999 บาท/ปี, 3.9% > 300,000 บาท/ปี
รัฐบาลให้เบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุเพียง 600-1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นยอดเงินที่น้อยมากสำหรับผู้สูงอายุ แต่เป็นยอดเงินที่รัฐบาลต้องจ่ายต่อปีถึงเกือบ 70,000 ล้านบาท
และสาม อายุยืนขึ้นก็จริงแต่สุขภาพยังไม่ดีพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโรคที่ไม่ติดต่อ หรือ non communicable disease (NCDs) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ สมอง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ ซึ่งก็คือโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่ดี หรืออาจพูดได้ว่า NCDs เป็นกลุ่มโรคที่ประชาชนสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ ถ้ามีความรู้ที่ถูกต้อง และมีวินัยในการมีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ
ผมเองถูกเชิญให้บรรยายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุสำหรับผู้เกษียณบ่อยมาก รวมทั้งที่สภากาชาดไทย ทั้งๆ ที่ได้บอกผู้เชิญว่าการดูแลสุขภาพ (และด้านอื่นๆ) ของผู้สูงอายุ ควรเริ่มต้นตั้งแต่เกิด(ความจริงตั้งแต่ก่อนเกิดด้วยซ้ำไป เช่น บิดา มารดา ควรไปปรึกษาแพทย์ว่าสมควรมีลูกไหม อย่างไร ถ้าบิดา มารดาค่อนข้างสูงอายุ และหรือมีโรคพันธุกรรมบางอย่าง เช่น Thalassemia ฯลฯ) หลังเกิด ช่วงที่เป็นทารก เด็ก เยาวชน ควรมีพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยตอนแรกบิดา มารดาเป็นผู้ดูแล แต่พอเด็กโต พอรู้เรื่อง บิดา มารดาต้องสอนให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมในหลายๆ ด้าน เช่น อบรม สั่งสอนให้เป็นคนดี มีวินัย ขยัน มัธยัสถ์ ให้รู้จักเก็บหอมรอมริบ ให้รู้จักหน้าที่ของตนเอง ช่วยทำงานบ้าน ทำการบ้านโดยไม่ต้องบอกหรือบังคับ รู้จักการออกกำลังกาย รู้จักการกินอาหารที่ถูกต้อง เหมาะสมตามวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิดา มารดา ต้องทำเป็นตัวอย่าง และสอนให้ลูกกินเน้นไปทางผัก ผลไม้ ตลอดชีวิต
ฉะนั้นในความเห็นของผม พ่อแม่ โรงเรียน ชุมชน สังคม รัฐบาล ภาคเอกชน ฯลฯ จะต้องวางแผนดูแลเด็กตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังคลอด อย่างเป็นระบบ ประเทศไทยจะต้องมีแผนที่จะทำให้ประชาชนเตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การศึกษาที่จะตอบโจทย์ของประเทศไทย สังคมไทย และต้องสอนให้เด็กๆ รักที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต มีระบบการศึกษาที่ดี มีครูที่มีคุณภาพ และเป็นครูที่ชอบพัฒนาตนเองตลอดชีวิตของการเป็นครู ควรมีคณะกรรมการแห่งชาติที่คอยทำวิจัย ศึกษา ตลอดเวลาว่า ประเทศต้องการผู้ประกอบอาชีพ วิชาชีพต่างๆ เท่าไหร่ในระยะสั้น กลาง ยาว เพื่อที่จะไม่ขาดบุคลากรต่างๆ ในทุกๆ สาขาวิชาชีพ และอาชีพ เช่น ในวิชาชีพพยาบาลมีการขาด ในปัจจุบันนี้ หลายหมื่นคน (และยังมีอาชีพต่างๆ ที่ยังขาดอีกมาก เช่น อาชีวะ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ฯลฯ) และเพื่อประเทศจะได้ไม่ผลิตบัณฑิตที่ประเทศไม่ขาดหรือต้องการมากนัก และเมื่อผลิตบัณฑิตออกมาแล้ว ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของตลาด บริษัทต่างๆ ได้ โดยคณะกรรมการแห่งชาตินี้ควรประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาทั้งทางภาครัฐและเอกชน เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ บัณฑิตที่จบจะสามารถทำงานให้ทั้งภาครัฐและเอกชนได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องตกงาน และหน่วยงานต่างๆ ก็จะไม่ขาดแรงงานที่เหมาะสม
เราจะต้องสอนเด็กๆ ให้รู้จักคุณค่าของเงิน ให้รู้จักการใช้อย่างเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักออม ให้รู้จักเก็บ ควรสอนให้ออมเงินเองถ้าต้องการซื้อของอะไร โดยเฉพาะของที่ไม่ค่อยจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ต้องรู้จักช่วยบิดามารดาทำงานบ้าน รู้จักพฤติกรรมที่เหมาะสมเผื่อที่จะมีสุขภาพที่ดีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ การดูแลสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคนั้นง่ายมาก คือ ทำตามกุมารแพทย์แนะนำ ตั้งแต่ฉีดวัคซีนทุกชนิดที่จำเป็น ตามกาลเวลา การกินอาหารที่ถูกต้อง ที่ดีต่อสุขภาพตั้งแต่เกิด (กินนมมารดาใน 2 ปีแรก) การออกกำลังกายตามวัย เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยหรือน้อยมาก ไม่ใช้ยาเสพติด ถ้ามีเพศสัมพันธ์ ขอให้เป็นแบบปลอดภัย มีจิตใจที่มั่นคงไม่เครียด ไม่กังวล ซึ่งประเด็นนี้สามารถลดความเครียด ฯลฯ ได้ด้วยการวางแผนชีวิตการทำงานไว้ล่วงหน้า ฯลฯตรวจสุขภาพตามที่แพทย์แนะนำตามกาลเวลา ฯลฯ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี