ปี 2564 นี้ ผมขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ครอบครัว และประชาชนชาวไทยทุกคน จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ความสมหวัง คิด ทำ แต่สิ่งที่ดีงาม และช่วยกันคนละไม้คนละมือพัฒนาประเทศชาติที่รักของเราทุกๆ คนให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
อยากให้แต่ละท่านตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า ปีนี้มีเป้าหมายอะไรบ้าง อย่าตั้งมากไป อย่าไปตั้งสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เช่น ถ้าท่านไม่เคยออกกำลังกายเลย อาจตั้งเป้าไว้ว่าจะออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้งครั้งละ 30 นาที การออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพที่สุดคือ การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน เต้นแอโรบิก ฯลฯ ขอให้ออกกำลังกายชนิดที่สะดวกสบายต่อท่าน ที่ทำได้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ แต่ดูทีวี ก็ซื้อจักรยานอยู่กับที่ ไว้ถีบช่วงที่ท่านดูทีวี
หรือตั้งเป้าไว้ว่าจะลดน้ำหนัก ท่านต้องรู้ก่อนว่าน้ำหนักตัวท่านควรจะอยู่ที่ใด โดยหลักการต้องดูแลให้ดัชนีมวลกาย หรือ Body Mass Index, BMI ของท่านอยู่ต่ำกว่า 23 วิธีคำนวณ BMI
คือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง เช่น น้ำหนักตัว 80 กก. ความสูง 1.78 เมตร BMI = 80/1.782 = 25.25ซึ่งหนักเกินไปและอยู่ในเกณฑ์อ้วน (obesity) ทีเดียว BMI 18.5-23ถือว่าปกติ 23.1-24.9 ยังไม่เรียกว่าอ้วน แต่เรียกว่าน้ำหนักเกิน 25 ขึ้นไปถือว่าอ้วน ฉะนั้นสำหรับผู้ที่มีความสูง 1.78 เมตร ถ้าจะให้ BMI อยู่ที่ 23 น้ำหนักตัวควรจะเป็น 72.8 กิโลกรัม การที่จะลดจาก 80 ลงเป็น 72.8 ไม่ใช่ของง่าย จะต้องค่อยๆ ลด ท่านไม่ได้อ้วนภายในวันเดียว จึงอย่ารีบลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ตามปกติควรลดน้ำหนักให้ไม่เกิน ½ - 1 กก.ต่อสัปดาห์ ถ้าลดได้ ½ กก. ทุกสัปดาห์แค่นี้ก็พอและดีมากแล้ว ถึงแม้จะลดบางสัปดาห์ ไม่ลดบางสัปดาห์ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเพิ่ม เดือนหนึ่งก็ 2 กก. (1/2 กก.ต่อสัปดาห์)ปีละ 24 กก.!?! ถือว่าสุดยอดเลยทีเดียว?! แต่คงไม่ต้องลดมากขนาดนั้นสำหรับคนทั่วๆ ไป
เรื่องลดน้ำหนัก หลักการคือ หนึ่ง ต้องกินน้อยกว่าใช้ สอง ต้องลดเฉพาะไขมัน อย่าลดกล้ามเนื้อ ถ้าท่านไม่กินอะไรเลยท่านจะลดทั้งไขมันและกล้ามเนื้อ และท่านจะอดไม่ได้นาน วันนี้ (อังคาร ที่ 15/12/2563) หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ในส่วน Life ซึ่งผมแนะนำให้ลูกศิษย์อ่านเสมอ เพราะมีข้อมูลทางด้านสุขภาพที่ดีมาก มีผลการวิจัยเร็วๆ นี้ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ว่าการให้คน 2 กลุ่ม คุมอาหาร โดยกลุ่มหนึ่งกินอาหารวันละ 500 กิโลแคลอรี่/วัน เป็นเวลา 5 สัปดาห์ และอีกกลุ่มกินวันละ 1,250 กิโลแคลอรี่เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าลดน้ำหนักได้เท่ากันทั้ง 2 กลุ่ม คือ 8 กก. แต่กลุ่มที่รับพลังงานเพียง 500 กิโลแคลอรี่ มีการลดของกล้ามเนื้อลงถึง 3 เท่าของอีกกลุ่ม!? และสาม ต้องรู้ว่ากว่าร่างกายจะรู้ตัวว่าอิ่ม ต้องรอให้เวลาผ่านไปแล้ว 20 นาที ฉะนั้นต้องกินอาหารที่ให้พลังงานน้อยก่อน เช่น พืช ผัก(ทุกสี) ทุกชนิด ปลา ไก่ที่ไม่มีหนัง หลีกเลี่ยงน้ำหวาน ของหวาน เนื้อสัตว์แดง มันสัตว์ หนังสัตว์ เครื่องใน ไข่ วันละฟองได้ ส่วนแป้ง เช่น ข้าวกินเท่าที่ใช้พลังงาน
หรืออาจตั้งเป้าว่าจะออมเงิน ง่ายที่สุดคือทำบัญชีรายรับ รายจ่ายแล้วจะทราบได้ทันทีว่าท่านใช้เงินฟุ่มเฟือยไปไหม เช่น กินสตาร์บัค สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ซื้อชานมเย็นกินทุก 2 วัน ทั้งแพงและมีน้ำตาลมาก ก็ตัดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ออกไป หรือลดลงให้มากที่สุด กินข้าวบ้าน ฯลฯ ออมแล้วต้องศึกษาเรื่องการลงทุน
อาจตั้งเป้าว่าจะอ่านหนังสือมากขึ้น ยิงนกทีเดียวได้นก 2 ตัวคือ อ่าน Bangkok Post ได้ทั้งภาษา อังกฤษ ความรู้ ข่าว วันอังคารBangkok Post ใน Life Section หน้า 4 มีบทความทางสุขภาพที่มีความสำคัญมาก ที่มักเอามาจากวารสารทางการแพทย์ที่ดังๆ ซื้อเฉพาะวันอังคารก็ได้ พออ่านหมดทั้งฉบับ วันอังคารหน้าค่อยซื้อใหม่
ผมตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะปรับปรุง power point ในการสอนแพทย์ประจำบ้านภาควิชาอายุรศาสตร์ ปีที่ 2 และแพทย์ประจำบ้านต่อยอดสาขาวิชาระบบทางเดินอาหาร ให้กรทัดรัด ทันสมัย(ทันสมัยอยู่แล้วจากการพูดเสริม power point ซึ่งอาจเก่าไป) และที่เป็นประโยชน์จริงๆ สำหรับปัจจุบันนี้ จะเปลี่ยนหัวข้อไปเป็นตามที่หน่วยฯ และผมเห็นว่าแพทย์ควรจะต้องรู้ มีประโยชน์ การสอนของผมมักเป็น soft skill หรือไม่ใช่ความรู้ทางด้านระบบทางเดินอาหารเท่านั้น แต่จะเป็นเรื่องที่ง่าย ต้องรู้ (แต่ไม่รู้ และไม่มีใครสอน) เช่น วิธีเรียน การพัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้า การเรียนเพื่อสอบทางด้านการแพทย์ การซักประวัติ ตรวจร่างกาย วิเคราะห์ สังเคราะห์ การสื่อสาร การตอบคำถามอาจารย์ การเขียนประวัติตนเอง (ไม่น่าเชื่อยังมีคนเขียนไม่เป็น หรือไม่ดี อีกมาก) การวางแผนการเงิน(กระตุ้นให้คิดแต่อายุยังน้อย) การดูแลสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการป้องกันโรค โรคที่ไม่ติดต่อ โรคอ้วน แอลกอฮอล์ หน่วยคืออะไรเท่าไหร่ อุบัติเหตุบนถนน การหกล้ม โลกร้อน อากาศเป็นพิษการออกกำลังกายและการกินอาหารเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
และเหนือสิ่งอื่นใด สอนให้พร้อมที่จะเป็นคนไทย 4.0(หรือ 5.0, 6.0 ในโอกาสต่อไป) เพื่อที่จะช่วยกันทำให้ Thailand เป็น 4.0 โดยต้องมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ หนึ่ง เป็นคนดีคำว่าดีสั้นจู๋ แต่ความหมายมากมาย ดีแล้วต้องมีสอง คือ เก่ง สาม รอบรู้ และสี่ มีสุขภาพที่ดีด้วย
และความดี ต้องนำหน้าความเก่งเสมอ
แค่นี้ประเทศไทยก็เจริญแล้ว
สำหรับแพทย์ผมสนใจ เรื่องความดีเท่านั้น เน้นตลอด ไม่สนใจเรื่องความเก่งเลย!? ทำไม? ความจริงก็สนใจ แต่ถ้าแพทย์เป็นคนดีจริงๆ เขาจะเก่งโดยปริยาย เพราะเขามีสมองอยู่แล้ว และถ้าเขาเป็นคนดี เขาจะขยันทำทุกอย่างเพื่อคนไข้ (รวมทั้งติดตามข้อมูลทางการแพทย์ที่ทันสมัย) เพราะเขาจะมีผู้ป่วยเป็นที่ตั้งอยู่ในหัวใจ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี