เนื่องจากอีก 6 วันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2565 แล้ว ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ที่ท่านเคารพนับถือ จงดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัว จงมีแต่ความสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งภัยอันตรายทั้งปวง ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามของชีวิต ทั้งในหน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว ขอให้ทุกท่านเป็นคนที่มีความดีเป็นอันดับที่ 1 (แค่นี้ปัญหาในโลกนี้ก็จบแล้วครับ) ตามด้วย ความเก่ง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าท่านต้องเคยมีโอกาสเรียน ต้องเรียนเป็น จับประเด็นเป็น รู้หัวใจของเรื่อง และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญของความเก่ง นอกจากนั้นท่านจะต้องเก่งอย่างน้อย 7 อย่างคือ เก่งคิด เก่งคน เก่งงาน เก่งเงิน เก่งเวลา เก่งขาย และเก่งฟัง ถ้าท่านมีความดี และความเก่งครบถ้วนตามที่ผมกล่าว ท่านก็พร้อมที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ในทุกกาลสมัย แต่แค่นี้ยังไม่พอ ท่านต้องมีความรอบรู้ในทุกเรื่องในระดับหนึ่ง ความรอบรู้นี้จะมาจากประสบการณ์ที่ท่านสะสมมาตลอดชีวิต ด้วยการทำอะไรทำให้เต็มที่ เต็มร้อย ต้องมี grit grit คือ ต้องมีความรัก (passion)ในสิ่งที่ท่านทำ และท่านต้องกัดไม่ปล่อย หรือมี perseverance หรือการเกาะติด ไม่ยอมแพ้ หรือมีความขยันหมั่นเพียร สู้ไม่ถอย ท่านต้องมีเพื่อนที่ดีมากๆ หลายๆ อาชีพ (อย่าลืมสุภาษิต “คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”)ท่านจะต้องอ่านมากๆ หลากหลาย ท่องเที่ยวมากๆ เปิดหูเปิดตา ฯลฯ
และถ้าท่านทั้งดี ทั้งเก่ง ทั้งรอบรู้ แล้ว ท่านต้องอยู่นานๆ จะได้ช่วยสังคม ช่วยชาติได้ ฉะนั้นท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดี ตั้งแต่ท่านเริ่มรู้เรื่อง พฤติกรรมที่ท่านทำ/ไม่ทำ อยู่ทุกวัน จะทำให้ท่านมีสุขภาพที่ดี/ไม่ดีต่อไปในอนาคต เพราะเป็นที่ยอมรับกันอย่างน่าจะแพร่หลายแล้วว่า 70% ของการเสียชีวิตของชาวโลกมาจากโรคที่ไม่ติดต่อ หรือ Non Communicable Diseases, NCDs (WHO 2018) ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้มาจากการกระทำของเราเองที่ทำมาอย่างช้านาน โรคต่างๆ เหล่านี้ คือ โรคหลอดเลือดทั่วร่างกายโดยเฉพาะที่หัวใจ สมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคปอด ฯลฯ ซึ่งโดยสรุปก็คือ โรค NCDs นี้ป้องกันได้ ทุกท่านจึงควรมีปรัชญาของตนเองว่า “เราต้องไม่เป็น ไม่ตาย ด้วยโรคที่ป้องกันได้” หรืออย่างน้อยให้น้อยที่สุด
ผมพูด เขียน สอนมา 50 ปี แล้วว่าการดูแลสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ สำคัญมาก ไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ได้ประโยชน์มาก นั้นง่ายมากมีหัวข้อหลักๆ เพียงไม่กี่ข้อ คือ หนึ่ง ออกกำลังกาย สอง กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยทั้ง 2 อย่างนี้ต้องคอยควบคุมให้ดัชนีมวลกาย หรือ Body Mass Index, BMI อยู่ต่ำกว่า 23 (BMI คือ การเอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง เช่น ผมสูง 1.78 เมตร มีน้ำหนัก 77 กิโลกรัม(ในขณะนี้) จะมี BMI : 77/1.782 = 77/3.1684 =24.30 ซึ่งหนักไป ค่าปกติไม่ควรเกิน 23 ระหว่าง 23.1-24.9 ถือว่าน้ำหนักเกิน (over weight) 25 ขึ้นไปจึงจะถือว่าอ้วน (obese)
แต่ดู BMI อย่างเดียวไม่ได้ บางคน BMI สูงกว่า 23 แต่ไม่อ้วน เพราะมีกล้ามเนื้อมาก มีไขมันน้อย จึงควรใช้ BMI เป็นเกณฑ์แบบคร่าวๆ และต้องดูขนาดของรอบเอวด้วย ปกติผู้ชายหญิงควรมีรอบเอวไม่เกิน 90 ซม.80 ซม. ตามลำดับ อาจพบว่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถ้าพุงใหญ่กว่าที่กล่าวก็ถือได้ว่าผิดปกติแล้ว อย่างผมมี BMI 24.3 แต่รอบเอวใหญ่ถึง 97 ซม.(แต่ไม่ได้วัดนานแล้ว) ซึ่งแสดงว่าผมยังอ้วนอยู่ และไขมันที่พุงมีความสัมพันธ์กับโรคต่างๆ มากมาย เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจสมอง มะเร็ง ความดันโลหิตเบาหวาน มะเร็ง ฯลฯ นอกจาก 1) คุมอาหาร 2) ออกกำลังกายแล้ว ควร 3) ไม่สูบบุหรี่ 4) ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มไม่เกิน 2 หน่วย/วัน สำหรับทั้งชาย/หญิง (แนวทางเวชปฏิบัติของสหราชอาณาจักร 2015 วิธีคำนวณหนึ่งหน่วยแอลกอฮอล์ของสหราชอาณาจักร คือ จำนวนซีซีที่ดื่ม คูณด้วย alcohol by volume, ABV (ที่ข้างขวด กระป๋อง จะมีบอกไว้ เช่น เบียร์จะอยู่ระหว่าง 3-6 ดีกรี, ไวน์ 11-14 ดีกรี, วิสกี้ 40 ดีกรี) หารด้วย 1,000 แต่ข้อยุ่งยาก คือ 1 หน่วย alcohol ของแต่ละประเทศจะมี alcoholไม่เท่ากัน เช่น อังกฤษ 1 หน่วย alcohol มี 8 กรัม, ไทยมี 10 กรัม, อเมริกา 14 กรัม, ญี่ปุ่น 19.75 กรัม (!?) ของยุโรปโดยทั่วๆ ไปอยู่ระหว่าง 8-12 กรัม
ฉะนั้น 1 หน่วย alcohol ของอังกฤษจะประกอบด้วย 1) วิสกี้ประมาณ 25 ซีซี (เพราะ 25 ซีซี x 40% ABV / 1,000 หรือ2) เบียร์ ประมาณ 200 ซีซี (เพราะ 200 x 5% ABV) / 1,000 หรือ3) ไวน์ ประมาณ 80 ซีซี (เพราะ 80 x 12% ABV/1,000)
แต่ถ้าท่านต้องขับรถไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เลยแม้แต่หน่วยเดียว
5) ไม่ใช้ยาเสพติด 6) มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย 7) เดินสายกลางในชีวิต ไม่รัก โลภ โกรธ หลง มาก ฯลฯ 8) ตรวจสุขภาพเป็นระยะๆ ถึงแม้สบายดี เพราะความดันโลหิต น้ำตาล ไขมันในเลือด จะสูงขึ้นตามอายุ(และจะให้โทษ) ถึงแม้จะยังไม่มีอาการ 9) ตรวจคัดกรองหาโรคตามเกณฑ์ที่แพทย์ให้ไว้ เช่น 1) อายุ 50 ปี ตรวจเต้านมตนเองทุกเดือน และพบแพทย์ปีละครั้ง 2) เมื่อมีเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่ต้องไปพบแพทย์สูติฯ ตรวจภายในทุกปี และ 3) เมื่อมีอายุ 45 ปี ไปตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ เพราะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มจากการมีติ่งเนื้อขึ้นมาก่อน ทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ ติ่งเนื้อนี้ยังไม่ใช่มะเร็ง แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ จะกลายเป็นมะเร็ง
การส่องกล้องแพทย์จะให้ยาให้ท่านหลับ ฉะนั้นท่านจะไม่รู้สึกอะไรเลย ท่านนับยังไม่ถึง 10 ท่านก็หลับแล้ว สำหรับท่านๆ จะรู้สึกว่าหลับแล้วก็ตื่นทันที แต่เวลาผ่านไปแล้ว 30-50 นาที และทำเสร็จแล้ว ง่ายมากครับไม่ต้องกลัว
และ 10) ระวังเรื่องการหกล้มเมื่อสูงอายุขึ้น และอุบัติเหตุบนถนน
ง่ายมากเลยครับ สำหรับการดูแลสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การป้องกันไม่ให้เป็นโรค ง่าย ดีกว่า ถูกกว่าเป็นโรค (อาจตายไปเลย) แล้วถ้าไม่ตายต้องไปรักษา ต้องทนทุกข์ทรมาน อาการเจ็บปวด เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย ฯลฯ มากมาย
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านวางเป้าหมายว่า ในปีนี้ท่านจะทำอะไรที่ดีบ้างให้ตัวท่านเอง ครอบครัว ชุมชน หรือประเทศชาติ เช่น ไม่มาสายไม่ทิ้งขยะ ออกกำลังกาย ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เลิกการสูบบุหรี่ อ่านหนังสืออ่านเล่นดีๆ เพิ่มขึ้น ลดน้ำหนัก บริจาคเงินให้การศึกษาแก่ผู้ที่ด้อยโอกาส ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่ท่านทำได้อย่างสม่ำเสมอ และไม่เดือดร้อนใคร ขอให้ทุกท่านโชคดี สวัสดีปีใหม่ครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี