การเจรจากับวัดพระธรรมกายล้มเหลว (ตามคาด)
พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังการเจรจาว่า พระทัตตชีโว ผู้มีอำนาจตัดสินใจของวัดพระธรรมกาย และมวลชนคณะศิษย์ ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิด แม้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เชิญเเกนนำศิษย์มาพูดคุยทำความเข้าใจ และกลับไปพูดกับกลุ่มลูกศิษย์ที่เหลือ ซึ่งดูเหมือนจะราบรื่น แต่กลุ่มมวลชนกลับอ้างยังไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการตรวจค้นพื้นที่ซ้ำ
“ช่วงบ่าย การดำเนินการของทางวัดแยกส่วนการปฏิบัติ แต่ทางพระทัตตชีโว ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจสูงสุดของวัดพระธรรมกาย ท่านกลับไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งดีเอสไอพร้อมชี้แจงทุกอย่างและขอเข้าพบกับท่าน แต่ตัวพระทัตตชีโวเองกลับปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้น หลังจากนี้จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายทันที”
น่าสนใจว่า ทัตตชีโว สำคัญอย่างไร?
ถึงขนาดเป็น “ตอ” ในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายครั้งนี้
1. พระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
เป็นนิสิตรุ่นพี่ของธัมมชโย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ไปเป็นลูกศิษย์แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ด้วยกัน
บุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมาด้วยกันกับธัมมชโย
2. ทัตตชีโว เป็นเบอร์สอง รองจากธัมมชโย
แม้ธัมมชโยจะเฉิดฉาย โดดเด่น อยู่บนสื่อสาธารณะ แต่ขุนศึกสำคัญ คือ ทัตตชีโว
ปฏิบัติการให้ได้มาซึ่งที่ดินนับพันไร่ที่ตั้งวัดปัจจุบัน จะไม่สำเร็จถ้าไม่มีมือของทัตตชีโวเข้าไปจัดการ
แต่จะด้วยวิธีการสุภาพ หรือป่าเถื่อนแค่ไหน ไม่ยากที่จะสืบค้น
ในสังคมธรรมกาย เรียกขานธัมมชโยว่า “ครูไม่ใหญ่”
ส่วนทัตตชีโว ถูกเรียกขานว่า “ครูไม่เล็ก”
เมื่อพูดถึงมหาเจดีย์ธรรมกาย คนจะนึกถึงแต่เฉพาะธัมมชโย
ปัจจุบัน ทัตตชีโวได้มีเจดีย์ของตัวเองแล้ว ที่เมืองกาญจน์ชื่อ “พระมหาเจดีย์ทัตตชีโว”
3. ทัตตชีโวนี่เอง ที่เป็นเจ้าของแนวคิดให้ธรรมกายเป็นเหมือนวาติกัน
เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ ปี 2542 ว่า “(คริสต์นิกาย) คาทอลิกเขามีวาติกัน มุสลิม (อิสลาม) มีมักกะฮ์ เราชาวพุทธต้องมีศูนย์กลางธรรมกายแห่งโลก”
4. ในงานศึกษาของ ดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ตีพิมพ์ในวารสารพุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฉบับเดือนมกราคม - เมษายน 2551 อธิบายถึงการบริหารจัดการของธรรมกาย สะท้อนภาพบทบาทและความสำคัญของทัตตชีโวไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า การจัดองค์กรของวัดพระธรรมกาย มีการแบ่งแผนก และทัตตชีโวมีบทบาทผู้นำบริหารกิจการ
“เราจะเห็นการแบ่งงานกันทำและภาพลักษณ์ที่ต่างกันอย่างมากของหลวงพ่อทั้งสององค์ ภาพรองเจ้าอาวาสไม่ใช่ผู้นำศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณสมบัติเหนือโลกแต่เป็นผู้นำด้านการบริหาร เป็นผู้นำที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ท่านทำหน้าที่รับแขกที่มาเยือนดูแลกำกับงานในฝ่ายต่างๆ ท่านมีรูปร่างสูงใหญ่ เสียงห้าวดังฟังชัด พูดตรงไปตรงมามีบุคลิกแบบที่เรียกได้ว่า “นักเลง” ในความดุจะรู้สึกได้ถึงความใจดีมีเมตตา ท่านมักเรียกคนใกล้ชิดว่าไอ้หนู หรือ เอ็ง หากเขาจะมาหาท่านก็ทำได้ง่ายกว่าเข้าพบท่านเจ้าอาวาสมาก ท่านจะเป็นผู้ช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดวันต่อวัน บางครั้งผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถโต้แย้งถกเถียงกับท่านในเรื่องงานได้ คนใกล้ชิดรู้สึกว่าท่านเป็นเหมือนพ่อ (ที่เป็นมนุษย์)
5.ทัตตชีโว เคยคุยไว้ในหนังสือ “เดินไปสู่ความสุข” ทำนองว่าตนเองมีฤทธิ์เดชอย่างไร
“...ไปฝึกสมาธิกับพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ได้โอกาสก็ถามท่านเรื่องนรก-สวรรค์เสียทุกคนไป แต่ไม่ว่าจะไปถามท่านใดทั้งที่เป็นพระภิกษุและฆราวาสว่า นรกมีจริงไหม สวรรค์มีจริงไหม เทวดานางฟ้ามีจริงไหม ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่จริงจังชัดเจน น่าเชื่อตามได้สักรายเดียว อาตมาจึงเชื่อในสิ่งที่สามารถพิสูจน์ ได้เฉพาะหน้า คือ เชื่อเรื่องหนังเหนียว รูดโซ่ลุยไฟ เพราะเขาทำให้เราดูได้ และเมื่อเราลองทำ ก็ทำได้จริงอีกด้วยตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมาก”
ก่อนหน้านี้ ทัตตชีโวถูกดำเนินคดีไปแล้ว ฐานให้ที่พักพิงซ่อนเร้นธัมมชโย ตามกฎหมายอาญาปกติ
มาวันนี้ ถูกดีเอสไอระบุว่า เป็นคนขัดขวางการเจรจา ขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
ไม่สนใจอำนาจตามกฎหมาย มาตรา 44
คิดว่าหนังเหนียว กฎหมายฟันไม่เข้า หรืออย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี