ในยุคล่าอาณานิคมอังกฤษ ทำปฏิบัติการข่าวใส่ร้ายป้ายสีให้ชาวโลกและคนพม่าเองเกลียดชังราชวงศ์ “คองบอง” ที่ยังคงปกครองพม่าตอนเหนือ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเข้าปล้นสมบัติและพระราชบัลลังก์ของ“พระเจ้าธีบอ” กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า นึกไม่ถึงว่าในศตวรรษที่ 21 วิธีการเดียวกันถูกนำมาใช้ให้เกิดความแตกแยกกับประเทศเพื่อนบ้านจากกิจการละครดังหลังข่าว
พระเจ้าธีบอ กับพระนางศุภยาลัต ถูกปฏิบัติการข่าวกล่าวหาว่าโหดร้ายทารุณ โดยที่พระองค์ไม่ได้มีโอกาสแก้ข่าว เพราะอังกฤษกีดกันพระองค์จากสื่อและสังคมโลกภายนอก แต่ถ้าได้ศึกษาจากหลายแง่มุม จะพบว่าคนที่โหดร้ายทารุณที่แท้จริง คือ ผู้ที่สั่งการให้ปล้นพระราชทรัพย์แล้วเนรเทศพระองค์ไปตกระกำลำบากจนสิ้นพระชนม์ชีพต่างแดน นอกจากนั้นยังสร้างเวรกรรมทำให้ทายาทของพระองค์บางคนกลายเป็นจัณฑาลในอินเดีย ทายาทบางคนที่ได้กลับพม่าก็ถูกกีดกันออกจากสังคม ถูกบังคับให้เล่าเรียนแบบฝรั่งอังกฤษ หลายคนจึงมีความคิดติดค้างไปทางตะวันตก
ตำนานกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า เท่าที่อ่านมาจากหนังสือเรื่อง “พม่าเสียเมือง” ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช, เรื่อง The Glass Palace ของAmitav Ghosh และเรื่อง The King in Exile ที่ สุภัตร ภูมิประเทศ แปลเป็นไทยชื่อ ราชันย์พลัดแผ่นดิน
“พม่าเสียเมือง” ให้ความรู้เรื่องโบราณราชประเพณี การเมืองในราชสำนักที่ขุนนางกังฉินนำไปสู่การแพ้สงคราม เรื่องความเชื่อโบราณที่ต้องสังเวยชีวิตมนุษย์ในการสร้างเมือง ตลอดถึงการสังหารหมู่เจ้านาย
The Glass Palace เรื่องจริงอิงนิยาย เปิดฉากตอนอังกฤษเข้ายึดพระราชวังมัณฑะเลย์ โดยใช้ Dolly นางสนมผู้ภักดีเป็นตัวแก้ข่าวให้ครอบครัวอดีตกษัตริย์พม่า วันหนึ่งภรรยานายอากรประจำเมืองรัตนคีรีถามว่า “ไม่กลัวหรือ ที่อยู่ร่วมชายคากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่พระญาติ” Dolly ตอบว่า “สิ่งที่พระนางเจ้าศุภยาลัตทำ ไม่มากไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่กษัตริย์องค์อื่นทำทุกครั้งที่พลัดแผ่นดิน” The Glass Palace ยังกล่าวถึงประเทศไทยเมื่อพระเจ้าธีบอตรัสว่า “พระเจ้าแผ่นดินสยามเสด็จประพาสยุโรปประทับแรมในพระราชวังแวร์ซาย ชมโอเปร่าในกรุงเวียนนา ในขณะที่เราอาศัยอยู่ที่ที่ไม่ต่างจากเล้าหมู” และตรัสถึงการศึกษาว่า “กษัตริย์สยามส่งบุตรหลานข้าราชบริพารไปเรียนยุโรป แต่ลูกหลานเราต้องเรียนกับครูพื้นบ้านในอินเดีย”
“ราชันย์พลัดแผ่นดิน” ให้รายละเอียดความคับแค้นของพระเจ้าธีบอ ความยากลำบากที่ต้องเลี้ยงดูพระราชธิดาทั้งสี่พระองค์ที่กำลังเจริญวัยให้สมพระเกียรติราชวงศ์คองบอง ในขณะที่อังกฤษมีแผนการทำลายพระเกียรติ ต้องการทำให้พระองค์หายไปจากความทรงจำชาวโลก พระเจ้าธีบอเป็นทุกข์หนักเมื่อเจ้าหญิงองค์โตได้สามีเป็นคนบังคับรถม้า เจ้าหญิงสองหนีตามผู้ชายชาวพม่าที่เป็นพระญาติห่างๆ ไป พระองค์ตรอมพระหทัย พระวรกายทรุดโทรม เจ้าหญิงสามเป็นนางฟ้าเดียงสาโลก เหลือแต่เจ้าหญิงสี่ที่ได้รับการสอนจากครูชาวอังกฤษ มีความรู้พอช่วยตัวเองได้ เป็นกำลังสำคัญของครอบครัว
ในยามที่พระเจ้าธีบอและพระนางศุภยาลัตตรอมพระหทัยจนแทบดำรงชีพไม่ได้ เจ้าหญิงสี่ เรียกร้องสิทธิ์ ทรัพย์สินของพระเจ้าธีบอที่ถูกปล้นไปเมื่อคราวอังกฤษยึดเมือง เป็นปากเป็นเสียงแทนครอบครัว ทำให้อังกฤษกลัวว่า ต่อไปเจ้าหญิงจะเป็นผู้นำต่อต้าน จึงกดขี่ข่มเหงมากขึ้นจนเกินที่พระเจ้าธีบอจะรับได้
พระเจ้าธีบอสิ้นพระชนม์ พระนางเจ้าศุภยาลัต เจ้าหญิงใหญ่ เจ้าหญิงสามและเจ้าหญิงสี่ได้กลับพม่า แต่ถูกจำกัดสิทธิพบคนพม่า เจ้าหญิงสามแต่งงานกับพระญาติห่างๆ เจ้าหญิงสี่แต่งงานกับโกโกน่าย อดีตพระสงฆ์ที่เคยร่วมพิธีเจาะพระกันต์ในรัตนคีรี อังกฤษเนรเทศเธอไปอยู่เมืองเมาะละแหม่ง ลูกๆ ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนสอนศาสนาทายาทรุ่นหลานของพระเจ้าธีบอ ต้องเรียนในโรงเรียนของอังกฤษ มีชื่อเป็นฝรั่ง เช่น เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายเดวิด เจ้าชายพอล เจ้าชายริชาร์ด เจ้าหญิงโรสแมรี เจ้าหญิงริต้า เจ้าหญิงมากาเร็ต ฯลฯ
เจ้าหญิงใหญ่ทนอยู่กับพระมารดาและน้องๆ ไม่ไหว กลับไปใช้ชีวิตเป็นจัณฑาลในรัตนคีรี ลูกสาวชื่อ “ตูตู” ซึ่งต่อมามีลูกมีหลานเป็นขอทานในอินเดีย เจ้าหญิงสองเสียชีวิตในกัลกัตตาเจ้าหญิงสามเสียชีวิตในเมืองเหงียดเมี้ยว เจ้าหญิงสี่เสียชีวิตในเมืองเมาะละแหม่ง เจ้าชายต่อพญาเสียชีวิตในย่างกุ้งเมื่อปี 2549
คนที่ชื่อโซ วิน ที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีไม่ทราบว่า เป็นลูกหลานเจ้าหญิงองค์ไหน ถึงพูดว่าครอบครัวของเขาโกรธที่ไทยไม่ยุติการฉายละครเรื่องเพลิงพระนาง ซึ่งหลายคนก็รู้ว่า เรื่องเพลิงพระนางพยายามสื่อว่าประเทศพม่าถูกทำลายเพราะนางอเลนันดอมเหสีของพระเจ้ามินดุงและพระนางศุภยาลัต พระมเหสีพระเจ้าธีบอ “แม้ว่าการสังหารหมู่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์พม่า แต่เราก็รู้สึกไม่พอใจที่คนไทยมีความสองมาตรฐานกับเรื่องราชวงศ์ เพราะขณะที่ราชวงศ์ไทยมีกฎหมายปกป้องไม่ให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ได้ และหากพม่าทำละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์ไทยบ้าง คนไทยคงไม่พอใจเช่นกัน”
คำพูดของนายโซ วิน ถูกนำมาขยายความอย่างกว้างขวาง จากพวกที่ไม่เคยศึกษาเรื่อง “พม่าเสียเมือง” กับพวกที่ไม่ได้ดูละครเรื่องเพลิงพระนาง คนที่ไม่ได้ดูละครทึกทักเอาว่าไปล้อเลียนเขาจริง ส่วนคนไม่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ก็ทึกทักเอาว่าคำพูดของนายโซ วิน ควรนำมาพิจารณา ส่วนผู้ที่ติดตามทั้งสองอย่างก็พบว่า ข่าวเอเอฟพีมีวาระซ่อนเร้น เพราะบทละครเรื่องเพลิงพระนาง ไม่มีส่วนล้อหรือสัมพันธ์กับตำนานพระเจ้าธีบอ
ตำนานพระเจ้าธีบอ เล่าว่า พระเจ้ามินดุง ไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์เป็นทางการ เจ้าชายบางองค์วางแผนชิงอำนาจเมื่อล้มเหลวก็หนีไปอยู่ในเขตอิทธิพลของอังกฤษ เมื่อพระเจ้ามินดุงใกล้สิ้นพระชนม์ พระนางอเลนันดอ พระมเหสีรองผู้ทรงอิทธิพลกวาดต้อนขุนนางมาเป็นพวก เสนอชื่อเจ้าชายธีบอเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ กีดกันและขจัดเจ้าชายที่เป็นเสี้ยนหนามออกไป เจ้าชายธีบอเป็นราชบุตรของเจ้าหญิงจากรัฐฉาน หัวอ่อนปกครองง่าย นางอเลนันดอหมายมั่นปั้นมือให้ลูกสาวคนโต พระนางศุภยากะเล เป็นพระมเหสีและให้พระนางศุภยาลัตเป็นมเหสีรอง แต่พระนางศุภยาลัตที่รักใคร่ชอบพอกับเจ้าชายธีบอ ตั้งแต่เป็นเณรอยู่ในวัดหลวง นางจึงใช้วิธีการพิเศษจัดระเบียบให้พระเจ้าธีบอ เป็นสมบัติของพระนางเพียงผู้เดียว
เพลิงพระนาง สมมุติว่า เจ้าหลวงเมืองทิพย์พระบิดาพระนางอนัญทิพย์ ถูกบุรพคาม ผู้ยึดอำนาจฆ่าตาย บุรพคามปราบดาภิเษกเป็นเจ้าหลวง แล้วแต่งตั้งพระนางเสกขรเทวี (น้องสาว) เป็นพระนางหน่อเมือง พระนางอนัญทิพย์ โกรธที่พ่อถูกฆ่าตาย แถมตำแหน่งพระนางหน่อเมืองก็ตกเป็นของพระนางเสกขรเทวี จึงริษยาอาฆาตอาละวาดไปทั่วเมือง ในเวลาเดียวกันเจ้าเมืองคุ้ม ลูกชายของพระนางเจ้าสำเภางามกลับมาจากปราบขบถฝรั่งดั้งขอ พบกับพระนางอนัญทิพย์ ที่กำลังว้าเหว่งุ่นง่าน เกิดรักใคร่ได้เสียเป็นผัวเมียกันที่ชายป่า
เรื่องดำเนินต่อไปว่าเจ้าหลวงบุรพคาม เป็นทรราชส่งทหารไปปล้นสะดมพ่อค้าประชาชน โลภโมโทสันโกงบ้านกินเมือง จนเจ้าหลวงเมืองคุ้มยึดอำนาจปราบดาภิเษกเจ้าหลวงองค์ใหม่ขึ้นมา พระนางเจ้าสำเภางาม (แม่เจ้าหลวงองค์ใหม่) เกลียดพระนางอนัญทิพย์เข้ากระดูกดำ จึงบังคับให้เจ้าหลวงเมืองคุ้มแต่งตั้งพระนางเจ้าเสกขรเทวีเป็นพระราชเทวี พระนางอนัญทิพย์ได้เป็นเพียงพระสนมเอกเพลิงพระนาง จึงลุกโชน สงครามน้ำลายกับพระราชเทวีและการตบตีกับนางสนมอื่นๆ อีกครึ่งโหล
นี่คือ Theme เรื่องเพลิงพระนาง ซึ่งไม่มีส่วนล้อกับเรื่องพระเจ้าธีบอ แม้แต่น้อย จึงต้องถามให้หายสงสัยว่า สำนักข่าวเอเอฟพี มีจุดประสงค์อะไรที่ยกละครหลังข่าว มาตีวัวกระทบคราด พาดพิงไปถึงกฎหมายอาญามาตรา 112
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี