ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องของ “หมุดคณะราษฎร” ที่ถูกสับเปลี่ยน หมุดเก่าหายไป หมุดใหม่มาอยู่แทนที่ จะมีปัญหา นำพาความขัดแย้งและ “ความสุดโต่ง” มาสู่สังคมไทย
หมุดคณะราษฎร คืออะไร? มีที่มาอย่างไร?
24 มิถุนายน 2475 คือวันที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” มาเป็น “ประชาธิปไตย” โดยกลุ่มคณะบุคคลที่เรียกว่า “คณะราษฎร” พร้อมประกาศหลัก 6 ประการ คือ เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ และการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นสำคัญที่จะทำให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ในการดังกล่าว ได้มีการประดิษฐ์สัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทยขึ้นสิ่งหนึ่ง คือ “หมุดคณะราษฎร” นี่แหละ โดยปักลงบนลานพระบรมรูปทรงม้า ตรงจุดที่พระยาพหลพลพยุหเสนา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร อ่านประกาศคณะฉบับที่ 1 เสร็จสิ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งบนหมุดทองเหลืองนี้มีข้อความระบุว่า “ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ”
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2560 ที่ผ่าน เพจเฟซบุ๊ค หมุดคณะราษฎร ได้แชร์ภาพหมุดคณะราษฎรแบบใหม่ โดยระบุว่า หมุดคณะราษฎร รำลึกเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 ถูกรื้อถอนและเปลี่ยนเป็นหมุดใหม่ ยังไม่ทราบว่ารื้อถอนออกไปเพราะเหตุใด โดยมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจและต้องการคำตอบในประเด็นนี้
โดยหลังจากประเด็นของหมุดคณะราษฎรเผยแพร่กระจายออกไป กระทั่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Worawut ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะทำการไลฟ์วีดีโอลงเฟซบุ๊ค ยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรออกไปจริงๆ
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำมาปักแทนหมุดเดิม แต่เมื่อพิจารณาข้อความที่ปรากฏบนหมุดใหม่นั้น บางส่วนมาจากคาถาสุภาษิตที่ปักอยู่บนตรา “ดาราจักรี” ซึ่งในเว็บไซต์ของสถาบันพระปกเกล้าระบุว่า เป็นเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ สร้างขึ้นเพื่อใช้ประดับฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ สำหรับฝ่ายหน้า โดยจะติดไว้ที่อกซ้ายของฉลองพระองค์ครุย จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน เรียกย่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ มีชั้นเดียวทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน
คาถาสุภาษิตดังกล่าวคือ “ติรตเน สกรฏฺเฐจ สมฺพํเส จ มมายน สกราโชชุจิตฺตญฺจ สกรฎฺฐาภิวฑฺฒน” ซึ่งแปลว่า “ความนับถือรักใคร่ในพระศรีรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง”
ส่วนข้อความอื่นๆ บนหมุดใหม่ คือ “ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาสุขสันต์หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน”
เมื่อข่าวนี้ปรากฏขึ้น มีคนจำนวนหนึ่ง “สนใจ” จำนวนหนึ่ง “สนใจยิ่ง” และอีกจำนวนหนึ่ง ไม่สนใจเลย
นายบันลือ สุขใส ผู้อำนวยการเขตดุสิต เปิดเผยว่า ทางเขตได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรแล้ว แต่ทางเขตไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยน ซึ่งขณะนี้ทางเขตกำลังรอรายละเอียดและข้อมูลที่ชัดเจนอยู่ ว่าหน่วยงานใดเป็นผู้เปลี่ยนหมุดพร้อมข้อความดังกล่าว และหากทราบรายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว ทางเขตจะได้แจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป
ขณะที่ นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลป์ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อความในหมุดดังกล่าวจริง ก็ไม่ต้องแจ้งให้กรมศิลป์รับทราบ เพราะไม่ใช่พื้นที่ที่กรมศิลป์ดูแล ทางกรมศิลป์ดูแลเฉพาะองค์อนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ได้อยู่ในความดูแลของกรมศิลป์ ส่วนบริเวณหมุดอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใดนั้น ตนไม่ทราบ
วันที่ 15 เมษายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่ได้มีการแชร์ภาพและข้อความในโลกออนไลน์โดยเพจเฟซบุ๊คหมุดคณะราษฎรระบุว่าหมุดดังกล่าวถูกเปลี่ยนใหม่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าสั้นๆ ว่า “โดยส่วนตัวผมไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้ และไม่ขอออกความเห็นเรื่องดังกล่าว”
เรื่องนี้ มีมุมไหนต้องมองกันบ้าง ลองช่วยกันมองนะครับ
1) ถามว่า “หมุดคณะราษฎร” สำคัญไหม ตอบว่า สำคัญครับ สำคัญในฐานะ “หลักฐานทางประวัติศาสตร์” หนึ่งของประเทศไทย เป็น “วัตถุประวัติศาสตร์” ที่ย้ำเตือนและยึดโยงให้คนรุ่นหลังหวนกลับไปรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่เคยขึ้นบนแผ่นดินไทย คือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
2) ไม่มีหมุดคณะราษฎร ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปไหม ตอบว่าไม่เปลี่ยนครับ มีก็ไม่เปลี่ยน ไม่มีก็ไม่เปลี่ยน เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และผ่านพ้นไปแล้วโดยสมบูรณ์ บ้านเมืองพัฒนามายาวไกล จนปัจจุบัน เรามีรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ใช้กันแล้ว เพียงแต่ว่า เมื่อหมุดมันเคยมี เคยอยู่ ครั้นมันไม่อยู่ แถมถูกเปลี่ยนใหม่ ย่อมต้องมีคนสงสัย อยากได้คำตอบ มันหายไปตอนไหน หายไปอย่างไร ใครขุดออกไป ใครทำใหม่ แล้วเอามาปักไว้แทน
3) แต่ประเด็นมันไม่ได้หยุดอยู่ที่การถามกัน แล้วนั่งคอยคำตอบด้วยดีน่ะสิครับ มันเกิดการวิวาทะกันในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ทำไมคนบางกลุ่มบางพวก ทำเหมือนจะขาดใจตาย เพียงเพราะ “หมุดเก่าหาย หมุดใหม่มาปักแทน” จนกลาย “ติ่งคณะราษฎร” กับ “คนหมั่นไส้ลิเบอร่าน” เถียงกัน จิกกัดกัน หน้าเขียวหน้าแดงไปตามๆ กัน
4) ยอมรับเถอะครับ ว่าคนที่เสียดาย อาลัยอาวรณ์หมุดเก่าด้วยใจบริสุทธิ์นั้น มีอยู่ไม่กี่คนหรอก ที่เหลือดูท่าจะปักใจเชื่อเสียแล้วด้วยว่า “ใครเปลี่ยน” จึงฉวยโอกาสห้อยโหนโยกเขย่าเอาตามความเก็บกดที่หมักหมมอยู่ในใจมานมนาน และด้วยท่าทีแบบนั้นนั่นแหละ ที่ทำให้สังคมอีกซีกส่วนหนึ่ง ไม่ร่วมทวงถามด้วย และกลายเป็นยินดี รับได้ สาแก่ใจ ที่เห็นพวกหนึ่งจะเป็นจะตาย ราวกับหมุดคณะราษฎรคือป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ
5) การเคลื่อนไหว “ทวงคืน” หมุด จึงออกมาหลายรูปแบบ มีทั้งประเภท “เชื้อพงศ์คณะราษฎร” ออกมาทวงถาม นักศึกษาผู้รัก
ประวัติศาสตร์-ประชาธิปไตย ออกมาทวงถาม ศรีสุวรณ จรรยา ซึ่งตอนหลัง ถามดะไปทุกเรื่อง ก็จะออกมายื่นหนังสือถามนายกฯ แต่ถูกทหารเชิญตัวไปเสียก่อน
6) ตัดศรีสุวรรณออกไป ส่วนใหญ่ที่เหลือ ผู้คนรู้สึกทะแม่งๆ ว่าเป็นพวก “ไม่เอาเจ้า” พอหมุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ล้มอำนาจเจ้าหายไป ใจจึงจะขาดรอนๆ หรือจริงๆ แล้วใจไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า มีจังหวะ “ทิ่มแทง” ใหม่แล้วโว้ย เลยดาหน้ากันออกมาทิ่มตำกันยกใหญ่ ทั้งหัวหงอกหัวดำ ทั้งมีเหตุผลและไร้สาระ ปนๆ กันไป
7) พื้นที่ที่หมุดนั้นปักอยู่ อยู่ในเขต “พระราชฐาน” ครับ ใครจะไปเคลื่อนไหวอะไรกันอย่างไร พึงตระหนักในข้อนี้ด้วย จึงไม่แปลกที่มีคนออกมาห้ามปราม และเตือนให้ระมัดระวังการเคลื่อนไหว กับมีคนบางกลุ่ม ที่ก็ยุส่งกันไป ออกมาช่วยกันต่อล้อต่อเถียง จนดูจะยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี่ ดูผิวเผินแล้ว เป็นเรื่องที่ตอบกันได้ง่ายๆ ใครเอาหมุดเก่าไป เอาหมุดใหม่มาปัก ก็ออกมาบอกกันเสียก็จบเรื่อง แต่หากดูให้ลึก โฆษกรัฐบาลที่อ้อมๆ แอ้มๆ และปัดที่จะแสดงความคิดเห็น กรมศิลปากรบอกไม่รู้ ไม่ใช่เจ้าของสถานที่ เขตบอกไม่รู้ เดี๋ยวจะลองถามให้ แต่แล้วทั้งหมดก็กลับเงียบไป นั่นไม่ใช่ “คำตอบ” อยู่ในทีแล้วหรือ ว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมา “ปากสว่าง” พูดกันดะไป
แต่หลายปัจจัย ก็ไม่ควรเกิด เพราะเกิดแล้วกลายเป็นเรื่องต่อความยาวสาวความยืด เช่น ตำรวจถามว่า ใครเป็นเจ้าของหมุด ที่มาทวงกันนี่ เป็นสมบัติคุณหรือ เป็นมรดกในตระกูลคุณหรือ อันนี้ก็ไม่ควรถาม ถามให้เป็นเรื่องเปล่าๆ เช่นเดียวกับทหารที่เชิญตัวศรีสุวรรณไป ก็ทำให้เรื่องที่ควรจะเงียบกลายเป็นเรื่องครึกโครมไป
ท้ายที่สุด ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ออกมาเย้วๆ ถามกันคึกอยู่ตอนนี้จะได้คำตอบไหม หรือจริงๆ พวกเขาพอจะเดาคำตอบได้ แต่ก็อยาก “ท้าทาย” อะไรบางอย่างอยู่
ถามว่า ไม่มีหมุดคณะราษฎรแล้ว ประชาธิปไตยไทยดีขึ้นไหม เลวลงไหม ไม่ใช่สักอย่าง ดีขึ้นหรือเลวลง อยู่ที่คนในชาติจะ “เห็นแก่ชาติ” ก่อน “เห็นแก่ตัว” หรือเปล่าเท่านั้นเอง
แต่ก็นั่นแหละ คนที่ออกมาทวง เขาก็จะด่ากลับมาอีกว่า ฉันไม่ได้ออกมาทวงเพราะมีผลต่อประชาธิปไตย แต่ทวงเพราะมัน
มีอยู่แล้วหายไป ใครเอาไปไหน เอาไปทำไม ก็แค่บอกมาเท่านั้นเอง เอาๆ เอาที่เธอสบายใจกันเถิด ฉันไปดูหมอดีกว่า (ฮา..)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี