ทำไมต้องเป็นรัฐบาล คสช.?
ทำไมเหมืองทองคำจึงยังเปิดได้ในยุครัฐบาลก่อนหน้า?
ทำไมชาวบ้านร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบร้ายแรง แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่จัดการอะไร?
ทำไมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่กฎหมายปกติจัดการกับเหมืองทองไปก่อนหน้านี้?
ทำไมรัฐบาล คสช.ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการกลับใช้มาตรา 44 ปกป้องประชาชน จัดการเหมืองทอง?
ทำไมจึงจะถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30,000 ล้านบาท?
ทำไมแทนที่จะช่วยสนับสนุนให้ คสช. ต่อสู้ แต่กลับมีคนออกมาทับถม ซ้ำเติม เชียร์ทุนออสเตรเลีย (แต่ตอนชาวบ้านเดือดร้อนก็ออกมาด่ารัฐบาล คสช.ให้ระงับเหมืองทอง)?
ทำไม ทำไม ทำไม?
1. เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานข่าวระบุว่า บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดดเต็ด จำกัด ทุนใหญ่ที่ทำธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ถือประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ยื่นอนุญาโตตุลาการ อ้างว่าได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช. จึงได้อาศัยสิทธิตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (Thailand-Australia Free Trade Agreement: TAFTA) ยื่นให้คิงส์เกตและประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
2. นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเตรียมการสำหรับการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังไม่ได้ยอมรับข้อเรียกร้องของคิงส์เกตอย่างใดทั้งสิ้น
การใช้มาตรา 44 คำสั่งที่ 72/2559 เรื่องการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ให้ระงับการอนุญาตและการทำเหมืองแร่ทองคำทั้งหมดในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดและจัดให้มีมาตรการเยียวยา แก้ไขผลกระทบด้านต่างๆ สืบเนื่องจากประชาชนมีการร้องเรียนและคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำมาเป็นเวลานานว่า อาจทำให้สิ่งแวดล้อมปนเปื้อน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยชุมชนในระยะยาว
3. ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการ แต่ไม่ได้หมายความให้เขาเลิก เพียงแต่หยุดต่อใบอนุญาตไปก่อน เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ฉะนั้น หากเราทำเพื่อประชาชนมันควรเสี่ยงหรือไม่ ตนต้องคำนึงถึงประชาชนหรือไม่ ตนไม่ได้ประโยชน์จากการเปิดหรือปิดอะไรเลย และเหมืองนี้เกิดมาก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ในชั้น ป.ป.ช. ก็มีเรื่องนี้อยู่ ทั้งเรื่องภาษีการเงินกับบริษัทเหมืองแร่นี้
“อยากบอกว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่า จะได้หรือเสียเงินก็ไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกันอีกหลายคดี ถ้าเราไม่ทำให้เกิดความชัดเจน ก็จะเดินขบวนเรียกร้องกันอยู่นั้น นี่คิดสิ่งที่ตนพยายามทำตามคำเรียกร้อง แต่พอทำแล้วเกิดปัญหา ก็มีคนจะให้รัฐบาลรับผิดชอบ มันคนละเรื่องกับจำนำข้าว ที่เป็นเรื่องการทุจริต แยกแยะให้ออก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
3. เรื่องตรวจสอบทุจริตอะไรอยู่ในชั้น ป.ป.ช.?
จากการตรวจสอบเรื่องในชั้น ป.ป.ช. พบว่า ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก เรียกรับทรัพย์สินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัท คิงส์เกต (สัญชาติออสเตรเลีย) ได้ประโยชน์ในการสำรวจและทำเหมืองแร่
โดยระบุว่า รับเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 ระบุข้อกล่าวหาว่า จากข้อมูลและหลักฐานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ส่งมา ซึ่งเป็นข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับจาก Australian Securities and Investment Commission (ASIC) กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้กลุ่มบริษัท คิงส์เกต ได้ประโยชน์ในการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่ จ.สระบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก โดยมิชอบ
ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนไต่สวน
ผู้ถูกกล่าวหา ยังนับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
4. ย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2558 อาจารย์วิชา มหาคุณ อดีต ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์พิเศษ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กรณี ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องเหมืองทอง บางตอนระบุมุมมองและข้อมูลที่น่าสนใจมาก รัฐบาล คสช. และสาธารณชน ถึงรับฟังและนำไปใช้ประโยชน์
การส่งหลักฐานจากออสเตรเลียที่พบความผิดปกติเกิดขึ้นได้อย่างไร?
อ.วิชา ตอบว่า ตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียได้มีข้อตกลงกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของไทย เกี่ยวกับการตรวจสอบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ว่ามีอะไรผิดปกติในด้านการทุจริตหรือประพฤติมิชอบของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ ซึ่งทางออสเตรเลียพบว่ามีบริษัทที่จดทะเบียนในออสเตรเลียน่าจะมีการโอนเงินเข้ามาที่บริษัทลูกที่อยู่ในเมืองไทย มีการก่อตั้งบริษัทที่เมืองไทยเพื่อทำเหมืองแร่และมีการโอนเงินจำนวนหนึ่งที่เห็นว่าผิดปกติเข้ามา อาจเกี่ยวข้องกับการขออนุญาตขุดเหมืองแร่ทองคำโดยกระบวนการที่ไม่ชอบ และอาจมีการให้สินบน ทางออสเตรเลียจึงขอให้ที่เมืองไทยช่วยตรวจสอบ โดยทาง ก.ล.ต.ได้ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงกันว่า หากเป็นเรื่องทุจริตแล้ว ป.ป.ช.ขอให้ช่วยส่งเรื่องมาให้
เอกสารที่ทางออสเตรเลียส่งมาเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร?
อ.วิชา เล่าว่า เอกสารที่ได้มาเป็นภาษาอังกฤษ มีการแปลเป็นภาษาไทยเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วจึงเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช. ประกอบกับมีประเด็นที่ชาวบ้านร้องเรียนการขุดเหมืองแร่ที่อาจจะออกใบอนุญาตโดยมิชอบ ซึ่งป.ป.ช.เห็นว่าเป็นประเด็นคล้ายกัน ที่ประชุมป.ป.ช.จึงมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนรวมเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะจะได้เก็บข้อมูลได้เป็นทางการ อีกทั้งเรื่องนี้เป็นประเด็นระหว่างประเทศ ต้องมีการตั้งผู้เชี่ยวชาญและอัยการฝ่ายต่างประเทศ การไต่สวนจะเกี่ยวกับกระบวนการระหว่างประเทศ ประกอบกับการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 จะทำให้ป.ป.ช.ทำงานคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากให้อำนาจป.ป.ช.เป็นศูนย์กลางการไต่สวนคดีระหว่างประเทศได้ด้วย โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สินบนนั้น ป.ป.ช.มองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง และ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนด้วย
เงินที่ตรวจสอบพบนั้น เป็นเงินสกุลของออสเตรเลียจำนวนที่สูง ซึ่งการจะให้เงินสินบนระหว่างประเทศ การโอนเงินให้แบบผิดปกติคงจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เพราะไม่เช่นนั้นทางการออสเตรเลียคงไม่เห็นความผิดปกติ ซึ่งเป็นการโอนเข้ามาเป็นเวลาต่อเนื่อง ไม่ใช่แบบการให้ก้อนเดียวแล้วจบไป
ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีจำนวนหลายสิบคน แต่ในชั้นนี้ยังไม่ขอบอกว่ามีใครบ้าง แต่อยากให้ไปย้อนดูว่าตั้งแต่ปี 2546 ที่เริ่มมีการทำแผนงานอนุมัตินั้น มีระดับไหนเกี่ยวข้องบ้าง มันเกี่ยวพันกันหลายส่วนตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่จนถึงผู้บริหารระดับสูง
ประเด็นที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบ คือ การออกอาชญาบัตรหรือให้สัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เรื่องการให้สินบนจะเป็นส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง และตามกฎหมายใหม่ของป.ป.ช.นั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบนจะต้องมีความผิดไปด้วย รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนจะต้องรับผิดอย่างไรบ้าง และกระบวนการต่อไปนี้ถือเป็นอำนาจเต็มของป.ป.ช. ซึ่งคดีเหมืองแร่ทองคำนี้จะถือเป็นการประเดิมกฎหมายใหม่ของป.ป.ช. และถือเป็นคดีที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในคดีหนึ่ง
5. นี่คือประเด็นสำคัญ อาจตอบคำถามว่า ทำไมรัฐบาลนักเลือกตั้งถึงไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของชาวบ้าน? ทำไมต้องเป็นรัฐบาล คสช.เข้ามารับเผือกร้อน? แล้วทำไมทุนใหญ่เหมืองทองถึงได้ดิ้นแรง?
ป.ป.ช. ควรจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อสาธารณชน เช่นเดียวกับคดีทุจริตใหญ่ๆ รวมทั้งคดีทุจริตข้ามชาติทั้งหลาย
หลายคดี อ้างว่าจะชี้มูลเร็วๆ นี้มาหลายรอบแล้ว
อย่าปล่อยให้เอ้อระเหย สอบกันข้ามปี ข้ามชาติ จนเสียประโยชน์แห่งการยุติธรรมส่วนรวม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี