หนึ่งในความล้มเหลวของอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มาตลอดก็คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากโดยขณะที่ประชาชนระดับล่างของสังคมมีรายได้ลดลงโดยเฉพาะจากปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ แต่ค่าครองชีพกลับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหนึ่งในปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นของบรรดามนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพมหานครก็คือค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ หรือแม้แต่เรือโดยสาร ซึ่งนับตั้งแต่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศมานานกว่า 3 ปีทำให้ค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะหลายประเภทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถไฟฟ้า

ปัจจุบันบรรดามนุษย์เงินเดือนต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับค่าโดยสารรถสาธารณะในการเดินทางไปกลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน โดยบางคนต้องต่อรถหลายต่อทำให้มีค่าใช้จ่ายรถโดยสารสาธารณะเฉลี่ยวันละประมาณ 100 บาทหรือราว 3,000 บาทต่อเดือนหรือสูงกว่านั้น ซี่งเมื่อเทียบกับรายได้ของลูกจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทหรือมากกว่านั้นไม่มากเท่ากับค่าเดินทางรถโดยสารสาธารณะคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของรายได้ทีเดียว

ที่ผ่านมารถโดยสารสาธารณะบางประเภทซึ่งประชาชนจำเป็นต้องใช้บริการมีการขึ้นค่าโดยสารมาอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก และหลังจากที่รัฐมีนโยบายเปิดใช้ระบบตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมเพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะโดยใช้บัตรเพียงใบเดียว ทำให้ล่าสุดทางผู้บริหารบริษัทบีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอสออกมาแถลงว่าเตรียมที่จะขึ้นค่าแรกเข้าหรือค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสหากไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล เนื่องจากบริษัทต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านซ่อมบำรุงที่เพิ่มมากขึ้นจากปริมาณผู้โดยสารที่ขยายตัวอย่างมากเมื่อสามารถเชื่อมต่อเส้นทางโครงข่ายรถไฟฟ้าได้แล้ว รวมถึงการขยายเส้นทางในอนาคตที่จะเปิดให้บริการในอีก 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย

ขณะที่ผู้ประกอบการรถไฟฟ้าขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้านบริการกลับสวนทางกับค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยหลายครั้งมักจะเกิดเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องเป็นเวลานานอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่รถไฟฟ้าบางเส้นทางเอาเปรียบโดยการมีแนวคิดถอดเก้าอี้นั่งภายในรถเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น

ดังนั้นภายใต้อำนาจรัฐยุคปฏิรูปที่มีนโยบายทำให้ประชาชนมีความสุข มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน จึงไม่ควรปล่อยให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะโดยเฉพาะรถไฟฟ้ากอบโกยผลประโยชน์ขึ้นค่าโดยสารอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนต้องทนทุกข์กับค่าครองชีพที่สูงขึ้น