พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานะทางด้านเศรษฐกิจของไทย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าการวางนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของรัฐบาลนั้นเป็นการริเริ่มสร้างเครื่องจักรเศรษฐกิจของไทยใหม่เพราะของเก่าที่ผ่านมากำลังจะหมดอายุการทำงานจึงต้องมีอีอีซีขึ้นมาเพราะหมดเวลากินบุญเก่าแล้ว ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
เศรษฐกิจของภาคใต้นั้นเดิมมีเหมืองแร่ดีบุกและวูลแฟรม ยางพารา ประมงทะเล ผลไม้ ต่อมาเมื่อการทำเหมืองแร่หมดไปก็เหลือยางพารา ประมงทะเลแล้วก็มีอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปาล์มน้ำมันเข้ามาเสริม ปัจจุบันน้ำมันดิบราคาตกเหลือบาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐ ทำให้ยางพาราราคาตกด้วยเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกัน ปาล์มก็ราคาตก ผลไม้ก็มีราคาไม่แน่นอนเพราะผลไม้ในภาคใต้ออกทีหลังภาคตะวันออก ประมงก็เริ่มลดความสำคัญลง
ข้อเท็จจริงขณะนี้เศรษฐกิจภาคใต้เติบโตได้จากการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนกับมาเลเซีย และสิงคโปร์จังหวัดที่เป็นหัวหอกสร้างรายได้ ได้แก่ กระบี่ พังงา ภูเก็ต ชุมพร สุราษฎร์ธานี และสงขลา การสร้างหัวรถจักรเศรษฐกิจใหม่ให้ภาคใต้ คือ โครงการคลองไทยที่ขุดคลองเชื่อม 2 ฝั่งทะเลทางด้านทะเลจีนใต้กับทะเลอันดามันนั่นเอง
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งราชวงศ์ปราสาททองกรุงศรีอยุธยา ทรงริเริ่มโครงการขุดคลองกระ ในปี 2220 เมื่อ 340 ปีมาแล้ว ปัจจุบันมีกลุ่มนักวิชาการและประชาชนที่เป็นชาวใต้เป็นจำนวนมากได้เรียกร้องให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช. พิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองไทยตามเส้นทาง 9 เอ ระยะทาง 135 กม. ที่ผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด คือ กระบี่ ตรัง
พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา
ซึ่งการศึกษาความเป็นไปได้นั้นวุฒิสภาในอดีตปี 2547 ถึง 2548 ได้ทำอย่างละเอียดมาแล้วตามด้วยคณะนักวิชาการจากหลายๆ มหาวิทยาลัยทั้งของไทยเองและต่างประเทศ ผลการศึกษาผลดีและผลเสียสรุปได้ว่าไทยโชคดีมีผืนแผ่นดินที่ยื่นออกไปใน 2 ฝั่งสมุทร คือทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ การมีคลองเชื่อมจะทำให้ไทยเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ของอาเซียนสามารถแบ่งเบาภาระของช่องแคบมะละกาที่ขณะนี้มีเรือสินค้าขนาดยักษ์แล่นผ่าน 6 นาทีต่อ 1 ลำ
หรือชั่วโมงละ 10 ลำ วันละ 240 ลำ เดือนละ 7,200 ลำ ตกปีละ 86,400 ลำ การขุดคลองไทยเส้นทาง 9 เอ จะต้องใช้งบประมาณสร้างเต็มโครงการมหาศาลถึง2 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่า 15 ปีที่แล้ว ประมาณ 4 เท่าตัวซึ่งเมื่อขุดสำเร็จจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยเจริญก้าวหน้ามากเพราะรายได้ที่จะตามมาหลังการขุดคลองจะมีมูลค่าที่นับกันไม่หมด
ประการสำคัญก็คือโครงการนี้จะสร้างงานให้คนไทยในรุ่นลูกหลานต่อไปได้ปีละ 2 ล้านตำแหน่ง ที่ปากคลองด้านอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา จะเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และจะแบ่งเบาภาระการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกาที่แออัดเต็มทีและนี่คือโครงการใหญ่ที่ประชาชนคนไทยทั้ง 66 ล้านคน จะได้ประโยชน์กันทุกๆ คน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี