นายกรัฐมนตรีถือเป็นผู้นำประเทศและบุคคลสาธารณะที่คนทั้งประเทศและนานาประเทศจับจ้องซึ่งคำพูดของผู้นำประเทศแต่ละคำ แต่ละประโยค จึงมีความสำคัญส่งผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวงทั้งต่อภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งจากคำประกาศยืนยันอีกครั้งหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปแน่นอนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และจับตาจากสังคมและประชาคมโลกว่าจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ตลอด 4 ปี หลังจากที่คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คำมั่นสัญญาทั้งต่อคนไทยทั้งประเทศ เวทีนานาชาติ และผู้นำประเทศต่างๆเกี่ยวกับโรดแมปการเลือกตั้ง แต่แล้วกลับไม่เป็นจริงตามคำมั่นสัญญาหลายต่อหลายครั้งซึ่งส่งผลต่อภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของผู้นำไทยเป็นอย่างมาก
ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศใหม่ๆ มีการประกาศอย่างหนักแน่นว่า จะมีการเลือกตั้งภายใน 15 เดือน คือ ประมาณเดือนตุลาคม 2558 แต่ระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 พล.อ.ประยุทธ์กลับส่งสัญญาณว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปเป็นปี 2559
แล้วก็เป็นจริงดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเมื่อการเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไปหลังจากที่จู่ๆ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่มี ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญ จนดร.บวรศักดิ์ถึงกับพูดถึงสาเหตุที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำว่าเพราะเขาอยากอยู่ยาว
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันกับนายบัน คี มูน ขณะเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติว่าไทยจะมีการเลือกตั้งกลางปี 2560 แต่แล้วโรดแมปการเลือกตั้งของไทยก็ถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานคณะร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านการทำประชามติจากประชาชนทั้งประเทศเมื่อเดือนสังหาคม 2559 โดยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติกำหนดระยะเวลาการจัดทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับรวมทั้งระยะเวลาการเลือกตั้งจากกลางปี 2560 เป็นปลายปี 2560
จากโรดแมปที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งในปลายปี 2560 ก็ต้องเผชิญปัญหาอีกจนได้ด้วยเหตุผลที่ว่าพิจารณาร่างประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับอาจเสร็จไม่ทันการเลือกตั้ง ดังนั้นต้องขยายเวลาออกไปเป็นประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทั้งไทยและ
ต่างประเทศ โดยให้คำมั่นสัญญาอย่างชัดเจนว่าการเลือกตั้งทั่วไปของไทยจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561 แน่นอน แต่แล้ววันเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งด้วยเหตุผลอภินิหารกฎหมายที่มีการขยายการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งออกไปอีก 90 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งทำให้คาดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในราวเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ด้วยการประกาศแล้วไม่เป็นไปตามคำมั่นสัญญาของ พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวกับกำหนดการเลือกตั้งดังกล่าวทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ล้อเลียน และสร้างความไม่น่าเชื่อถือต่อผู้นำประเทศในสายตาบุคคลทั่วไปและนานาประเทศ ดังนั้นในฐานะผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ควรคิดก่อนพูด หากไม่แน่ใจก็ไม่ควรให้คำมั่นสัญญาใดๆ แบบไม่อยู่กับร่องกับรอย เพราะคำพูดนั้นจะเป็นนายผูกมัดติดตัวไปตลอดและที่สำคัญอาจสร้างปัญหาตามมามากมาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี