คนจำนวนมากที่ให้ความสนใจในประเด็นการเมืองของไทย มักจะตั้งคำถามเสมอๆ ว่า เมื่อไรเมืองไทยจึงจะไม่มีการทำปฏิวัติรัฐประหารอีกต่อไป และในขณะเดียวกันก็มีผู้ตั้งคำถามด้วยว่า ต้นตอในการทำรัฐประหารของไทย ในระยะ 3 ทศวรรษหลังนี้ เกิดมาจากนักการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวงซึ่งจงใจก่อให้สังคมเกิดความแตกแยกร้าวฉานอย่างหนักใช่หรือไม่
หลายคนซึ่งติดตามสถานการณ์การเมืองไทยในรอบ 6 ทศวรรษ มาอย่างใกล้ชิด ย่อมรู้ดีว่าบ้านเมืองของเรามีการเลือกตั้ง แล้วก็มีการรัฐประหาร ซึ่งนับเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองของไทย แต่สำหรับผู้ที่ติดตามการเมืองไทยในระยะ 3 ทศวรรษหลังนั้น คงรู้ดีว่ามูลเหตุอย่างหนึ่งของการทำรัฐประหารเกิดมาจากข้ออ้างเรื่องนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง
เท่าที่ปรากฏคือไม่เคยมีทหารผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพต่างๆ ของไทยรายใด กล้าประกาศล่วงหน้าว่าจะก่อการปฏิวัติรัฐประหาร แม้กระทั่งนายทหารระดับสูงสุดหลายรายก็ยังประกาศเสมอๆ ว่าจะไม่ก่อรัฐประหาร แต่สุดท้ายก็เกิดการรัฐประหารขึ้นในยุคที่เขาผู้นั้นดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ
มีคำถามว่าอะไรคือมูลเหตุจูงใจในการก่อรัฐประหาร เป็นเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงของผู้ก่อการรัฐประหาร หรือเพราะเกิดเหตุจลาจล และเกิดเหตุมิคสัญญีกลียุคกับบ้านเมือง ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของนักการเมืองผู้ไร้ธรรมาภิบาล
แต่สำหรับผู้บัญชาการทหารบกคนล่าสุด พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ได้ประกาศชัดเจนเมื่อวันประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกว่า “ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งของการจลาจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติ (รัฐประหาร) มา 10 กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่า นักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี แต่ปัจจุบันคนไทยเป็นอย่างไร ผมเสียใจในหลายๆ เรื่องที่เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด การตัดสินคดีในหลายคดีกับคนทำความผิด บอกว่าไม่เป็นธรรม ถ้าแบบนี้แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน อะไรเป็นกลาง อะไรคือจุดยืนของประเทศ ในเมื่อบอกคนนี้ผิด ก็แย้งว่าไม่ผิด แต่ถูกแกล้ง แล้วจะอยู่อย่างไร ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จะให้คนไทยอยู่กันอย่างไรโดยไม่มีกฎระเบียบวินัย”
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณผู้บัญชาการทหารบก คนล่าสุดที่พูดกับสาธารณชนแบบตรงไปตรงมาในเรื่องเงื่อนไขการทำรัฐประหาร และขอบคุณที่ไม่ตอบแบบส่งๆ ไปว่า จะไม่มีการรัฐประหารอีกแล้ว เพราะการพูดว่าจะไม่ทำรัฐประหารแล้วกลับต้องมาทำรัฐประหารย่อมทำให้ถูกโจมตีได้ และเป็นเรื่องแน่ชัดว่าทหารคือกลไกสำคัญที่จะช่วยทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุข และมีความมั่นคง ถ้าหากบ้านเมืองเกิดเหตุมิคสัญญีกลียุค มีความโกลาหล มีเหตุจลาจลเกิดขึ้น ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ทหารจำเป็นต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุข แต่การรักษาความสงบสุขของทหารก็ต้องไม่ใช่วิธีการล้อมฆ่าสังหารประชาชน
ประชาชนส่วนหนึ่งฝากบอกผู้บัญชาการทหารบกว่า ใจจริงส่วนลึกแล้วไม่ต้องการให้เกิดรัฐประหาร ประชาชนอยากให้เรื่องราวการเมืองทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีทางของรัฐสภา แต่ถ้าหากรัฐสภาถูกครอบงำโดยรัฐบาลเผด็จการซึ่งมีพฤติกรรมโกงบ้านกินเมือง แถม สส. ในสภายังมีสถานะแค่เพียงขี้ข้านายทุนพรรคการเมือง ซึ่งพฤติกรรมสามานย์เช่นนี้ประชาชนย่อมไม่สามารถทนรับได้ ดังนั้นเมื่อประชาชนออกมาเคลื่อนไหวขับไล่นักการเมืองและรัฐบาลโกงชาติ ก็มิได้หมายความว่าประชาชนก่อเหตุจลาจล เพราะฉะนั้นทหารก็ไม่ควรอ้างการเคลื่อนไหวโดยสงบและสันติของประชาชนว่าเป็นการก่อเหตุจลาจล และอย่าใช้เงื่อนไขนี้ก่อรัฐประหาร แต่ทหารควรจะเข้าข้างประชาชนที่รักความถูกต้องและเป็นธรรม ด้วยการกดดันให้รัฐบาลทรราชยอมลงจากอำนาจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี