หลายวันมานี้สื่อต่างประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรปและสหรัฐอเมริกายกประเด็นสื่อชังชาติที่สมคบกับกลุ่มการเมืองทุนสามานย์ขึ้นมาเสนอเป็นข่าวใหญ่ว่าสถาบันฯและความมั่นคงภายใน อาจตกเป็นเป้าหมายทำลายของนักเมืองทุนสามานย์ที่สมคบกับสื่อชังชาติอาฆาตสถาบัน
กระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกลางในกรุงปักกิ่ง สนับสนุนการดำเนินงานของคณะผู้บริหารฮ่องกงในทุกด้านให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และกล่าวว่า “ต่างประเทศไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย” กรณีทางการฮ่องกงปฏิเสธต่ออายุวีซ่าทำงานให้กับ นายวิกเตอร์ มัลเล็ต ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษประจำภูมิภาคเอเชียของหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชี่ยล ไทม์ส และรองประธานสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (เอฟซีซี) ประจำฮ่องกงในความผิดเป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนาให้กับพรรคการเมืองเรียกร้องเอกราชจากจีน
เอฟซีซี ออกแถลงการณ์กรณีที่เกิดขึ้นกับนายมัลเล็ตว่าเป็น “การคุกคาม” การทำงานของสื่อมวลชน และเรียกร้องให้ทางการฮ่องกงทบทวนการตัดสินใจ แต่ฮ่องกงยุคใหม่ใช้มาตรการเด็ดขาดกับฝรั่งผีโม่แป้งที่สมคบกับนักการเมืองชังชาติ ปลุกระดมสร้างความวุ่นวายภายในเขตปกครองพิเศษ ซึ่งต่างกับประเทศไทยที่ปล่อยให้ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เป็นที่ซ่องสุมของสื่อและนักการเมืองชังชาติอาฆาตสถาบัน ใช้เป็นฐานที่มั่นทำลายความมั่นคงชาติมาตลอดเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ
ในทศวรรษ 2544 พรรคไทยรักไทยใช้ FCCT เป็นสถานที่เผยแพร่ วลีชั่วร้ายของนายทักษิณ ชินวัตรที่ว่า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาล” วลีชั่วร้ายนี้ได้รับการขยายความกันอย่างเมามันในหมู่นักการเมืองทุนสามานย์กับ สื่อฝรั่งผีโม่แป้ง จนนายจักรภพ เพ็ญแข และนายโจนาธาน เฮด ประธาน FCCT เวลานั้น ถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดกม.อาญามาตรา 112
วันที่ 2 ธ.ค. 2559 สำนักข่าวบีบีซีภาษาไทยใช้ FCCT เป็นต้นทางเผยแพร่บทความชั่วร้ายทำลายสถาบัน ที่ไม่อาจให้อภัยได้ หลังจากเผยแพร่บทความชิ้นนั้น บรรณาธิการข่าวบีบีซีภาษาไทย หลบไปอยู่ลอนดอน จนวันนี้ยังไม่มีทีท่าจะกลับมา อย่างไรก็ตาม สื่อชั่วที่สมคบกับนักการเมืองชังชาติยังไม่หมดไป
วันที่ 12 ต.ค. 2561 นายปวิณ ชัชวาลพงพันธ์ นักวิชาการรับใช้การเมืองทุนสามานย์ เขียนบทความโจมตีสถาบันว่า “ระวังผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เล่นเกมอำนาจในรูปแบบใหม่” โดยมุ่งเป้าหมายโจมตีกระทบคราดไปที่สภาองคมนตรี บทความภาษาอังกฤษเผยแพร่ในเว็บไซต์ The Diplomats นายปวิณ โจมตีองคมนตรี ว่าเป็นเครือข่ายมือไม้ทำงานของสถาบันฯ ที่ใช้อำนาจนอกกรอบรัฐธรรมนูญ
ในบทความชั่วร้ายชิ้นนี้ นายปวิณ กล่าวหาว่าองคมนตรีมีบทบาทสำคัญในการยึดอำนาจรัฐบาลที่ออกนอกลู่นอกทางที่ขีดเส้นโดยสถาบันหลักของชาติ อาทิ รัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐบาลทักษิณ และ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายปวิณไม่พูดถึงเรื่องที่รัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ บริหารราชการลุแก่อำนาจขาดหลักนิติรัฐ คอร์รัปชั่นผลาญชาติ สร้างความแตกแยกเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เอาแต่กล่าวโทษองคมนตรี ว่าอนุมัติให้ทหารยึดอำนาจเพราะอิจฉา ที่ตระกูลชินวัตรทำให้ประชาชนรักมากกว่า....บทความชั่วร้ายของนายปวิณ ยังมีอีกมากมายแต่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ..
เพราะถ้าแฉมากไปเขาอาจเป็นบุคคลสูญหายอย่างนายจามาล คาช็อกกี นายคาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดี อาระเบีย ที่เขียนบทความโจมตีเจ้าชายมูฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ตลอดถึงโจมตีรัฐบาลริยาด ว่าเป็นแกนนำกองกำลังผสมทำสงครามรุกรานทำลายล้างประเทศเยเมน ลงในนสพ.วอชิงตันโพสต์ นายคาช็อกกี ลี้ภัยไปอยู่ในอเมริกาปีกว่า ก่อนจะหายตัวไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา
การหายตัวไปของนายคาช็อกกี เป็นข่าวใหญ่ที่ทั้งสื่อและนักการเมืองในตุรกี ซาอุฯ และสหรัฐอเมริกา กล่าวหาโจมตีกันไปมา รัฐบาลตุรกีกล่าวหาว่านายคาช็อกกี ถูกสังหารในสถานกงสุล ซาอุฯในนครอิสตันบูล หนังสือพิมพ์ซามาห์ของตุรกีรายงานว่า มีชาวซาอุฯ 15 คนสงสัยว่าเป็นนักฆ่าเดินทางจากกรุงริยาด เข้าไปอยู่ในสถานกงสุลวันเดียวกับที่นายคาช็อกกี เข้าไปรับเอกสารแล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
การหายตัวไปและเชื่อว่าถูกฆ่าตายของผู้สื่อข่าว เป็นเรื่องใหญ่ในอเมริกา ที่นักการเมืองและสื่อทั้งหลายปักใจเชื่อว่าเขาถูกฆ่าจากสาเหตุโจมตีวิจารณ์เจ้าชายซัลมานและรัฐบาลซาอุฯ ที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับวอชิงตัน ทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและความมั่นคง กลุ่มสิทธิมนุษยชน สื่อสารมวลชน ตลอดถึงนักการเมืองในรัฐสภาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงโทษรัฐบาลซาอุฯโดยระงับการขายอาวุธให้นายทรัมป์ ขายอาวุธกับอุตสาหกรรมสงครามให้สหรัฐฯได้หลายล้านล้านดอลลาร์
ในเวลาเพียงสองปี เมื่อถูกกดดันให้ลงโทษซาอุฯ โดยการระงับขายอาวุธถึงกับออกปากกว่า “ซาอุดีอาระเบีย ใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหม กว่า 110,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อยุทโธปกรณ์ทหาร และเป็นการสร้างงานในอเมริกากว่า 600,000 ราย ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดจะหยุดการลงทุนกว่าหนึ่งแสนล้านดอลลาร์ เพราะถ้าเราระงับการขายอาวุธให้ซาอุฯ จะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อสิ่งที่พวกเขาต้องการจากรัสเซียและจีน..”
นี้คือธาตุแท้ของวอชิงตัน ที่ปากพร่ำคำว่า “สิทธิมนุษยชน เสรีประชาธิปไตย” แต่พอมีเรื่องกระทบถึงผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมอาวุธสงคราม นายทรัมป์พูดว่า เราไม่ขายให้เขาก็ไปหาซื้อได้จากศัตรูคู่แข่งทางการเมืองและการค้าและเพื่อให้มี ความชอบธรรมนายทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายประธานาธิบดี ถูกส่งออกมาทำลายความน่าเชื่อถือนายคาช็อกกี โดยการแฉว่าผู้สื่อข่าวคนนี้มิได้มีอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย มีภูมิหลังที่เชื่อได้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับองค์กรก่อการร้าย
นายทรัมป์ จูเนียร์กล่าวว่า “ผู้สื่อข่าวคนนี้มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับนายอุซามะห์ บิน ลาดิน” และภาพถ่ายนายคาช็อกกี ที่กำลังถือเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี อยู่ในท่ามกลางนักรบตาลิบันในอัฟกานิสถาน เมื่อคราวที่เขาไปสัมภาษณ์นายบิน ลาดิน ในปี 2531 ถูกเผยแพร่ในโซเชี่ยลและสื่อในเครือข่าย หนังสือพิมพ์ตุรกี อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เปิดเผยว่าตุรกี มีวีดีโอและคลิปเสียงนาทีสังหารโหดนายคาช็อกกี ในสถานกงสุลซาอุฯ โดยอ้างว่าคลิปเสียงการสังหารได้ถ่ายทอดผ่าน Apple Watch ของเหยื่อที่ใส่เข้าไปสถานกงสุลและส่งสัญญาณมายังไอโฟนของผู้ตายซึ่งฝากไว้ กับคู่หมั้นในวันที่เขาเข้าไปติดกับ นสพ.
ซามาห์อ้างด้วยว่านอกจากคลิปเสียงที่มาจาก Apple Watch แล้วหน่วยงานมั่นคงตุรกี ยังได้กู้ข้อมูลมาจากบัญชี Icloud ของนายคาช็อกกี จึงเป็นที่ยันยืนว่าเขาถูกฆ่าตายในสถานกงสุล รัฐบาลซาอุฯที่เคยกระต่ายขาเดียวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อถูกสหรัฐฯและนานาชาติกดดันมากขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งนายไมค์ ปอมเพโอ ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ซัลมาน การเจรจาวันนั้นอาจทั้งขู่ทั้งปลอบหรือมีตกลงลับอะไรบางไม่ทราบได้
ผลสุดท้ายซาอุฯยอมรับกลายๆ นายคาช็อกกี ถูกฆ่าในสถานกงสุล แต่อ้างว่าสาเหตุเกิดจากการทะเลาะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ 18 คน ถูกจับกุมดำเนินคดี รองเลขาธิการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกับคนสนิทของมงกุฎราชการถูกไล่ออกจากราชการ และพระราชาธิบดีซัลมาน มีพระกระแสรับสั่งให้ยกเครื่องสำนักงานข่าวกรองทั้งระบบ
ในขณะที่นานาชาติกดดันให้เผยความจริงและนำตัวคนร้ายมาลงโทษ รัฐบาลซาอุฯ แถลงว่าเจ้าชายมูฮัมเหม็ดบิน ซัลมาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการสังหารผู้สื่อข่าววอชิงตันโพสต์ การตายของนายคาช็อกกี คงเป็นเงื่อนไขเจรจาต่อรองกันไปอีกนานกว่าเรื่องจะเงียบลงได้ เพราะมีเงื่อนไขซับซ้อนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเมือง การค้าอาวุธสงคราม และที่อาจคาบเกี่ยวกับองค์กรก่อการร้าย ที่มีสหรัฐอเมริกาเข้ามาพัวพัน
ทางด้านประเทศไทย แม้ได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลทหาร แต่มาตรการที่ใช้กับสื่อในเครือข่ายการเมืองทุนสามานย์ ยังคงเป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่มีหน่วยงานไหนจริงจังจริงใจแก้ปัญหา สื่อที่สมคบกับนักการเมืองชังชาติ จึงอาจเป็นภัยต่อสถาบันและความมั่นคงของชาติต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี