ในอดีตเราเคยเชื่อกันว่าการบินไทย คือสายการบินแห่งชาติ และเป็นสายการบินแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย แต่ในปัจจุบันไม่แน่ใจว่าใครยังเชื่อแบบนั้นอยู่บ้าง
การบินไทยเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรในด้านธุรกิจการบิน แต่แล้วหนึ่งก็กลับตกต่ำเสื่อมทรุดจนเกือบจะเอาตัวไม่รอดในเชิงธุรกิจ ดังจะเห็นได้ว่าการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาหลายปี
คำถามคือ อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้การบินไทยเสื่อมทรุดได้ถึงเพียงนี้ คุณภาพของผู้บริหารไม่ดี หรือพนักงานระดับปฏิบัติการไร้ประสิทธิภาพ หรือมีการทุจริตฉ้อฉลภายในองค์กรโดยคนกลุ่มต่างๆ ทั้งบุคคลจากภายนอกและภายในองค์กรที่ช่วงกันกอบโกยโกงกินอย่างบ้าเลือด
การจะเข้าใจเรื่องราวของการบินไทย และเข้าใจปัญหาของการบินไทย ก็จำเป็นต้องรู้ถึงโครงสร้างของการบินไทยเสียก่อน
คนที่รู้จักการบินไทยดีต่างบอกว่าเป็นองค์กรที่สุดมหัศจรรย์ เพราะสายงานการบังคับบัญชาสลับซับซ้อนยืดยาวยิ่งกว่าสายการบังคับบัญชาของหน่วยราชการไทย ขนาดสายการบังคับบัญชาของราชการไทยว่ายืดยาวอืดอาดแล้ว แต่ว่ากันว่าของการบินไทยยืดยาวกว่า ซึ่งก็น่าประหลาดสุดๆ ทั้งๆ ที่การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับกรมๆ หนึ่งของกระทรวง
ตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ ในการบินไทยมีดังนี้สายการบริหารเริ่มจาก Division (DIV), Department (DEP), Director (DIR ), Vice President (VP), Senior Vice President (SVP), Executive Vice president (EVP) และ President (DD) แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นคือ ยังมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ชื่อว่า Executive Management Meeting (EMM) โดยดึง EVP ทุกตำแหน่ง และ DD ไปเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่พิจารณาเรื่องที่ DD ส่งขึ้นไปให้ และพิจารณาเรื่องต่างๆ เพื่อส่งให้บอร์ดการบินไทยพิจารณา
เห็นแล้วใช่ไหมว่าสายการทำงานของการบินไทยยืดยาวและซับซ้อนไม่น้อยหรืออาจจะมากกว่าหน่วยงานในระบบราชการไทยเสียอีก
คนเก่าในการบินไทยเล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มนั้นการบินไทยมีสายงานที่ค่อนข้างกระทัดรัด คือมีเพียง DIV, DEP, DIR, VP และ DD ซึ่งขณะนั้นการบินไทยมีพนักงานประมาณ 20,000 คน มีเครื่องบิน 70 ลำ มีฝ่ายบริหารประมาณ 1,000 คน แต่ทว่าสายการบริหารที่ยาวยืดมากมายถึงเพียงนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ ปี 2534 เพราะการบินไทยได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาชื่อ คูเปอร์ไรแบน มาปรับปรุงโครงสร้างการบริหารของบริษัท ผลที่ตามมาคือเพิ่มอัตรา VP จากเดิม 5 เป็น20 สร้างตำแหน่ง SVP ใหม่ 2 ตำแหน่ง และสร้างตำแหน่ง EVP ใหม่ 6ตำแหน่ง
จากนั้นเป็นต้นมา การบินไทยก็มีตำแหน่ง SVP และ EVP แต่น่าสังเกตว่าตำแหน่ง SVP อยู่ในสภาพผลุบๆ โผล่ๆ บางทีก็หายไป บางทีก็โผล่กลับมาใหม่ ส่วนตำแหน่ง EVP ก็อยู่อย่างถาวร แต่กลับมีการเพิ่มจำนวนขึ้น จวบจนปัจจุบันมีมากถึง 9 ตำแหน่ง ทางด้านตำแหน่ง VP ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 ตำแหน่ง ดังนั้นโดยภาพรวมของการบินไทยจึงมีผู้บริหารประมาณ 3,000 คน
ขอให้คิดทบทวนการเพิ่มขึ้นของผู้บริหารที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจะเห็นว่ามหัศจรรย์ ลองเปรียบเทียบการบินไทยเมื่อปี 2534 กับปัจจุบัน ในปี 2534 การบินไทยมีเครื่องบิน 70 ลำ มีพนักงาน 20,000 คน แต่ยุคปัจจุบัน การบินไทยมีเครื่องบิน 100 ลำ มีพนักงาน 23,000 คน เห็นชัดแล้วใช่ไหมว่าในระยะเวลาเพียงประมาณ 30 ปี การบินไทยมีผู้บริหารเฟ้อมากจนน่าตกใจ ถามว่าเพราะอะไรจึงต้องมีผู้บริหารมากมายถึงเพียงนี้ จะเห็นได้ว่าอัตราการเพิ่มของผู้บริหารมากกว่าอัตราการเพิ่มของจำนวนพนักงานด้วยซ้ำไป สรุปคือพนักงานเพิ่มน้อยกว่าผู้บริหาร
เมื่อพิจารณาจำนวน VP และ EVP เทียบกับจำนวนพนักงาน 23,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้บริหารไปแล้ว 3,000 คน จึงเหลือผู้ปฏิบัติงานเพียง 20,000 คน โดยพนักงานที่เป็นผู้ปฏิบัติงานหลักคือ ฝ่ายบิน, ฝ่ายช่าง,ฝ่ายบริการลานจอด, ฝ่ายบริการลูกค้าในท่าอากาศยาน,ฝ่ายครัวการบิน, ฝ่าน cargo รวมมีพนักงานประมาณ 18,000 คน มี VP 13 ตำแหน่ง, มี EVP 3 ตำแหน่ง ส่วนพนักงานที่เหลือคือฝ่ายสนับสนุน 2,000 คน มี VP 27 ตำแหน่ง และ EVP 6 ตำแหน่ง โดยในสายงานนี้ ถ้าตัดเอาฝ่ายการพาณิชย์ออก ซึ่งในฝ่ายนี้มีพนักงาน 1,000 คน มี VP 6 ตำแหน่ง และ EVP 1 ตำแหน่ง เพราะฉะนั้นในสายงานฝ่ายสนับสนุนที่เหลือ จึงมีพนักงาน 1,000 คน แต่กลับมี VP 21 ตำแหน่ง และ EVP 5 ตำแหน่ง
เรื่องแบบนี้พนักงานการบินไทยมองเห็นมานานแล้ว แต่ทว่าบอร์ดการบินไทยกลับมองไม่เห็น บอร์ดแค่บ่นว่าบริษัทมีฝ่ายบริหารมากเกินไป แต่บอร์ดก็ลืมไปว่าก็บอร์ดนี่แหละที่อนุมัติแต่งตั้งตำแหน่ง VP และ EVP ตามที่ ฝ่ายบริหารเสนอ และเมื่อเกิดตำแหน่ง VP และ EVP ขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งผู้บริหารอื่นๆ ก็ตามมาด้วย
และที่สำคัญคือบริษัทเพิ่มรายรับให้ VP/EVP โดยเรียกว่า “ค่ารถ” โดย VP ได้เดือนละ 70,000 บาท ส่วน EVP ได้ 75,000 บาท ในขณะที่พนักงานรับใหม่วุฒิการศึกษาปริญญาตรีได้เงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท เช่นเดียวกับข้าราชการ แต่ข้าราชการได้รับการขึ้นเงินเดือนประจำปี เช่นถ้าปรับขึ้น 1 ขั้นก็คือ 5% ถ้า 2 ขั้น คือ 10% ส่วนพนักงานการบินไทย ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ได้ขึ้นเงินเดือนทั้งระบบประมาณ 3% ดังนั้น หากนำตัวเลขนี้มาวิเคราะห์ จะพบว่าถ้าทำงาน 10 ปี ก็จะได้เงินเดือน ประมาณ 20,000 บาท และหากทำงาน 20 ปี ก็จะได้เงินเดือน 27,000 บาท ในขณะที่เงินเดือนผู้บริหารขั้นต้น คือผู้จัดการแผนก ได้ประมาณ 60,000 บาท นี่คือความจริงที่คนภายนอกการบินไทยไม่เคยล่วงรู้มาก่อน แต่บอร์ดรู้ดี แต่ทว่าบอร์ดก็ไม่ได้แก้ไขปัญหา
ขอย้ำว่าการบินไทยมีตำแหน่ง VP/EVP เฟ้อมาก ถามต่อไปว่าการมีตำแหน่งเหล่านี้แล้วทำให้ธุรกิจของบริษัทดีขึ้น หรือได้กำไรมากขึ้นหรือ คำตอบคือเปล่าเลย เพราะการบินไทยขาดทุนมาเกือบจะตลอด ถามต่อไปว่าการที่บริษัทขาดทุนเกิดมาจากใคร เกิดมาจากความผิดพลาดของฝ่ายบริหารใช่หรือไม่ หรือจะโยนความผิดไปที่พนักงานฝ่ายปฏิบัติการ หรือจะอ้างว่าบริษัทขาดทุนเพราะมีพนักงานมากเกินไป
คนเก่าของการบินไทยบอกว่าการอ้างแบบปัดสวะเช่นนี้ คือการดูถูกและไม่ให้เกียรติพนักงาน ที่ผ่านมาพนักงานก็ประสบกับการถูกลดอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีมาแล้วหลายครั้ง หากบริษัทยังปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นนี้ต่อไป รับรองว่าอีกไม่เกิน 10 ปี การบินไทยจะไม่มีผู้บริหารที่เติบโตมาจากพนักงาน แล้วเมื่อถึงเวลานั้นการบินไทยอาจจะไม่เหลืออะไรอีกต่อไป และจะไม่สามารถอ้างได้ว่าองค์กรนี้ถ่ายทอดประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น แต่ที่มากกว่านั้นคือขวัญและกำลังใจในการทำงานของพนักงานจะไม่เหลืออีกเลย
คนเก่าของการบินไทยฝากถาม DD สุเมธ ดำรงชัยธรรม ว่าเคยทราบเรื่องเหล่านี้มาบ้างหรือไม่ แล้วถ้าหากสุเมธอยู่ในสภาพของพนักงานการบินไทยชนิดลูกหม้อ สุเมธจะยังมีขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อไปหรือไม่ แล้วคิดหรือว่าการจ้างนักจิตวิทยามาเพื่อให้คำปรึกษาและเพื่อปลุกขวัญและกำลังใจพนักงาน จะช่วยให้การบินไทยฟื้นขึ้นมาได้ เพราะปลุกขวัญอย่างไรก็ตาม หากปัญหาเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็คงไม่มีวันข้ามผ่านปัญหาภายในองค์กรได้อย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี