วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ชาวบ้านเขาคิดเป็นและรับผิดชอบมากกว่ารัฐบาล “มีมติไม่เห็นด้วยกับ การพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปีของรัฐบาล” ที่มีนโยบายยิ่งกว่าประชานิยม คิดแต่เพียงจะหาคะแนนตอนใกล้จะเลือกตั้ง นอกจากไม่ได้แก้ปัญหาแล้วยังจะสร้างปัญหาจนไม่สามารถจะแก้ไขได้และทำให้เกิดความเสียหายกับกองทุนหมู่บ้านและเงินของชาวบ้านกว่า 300,000 ล้านบาท
ลองมาดูว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเขาคิดอย่างไรกับนโยบายพักชำระหนี้สามปีกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาล
ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านจังหวัดหนึ่ง ที่เข้าประชุมด้วย ได้ให้ขัอมูลจากการประชุมเรื่องการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน เมื่อ 23/11/2561 ที่ รร.ริชมอนด์ ว่า ประธานจังหวัดต่างๆ ได้อภิปรายกันมาก แล้ว “มีมติไม่เห็นด้วย” กับนโยบายของรัฐบาล 1.การพักหนี้ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 3 ปี 2.การนำเงินหุ้น เงินสัจจะ และเงินประกันความเสี่ยง มาจ่ายดอกเบี้ยแทนดอกเบี้ยของสมาชิก
เพราะระยะเวลา 3 ปี กองทุนจะไม่มีรายได้มาบริหารจัดการ เป็นค่าจ้างให้คนทำงานของเครือข่าย และพัฒนาด้านต่างๆ ที่สำคัญจะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนให้แก่สมาชิกที่เดือดร้อนนานถึง 3 ปี นอกจากนี้ พอถึงปีที่ 4 ไม่รู้ว่า กรรมการจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสมาชิก จะยังอยู่หรือไม่ เท่ากับกองทุนได้ตายไป 3 ปี จะฟื้นคืนชีพได้ยาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผอ.สทบ.จึงให้แต่ละจังหวัดกลับไปเขียนความเห็นและเหตุผล ส่งกลับไปให้ รมว.สุวพันธ์ุ
แต่มีหัวหน้า สทบ.สาขาคนหนึ่ง พยายามยื่นข้อเสนอใหม่ว่า...ให้รัฐบาลช่วยจ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายชดเชยให้กองทุน และจ่ายเงินทุนสำรองให้กองทุนสำหรับให้สมาชิกที่เดือดร้อนกู้ในระหว่างพักหนี้ อย่างน้อยกองทุนละ 500,000 บาท.....
ข้อเสนอนี้ ถ้าเป็นไปได้ ที่ประชุมรับได้
แต่ก็“เห็นว่าไม่เหมาะ” เพราะพี่น้องเจ้าของภาษีคงไม่สบายใจ เพราะเป็นการช่วยเหลือที่สร้างความเหลื่อมล้ำกับพี่น้องทั้งประเทศ
ผอ.สทบ.เสนอให้นำเงินประชารัฐมาเป็นทุนสำรองให้กู้...
ประเด็นนี้ “ที่ประชุมไม่เห็นด้วย” เพราะขัดต่อวัตถุประสงค์ของโครงการประชารัฐ
นายนที ขลิบทอง เป็นผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) ครบ 2 วาระ 8 ปีเต็ม ไม่สามารถขยายเวลาออกไปอีกได้เพราะขัดต่อกฎหมาย แต่คสช. ได้ใช้มาตรา 44 ขยายเวลาให้อีกถึง 3 ครั้ง ยังไม่เข้าใจ
“ปรัชญาอุดมการและหลักการของกลุ่มทุนหมู่บ้านที่ให้ชาวบ้านคิดเองทำเองร่วมกันบริหารจัดการร่วมกันรับผิดชอบ”
แถมยังไม่เคยติดตามประเมินผลการบริหารจัดการของกองทุนหมู่บ้านอย่างเป็นระบบและครบถ้วนทุกกองทุน เพราะการติดตามประเมินผลเป็นมาตรการในการควบคุมกำกับดูแลทำให้กองทุนหมู่บ้านแต่ละแห่งเกิดการตื่นตัวและระมัดระวัง หากการประเมินผลออกมาพบว่า หมู่บ้านไหนมีปัญหาก็จะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยมาเป็นเวลา 10 กว่าปี จึงทำให้เกิดปัญหากองทุนหมู่บ้านล้มเหลวมากขึ้น ประกอบกับโครงการต่อยอดโดยปลอดดอกเบี้ย 2 ปี ของธนาคาร ก็กำลังประสบปัญหาซึ่งทั้งธนาคารและสทบ.ควรจะต้องรีบเข้าไปแก้ไขปัญหา โดยเร่งด่วนอย่างเป็นระบบก็ยังไม่ได้ดำเนินการ แถมยังมีการใช้กองทุนหมู่บ้านดำเนินการโครงการประชารัฐซึ่งก็เริ่มมีปัญหาปรากฏออกมาแล้ว โครงการนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากกระบวนการการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน และผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตกแก่ประชาชนเพราะคนที่รับผลประโยชน์จริงๆเป็นใครรัฐบาลต้องไปตรวจสอบดูเอง
นโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนหมู่บ้านจึงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะทั้งคนที่กำกับดูแลและผู้บริหารขาดความรู้ความเข้าใจของกลไกกองทุนหมู่บ้านและยังกีดกัน กรรมการกองทุนหมู่บ้านที่มีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจไม่ให้มีโอกาสได้ร่วมเสนอความคิดเห็นอีกด้วย
ขอชื่นชมพี่น้องเรา ที่ให้ความคิดเห็นอย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของกองทุน
สุวิทย์ คุณกิตติ

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี