ชาวบ้านเขาคิดเป็นและรับผิดชอบมากกว่ารัฐบาล “มีมติไม่เห็นด้วยกับ การพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปีของรัฐบาล” ที่มีนโยบายยิ่งกว่าประชานิยม คิดแต่เพียงจะหาคะแนนตอนใกล้จะเลือกตั้ง นอกจากไม่ได้แก้ปัญหาแล้วยังจะสร้างปัญหาจนไม่สามารถจะแก้ไขได้และทำให้เกิดความเสียหายกับกองทุนหมู่บ้านและเงินของชาวบ้านกว่า 300,000 ล้านบาท
ลองมาดูว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านเขาคิดอย่างไรกับนโยบายพักชำระหนี้สามปีกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาล
ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านจังหวัดหนึ่ง ที่เข้าประชุมด้วย ได้ให้ขัอมูลจากการประชุมเรื่องการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน เมื่อ 23/11/2561 ที่ รร.ริชมอนด์ ว่า ประธานจังหวัดต่างๆ ได้อภิปรายกันมาก แล้ว “มีมติไม่เห็นด้วย” กับนโยบายของรัฐบาล 1.การพักหนี้ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน 3 ปี 2.การนำเงินหุ้น เงินสัจจะ และเงินประกันความเสี่ยง มาจ่ายดอกเบี้ยแทนดอกเบี้ยของสมาชิก
เพราะระยะเวลา 3 ปี กองทุนจะไม่มีรายได้มาบริหารจัดการ เป็นค่าจ้างให้คนทำงานของเครือข่าย และพัฒนาด้านต่างๆ ที่สำคัญจะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนให้แก่สมาชิกที่เดือดร้อนนานถึง 3 ปี นอกจากนี้ พอถึงปีที่ 4 ไม่รู้ว่า กรรมการจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสมาชิก จะยังอยู่หรือไม่ เท่ากับกองทุนได้ตายไป 3 ปี จะฟื้นคืนชีพได้ยาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผอ.สทบ.จึงให้แต่ละจังหวัดกลับไปเขียนความเห็นและเหตุผล ส่งกลับไปให้ รมว.สุวพันธ์ุ
แต่มีหัวหน้า สทบ.สาขาคนหนึ่ง พยายามยื่นข้อเสนอใหม่ว่า...ให้รัฐบาลช่วยจ่ายดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายชดเชยให้กองทุน และจ่ายเงินทุนสำรองให้กองทุนสำหรับให้สมาชิกที่เดือดร้อนกู้ในระหว่างพักหนี้ อย่างน้อยกองทุนละ 500,000 บาท.....
ข้อเสนอนี้ ถ้าเป็นไปได้ ที่ประชุมรับได้
แต่ก็“เห็นว่าไม่เหมาะ” เพราะพี่น้องเจ้าของภาษีคงไม่สบายใจ เพราะเป็นการช่วยเหลือที่สร้างความเหลื่อมล้ำกับพี่น้องทั้งประเทศ
ผอ.สทบ.เสนอให้นำเงินประชารัฐมาเป็นทุนสำรองให้กู้...
ประเด็นนี้ “ที่ประชุมไม่เห็นด้วย” เพราะขัดต่อวัตถุประสงค์ของโครงการประชารัฐ
นายนที ขลิบทอง เป็นผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) ครบ 2 วาระ 8 ปีเต็ม ไม่สามารถขยายเวลาออกไปอีกได้เพราะขัดต่อกฎหมาย แต่คสช. ได้ใช้มาตรา 44 ขยายเวลาให้อีกถึง 3 ครั้ง ยังไม่เข้าใจ
“ปรัชญาอุดมการและหลักการของกลุ่มทุนหมู่บ้านที่ให้ชาวบ้านคิดเองทำเองร่วมกันบริหารจัดการร่วมกันรับผิดชอบ”
แถมยังไม่เคยติดตามประเมินผลการบริหารจัดการของกองทุนหมู่บ้านอย่างเป็นระบบและครบถ้วนทุกกองทุน เพราะการติดตามประเมินผลเป็นมาตรการในการควบคุมกำกับดูแลทำให้กองทุนหมู่บ้านแต่ละแห่งเกิดการตื่นตัวและระมัดระวัง หากการประเมินผลออกมาพบว่า หมู่บ้านไหนมีปัญหาก็จะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยมาเป็นเวลา 10 กว่าปี จึงทำให้เกิดปัญหากองทุนหมู่บ้านล้มเหลวมากขึ้น ประกอบกับโครงการต่อยอดโดยปลอดดอกเบี้ย 2 ปี ของธนาคาร ก็กำลังประสบปัญหาซึ่งทั้งธนาคารและสทบ.ควรจะต้องรีบเข้าไปแก้ไขปัญหา โดยเร่งด่วนอย่างเป็นระบบก็ยังไม่ได้ดำเนินการ แถมยังมีการใช้กองทุนหมู่บ้านดำเนินการโครงการประชารัฐซึ่งก็เริ่มมีปัญหาปรากฏออกมาแล้ว โครงการนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากกระบวนการการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน และผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตกแก่ประชาชนเพราะคนที่รับผลประโยชน์จริงๆเป็นใครรัฐบาลต้องไปตรวจสอบดูเอง
นโยบายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนหมู่บ้านจึงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะทั้งคนที่กำกับดูแลและผู้บริหารขาดความรู้ความเข้าใจของกลไกกองทุนหมู่บ้านและยังกีดกัน กรรมการกองทุนหมู่บ้านที่มีประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจไม่ให้มีโอกาสได้ร่วมเสนอความคิดเห็นอีกด้วย
ขอชื่นชมพี่น้องเรา ที่ให้ความคิดเห็นอย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของกองทุน
สุวิทย์ คุณกิตติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี