l ปี 2561 ที่ผ่านมา เมื่อมองไปรอบโลก ก็ดูจะเต็มไปด้วยประเด็นปัญหา เป็นที่น่าสนใจ น่ากังวล ไม่ว่าจะเป็น
l สงครามกลางเมืองในซีเรีย เยเมน ลิเบีย หรืออัฟกานิสถาน
l สภาวะการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับยูเครน อิสราเอลกับปาเลสไตน์ เกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยพันธมิตรเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
l ความไม่ลงรอยระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ กับจีนเกาะไต้หวัน
l การเผชิญหน้าระหว่างอินเดียกับปากีสถาน และการขัดเคือง ชิงดีชิงเด่นระหว่างอินเดียกับจีน การต่อกรระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบีย
l การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย และการแข่งขันกันในการขยายอิทธิพล โดยจีนและรัสเซียก็มุ่งมั่นที่จะยึดตำแหน่งเจ้าโลกจากสหรัฐอเมริกา
l ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในเรื่องการค้า ซึ่งมีผลกระทบต่อโลกไปด้วยอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง
l ปัญหาผู้อพยพลี้ภัยทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งแรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และการลักลอบเคลื่อนย้ายผู้คน ซึ่งรวมไปถึงปัญหาเด็กและสตรี
l ความคิดอ่าน เชื่อถือแบบหัวรุนแรงสุดโต่ง ควบด้วยการใช้กำลังอย่างโหดเหี้ยมเพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่มีความเมตตาปรานี เอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ใดๆ
l การกลับมาเติบโตของลัทธิชาตินิยมแบบ “ข้าไปคนเดียว” เอาตนเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้ง โดยปฏิเสธหลักความร่วมมือกันระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
l ปรากฏการณ์ทางภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งอยู่เกินวิสัยมนุษย์ที่จะควบคุม แต่มนุษย์ก็ได้ร่วมกันทำลาย ใช้ประโยชน์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไร้ความยั่งยืน โลกก็ร้อนระอุขึ้น มีผลกระทบต่อน้ำ ดิน อากาศ และการเกษตร การประมง
l ความไม่ทันสมัย ไม่ทันกาล ขององค์การร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ และเครือข่าย ซึ่งจัดตั้งกันขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่ II สิ้นสุดลง
l การพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่งของเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ที่มีผลกระทบแบบถอนรากถอนโคนต่อวิถีชีวิต การทำธุรกิจทั้งการผลิตการบริหาร ไปจนถึงการบันเทิง และการข้องแวะระหว่างผู้คน ซึ่งกฎเกณฑ์กติกาก็ยังไม่สามารถตามทัน หมิ่นเหม่ต่อการสูญเสียและเสียหาย
l โลกก็ยังเผชิญหน้ากับปัญหากระจุกตัวของความมั่นคั่งทั้งในระดับโลก ในแต่ละประเทศเป็นช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำ ไม่ยุติธรรม
แล้วในสถานการณ์ต่างๆ ในปี 2562 ที่รออยู่นี้หากชาวโลกยังคงปล่อยปละละเลยกันไป โลกก็จะยิ่งสับสนวุ่นวาย และปัญหาก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งๆ ที่มนุษย์โดยทั่วไป และส่วนใหญ่นั้นต่างต้องการสันติภาพ และสันติสุข คงจะมีมนุษย์ที่แค่เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่เอาแต่ใจตัวเอง และเอาแต่ได้ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาบ่อนทำลายสันติสุขโลก
ถ้าว่ากันตามจำนวนผู้คนแล้ว คนส่วนใหญ่ที่มุ่งสันติก็น่าจะมีชัยชนะเหนือกลุ่มผู้คนนอกคอก โดยเฉพาะเมื่อโลกถูกปกครองด้วยกลุ่มผู้นำทั้งหลายในแต่ละประเทศ ซึ่งร่วมกับฝ่ายองค์การกลาง เช่น สหประชาชาติ และฝ่ายองค์การเฉพาะกิจ หรือภูมิภาค ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนเหล่านี้จะเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาโลกที่กล่าวมาข้างต้นนี้
และนอกจากผู้นำฝ่ายการเมืองแล้ว โลกก็ยังมีผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ ทางศาสนาอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่ผู้นำเหล่านี้จะต้องออกมาช่วยเตือนสติผู้คน เสริมสร้างการยอมรับซึ่งความต่างซึ่งกันและกันเพราะเราต่างเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น
ในโลกนี้มีประเทศยักษ์ใหญ่หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส (ซึ่งทั้ง 5ประเทศ เป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีภาระหน้าที่จรรโลงความมั่นคงและสันติภาพโลก) แล้วก็มีเยอรมนีกับญี่ปุ่น ที่เป็นประเทศร่ำรวยและประเทศลงทุนค้าขายใหญ่ แล้วถือว่าสหภาพยุโรป (28 ประเทศสมาชิก) รวมเป็นหนึ่ง สหภาพยุโรปก็ขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับสหรัฐฯ และจีนได้
บรรดาผู้นำของประเทศและกลุ่มประเทศเหล่านี้ รวมไปถึงผู้บริหารองค์การกลางของโลก เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก องค์การการค้าโลก เป็นต้น ก็ควรจะต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันอย่างจริงจังว่า จะร่วมกันแก้ปัญหาโลกได้อย่างไร ซึ่งก็หมายความว่าแต่ละผู้นำ โดยเฉพาะของสหรัฐฯ จีน รัสเซีย ก็ต้องลดทิฐิ ลดความทะเยอทะยาน ลดความเอาแต่ได้ และมุ่งเอาคำว่า สันติภาพและสันติสุขเป็นตัวตั้ง และคู่ขนานไปกับผู้นำทางโลกก็คือ ผู้นำทางศาสนา ที่ควรจะต้องประชุมหารือ หาจุดร่วม และปฏิเสธความรุนแรง และลัทธิสุดโต่งใดๆ ทั้งสิ้น
ปี 2562 ผู้นำประเทศต่างๆ ก็ควรจะเริ่มต้นด้วยความคิดที่ว่า ตนเองนั้นจะทำอย่างไรให้โลกมากกว่าที่จะคิดว่าจะทำอะไรให้ตัวเอง หรือแค่ประเทศตนเอง แล้วปล่อยให้โลกวายวอดอย่างไรก็ไม่แคร์ หาไม่แล้ว สันติสุขที่ชาวโลกเฝ้าฝันไว้นั้น คงจะห่างไกลออกไป ในปี 2562 นี้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี