ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยเข้าปีที่ 86 แล้ว แต่วังวนทางการเมืองกลับเดินเป็นวงกลมโดยไม่สามารถทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงได้เลย ทั้งนี้เพราะผู้บริหารประเทศรวมทั้งประชาชนพยายามสร้างกติกา คือ รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่เพียงรูปแบบเท่านั้น โดยไม่ได้สร้างสังคมให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิวัติหรือรัฐประหารแต่ละครั้งผู้มีอำนาจซึ่งทางการเมืองเรียกว่า “องค์อธิปัตย์” มักจะมุ่งเน้นในการสร้างกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างจริงจัง ได้แก่ ไม่ได้พัฒนาให้ประชาชนมีจิตและวิญญาณแห่งประชาธิปไตยเลย ไม่ว่าองค์อธิปัตย์จะเป็นทหารหรือพลเรือนก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันเพราะการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนนั้นจะเกิดขึ้นได้ต้องเกิดจากการทำให้ประชาชนทุกลุ่มทุกคนรู้จักและยอมรับในสิทธิและหน้าที่ของตนและปฏิบัติตนรวมทั้งหวงแหนสิทธิและหน้าที่ดังกล่าว เพราะในสังคมประชาธิปไตยต้องไม่มีอภิสิทธิ์ชน ไม่มีชนชั้น แต่สำหรับสังคมไทยนั้นเป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ดังปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ที่ระบุไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ นั่นหมายความว่า องค์พระมหากษัตริย์เท่านั้นที่มีความแตกต่างกับประชาชนทุกคนในแผ่นดิน
ฉะนั้น นอกจากพระมหากษัตริย์แล้วประชาชนในแผ่นดินนี้ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกันในฐานะคนธรรมดา ตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ใช่ของติดตัวตลอดไป เช่น ข้าราชการ หรือผู้มีตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจะมีหน้าที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น เปรียบเสมือนหัวโขนมีตำแหน่งก็เหมือนสวมหัวโขนพอหมดหน้าที่ก็เหมือนถอดหัวโขน ประเทศที่มีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น ประชาชนทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันจะแตกต่างกันเฉพาะในการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงประชาชนทุกคนจะมีสิทธิหน้าที่ในฐานะพลเมืองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการตำแหน่งใดๆ ก็ตาม ถ้านอกเวลาปฏิบัติหน้าที่จะมีฐานะเป็นประชาชนธรรมดาเท่ากับทุกคน ตัวอย่างเช่น ข้าราชการตำรวจเมื่อนอกเวลาจะใช้อำนาจในฐานะตำรวจไม่ได้ แต่ใช้อำนาจในฐานะประชาชนเท่านั้น ซึ่งผิดกับของไทยตำรวจจะเป็นตำรวจตลอด 24 ชั่วโมง และข้าราชการอื่นๆ ก็เช่นกัน
ฉะนั้นสังคมไทยที่เป็นอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 มา จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นสังคมอมาตยาธิปไตย ผลทำให้การปกครองประเทศจึงไม่เดินตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เหตุการณ์เช่นนี้อาจกล่าวได้ว่าสังคมการเมืองของประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย เป็นได้เพียงประชาธิปไตยแต่ในนามเท่านั้น
ฉะนั้น การปกครองระบอบนี้องค์อธิปัตย์เกิดขึ้นจากผู้ถืออาวุธได้อำนาจจากการปฏิวัติรัฐประหารกลายเป็นคนอีกชั้นหนึ่ง รวมทั้งคนร่ำรวยก็ใช้เงินตราเป็นอาวุธเป็นคนอีกชั้นหนึ่ง ผลทำให้สังคมไทยเป็นสังคมชนชั้น ผลก็คือ ผู้ถืออาวุธและผู้ถือเงินตรารวมกันปกครองประเทศ ผลจากพื้นฐานดังกล่าวทั้งสองกลุ่มเมื่อมีผลประโยชน์ซึ่งกันและกันจึงก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบทั้งการใช้อำนาจเงินและอำนาจอาวุธ ซึ่งจะปรากฏในสังคมไทยตลอดมาและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปเว้นเสียแต่ประชาชนคนไทยทุกคนหรือส่วนใหญ่จะรู้จักสิทธิ์และหน้าที่ของตนและเมื่อรู้จักแล้วต้องหวงแหนจะไม่ขายสิทธิของตนที่มีอยู่และไม่ยินยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดมีสิทธิเหนือตน พร้อมทั้งรู้จักหน้าที่ของตนทั้งในส่วนตัวและส่วนรวมด้วย การปรับตัวของประชาชนดังกล่าวไม่ใช่ของง่ายเพราะสังคมไทยยึดติดกับระบอบอมาตยาธิปไตยตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในระยะหลังอำนาจของเงินตราเข้าครอบงำทุกด้านไม่ว่าจะด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ และสังคม ฉะนั้นเป็นการยากที่ประเทศจะปรับเปลี่ยนจากการเมืองระบอบอมาตยาธิปไตยสู่การเมืองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ เว้นเสียแต่ว่าจะปฏิรูปการเมืองให้เป็นการเมืองโดยนำการปกครองระบอบธรรมาธิปไตยโดยมีองค์พระประมุขเป็นองค์อธิปัตย์ที่แท้จริง คือ องค์พระประมุขและนำการปกครองระบบ “นิติรัฐ” หมายถึง การปกครองโดยกฎหมายมาใช้ในสังคมไทยอย่างเต็มรูปแบบ จึงจะแก้มิให้วงจรอุบาทว์เกิดขึ้นในสังคมไทยได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี