มีโอกาสได้เจอ “รองแต้ม มือปราบหูดำคนดัง” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ เขตหลักสี่-จตุจักร (แขวงเสนานิคม ลาดยาว จันทรเกษม) เบอร์ 5 เจ้าของสโลแกน “เรียกง่าย ใช้คล่อง ต้องวิชัย” ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ปะฉะดะ ปัญหายาเสพติด จึงน่าสนใจว่า ท่านมีแนวทางในการทำงานนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร
Q : ทำไมตัดสินใจมาทำงานการเมือง
A : สมัยที่ยังทำงาน ผมเคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจครบาล ตอนนั้นผมได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง จึงสนใจเรื่องงานการเมืองซึ่งเป็นภาพใหญ่ที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง พอลาออกจากราชการ ผมได้รับการทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ปรากฏว่างานที่ได้รับมอบหมายเป็นงานคล้ายกับงานตำรวจ คือ งานบริการประชาชน หลังจากนั้นพรรคก็เชิญผมอีก ผมอยากเอาประสบการณ์ที่เคยมี มาทำงานดูแลประชาชนให้เต็มที่ในครั้งนี้ จึงตอบรับ เพราะผมพร้อมแล้ว
Q : ทำไมเลือกพรรคประชาธิปัตย์
A : จริงๆ มีหลายพรรคมาติดต่อนะครับ เสนอทั้งเงินและตำแหน่ง แต่ผมมองว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ อุดมการณ์ยังไม่แน่ชัด แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ มีอุดมการณ์ และชัดเจนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ที่ชัดเจนมากๆ คือยืนหยัดความเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยมาอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแต่ปาก ผมจึงพร้อมที่จะทำงานในฐานะสมาชิกของพรรคนี้
Q : ทำไมชูเรื่องยาเสพติด
A : ตอนที่ผมทำงานกับกรุงเทพมหานคร พบว่าเรื่องที่ประชาชนร้องขอในอันดับต้นๆ อยู่ สองเรื่อง คือ ปากท้องของประชาชน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายอยู่แล้ว มีคนทำงานชัดเจนอยู่แล้ว เป็นมืออาชีพ ไม่ทำนโยบายแบบแค่เอาคะแนน แต่คำนึงถึงความมั่นคงยั่งยืนของเรื่องนั้นๆ ทีนี้เรื่องรองลงมาคือ เรื่อง “ยาเสพติด” พอดีกับว่า ผมเคยทำงานเรื่องนี้มาก่อน ผมเห็นเลยว่า มันเป็นตัวทำลายความสุขของทุกครอบครัว ดังนั้น ถ้าผมทำเรื่องนี้ บวกกับพรรคทำเรื่องเศรษฐกิจ ความสุขของประชาชนก็จะชัดเจนขึ้น ได้รับการแก้ไขตรงจุดจริงจัง
Q : ยาเสพติดมีหน่วยงานอยู่แล้ว ทำไมต้องมีท่าน
A : ต้องได้รับการขับเคลื่อนมากกว่านี้ ต้องทำให้เข้มข้นกว่านี้ เพราะยาเสพติดมันไปเกี่ยวข้องกับข้าราชการบ้าง ผู้มีอิทธิพลบ้าง หน่วยงานประจำเขามีความสามารถและตั้งใจจริงๆ แต่อำนาจเขาไม่พอ บุคลากรเขาไม่พอ รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนเขาให้มากกว่านี้ ซึ่งผมและพรรคจะทำส่วนนั้น
Q : ปะฉะดะ กับปัญหายาเสพติดของท่าน ต่างจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร ทำสงครามกับยาเสพติดยังไง
A : จริงๆ ผมต่อสู้เรื่องนี้มาก่อนคุณทักษิณนะ ผมทำมาตั้งแต่ปี 2544 ทำในกลุ่ม บก.น.8 ผ่าน 11 โรงพัก ซึ่งเราไม่ใช้เรื่องการ “ฆ่าตัดตอน” ตอนนั้นเราใช้มาตรการดี คือ ให้ความรู้แก่ประชาชน ทำการสำรวจชุมชน ชุมชนดีๆ เราทำเป็น “ชุมชนสีขาว” ส่วนชุมชนที่มียาเสพติด เราใช้มาตรการตรวจค้นเข้มข้น และเอาพี่น้องประชาชนมามีส่วนร่วม ผมตั้งศูนย์ปราบปรามมือปืนและยาเสพติด ตอนนั้นถึงกับมีประชาชนเอาเงินมาให้ ผมก็ขอเขาใช้เงินไปกับการปรับปรุงสถานที่และเครื่องมือ เพื่อคนทำงานจะได้ทำงานให้มีประสิทธิภาพ อีกส่วนหนึ่งผมนำมาเป็นสวัสดิการของคนทำงาน ให้เขาเอาไปแก้ปัญหาในครอบครัวของเขาก่อน พอเบิกเงินหลวงได้ ก็เอาเงินนี้มาคืน ทำให้คนทำงานไม่ต้องพะวงกับเรื่องอื่น ทำงานได้เต็มกำลัง ทุกวันนี้เงินส่วนนั้นยังเหลืออยู่เลย ตอนนั้นเราต้องการข้อมูล ผมส่งไปรษณียบัตรให้ประชาชนตอบกลับมา ว่าเห็นการกระทำผิดอะไรบ้าง เจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวยังไงบ้างไหม จะให้คนของผมทำอะไรบ้าง เราได้เบาะแสมาเยอะมากเลยครับ เพราะเราใช้ประชาชนเป็นหูเป็นตา และเราได้รับความร่วมมือเรื่องเบาะแส ที่ไม่ทำให้ผู้ให้เบาะแสเดือดร้อน จากงานนี้ ผมได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่นนะครับ เราจะทำอย่างนี้ ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้ความเอาจริงเอาจังด้วยขั้นตอนตามกฎหมาย แต่กวดขันจริงจังแบบปะฉะดะ ไม่ปล่อยปละละเลย หรือทำเป็นไม่เห็น
Q: ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้คืออะไร
A : อันดับแรก ยาเสพติดเป็นพิษภัยและเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท นี่คือปัญหาที่เกิดจากยาเสพติด ขณะนี้ในคุก แปดสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นนักโทษที่เกิดจากปัญหายาเสพติด ในกลุ่มเยาวชน แปดสิบเปอร์เซ็นต์เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงกับยาเสพติด ขณะนี้มี สามล้านคน ติดยาเสพติด สมมุติใช้ยาวันละเม็ด วันหนึ่งเราเผาเงินไปเท่าไหร่ ยังไม่รวมงบในการป้องกัน ดูแล บำบัด ดังนั้น ปีหนึ่งเราใช้เงินในการปราบปรามยาเสพติดหลายแสนล้าน ถ้าเราปราบปรามได้จริง เราจะเหลือเงินมาทำระบบสาธารณูปโภค มาทำการศึกษาของเด็กๆ และอื่นๆ ได้มากมาย นี่คือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ถ้าเราเอาจริงเอาจัง ปะฉะดะให้เห็นผล
Q : ที่ผ่านมา ทุกพรรคก็มีนโยบายนี้ ทำไมปัญหาไม่หมดไป
A : อย่างนี้ครับ ปัญหายาเสพติด ทุกพรรคจะเอาผลการจับกุมมาเป็นหลัก แล้วบอกว่า จับกุมได้เยอะ คือ ประสบความสำเร็จ ที่จริงต้องทำให้ผู้เสพลดน้อยลง เมื่อผู้เสพน้อยลง ยาก็เข้ามาน้อยลง การใช้งบประมาณเข้าจับกุม ปราบปราม บำบัด ก็ลดลง ถ้าเอาแต่จับ แล้วเอาสถิติการจับมาคุย จับเท่าไหร่มันก็ไหลมาเท่านั้น เพราะความต้องการเสพมันยังอยู่
Q : แล้วจะทำยังไงให้ผู้เสพลดลง
A : ดูเรื่องตั้งแต่ครอบครัว ปัญหาส่วนมากเกิดจากครอบครัว ที่ไม่มีเวลาดูแลลูก ลูกก็ถูกชักจูงไปง่ายขึ้น ปัญหาสังคมก็มีผลยั่วยุ หลอกล่อ ให้คนคล้อยตาม แล้วไปทดลองใช้ยา
จนกลายเป็นผู้เสพถาวร แล้วพัฒนาต่อมาเป็นผู้ขาย
โรงเรียน ต้องเป็นตัวช่วยในการดูแลเด็ก เข้าถึงเด็ก ถามถึงปัญหา มีโรงเรียนหนึ่งผมไม่อยากเอ่ยชื่อ เป็นโรงเรียนที่ใครๆ ก็อยากเข้า เขาเกิดมีนโยบายเอาเด็กรอบโรงเรียนมาเรียนด้วย ยาเสพติดเข้ามาเต็มเลย ครูก็ไม่ใส่ใจและปกปิดว่ามีเรื่องนี้ในโรงเรียน พอปกปิด มันก็ไม่ได้แก้
ชายแดน ปล่อยให้ยาเสพติดเข้ามาได้ยังไง มันไม่ได้เข้ามาทีละเม็ดสองเม็ด เราก็ต้องไปกวดขันจริงจัง ไม่ให้มีทางเข้า ยาเสพติดผลิตนอกประเทศนะครับ เราต้องทำรั้วของเราให้แข็งแรง พร้อมกันนี้ เราต้องประสานระหว่างประเทศเข้าช่วย
ระยะสั้น ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง เอกซเรย์ผู้ติดยาเสพติดทั้งหมด โรงพักต่างจังหวัด ถ้าเอกซเรย์จริงๆ ไม่มีทางไม่รู้เลยว่า บ้านไหนมียาเสพติด หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพิ่มอำนาจให้หน่วยงาน เช่น ให้อำนาจสอบสวนแก่ ปปส. เพราะเขามีข้อมูลมากกว่าตำรวจอีก แล้วเขาจะช่วยแบ่งเบาภาระงานตำรวจ คานอำนาจกันด้วย และจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ด้วย ดูแลสถานที่บำบัดทั่วประเทศ เพิ่มบุคลากรให้เขา เพิ่มงบประมาณให้เขา
ระยะที่สอง ให้ความรู้ตั้งแต่เด็ก ชุมชน ครอบครัว โรงเรียน ช่วยกันดูแล สร้างความเข้าใจ ส่งลูกหลานมาเข้าสู่การบำบัด
ระยะยาว สร้างระบบความร่วมมือระหว่างประเทศ รัฐบาลต่อรัฐบาลต้องคุยกันว่าจะกดดันยังไง
Q : ท่านคนเดียว มีกำลังผลักดันแค่ไหน
A : ผมไม่ใช่คนเดียว ผมเป็นผู้นำนโยบายที่พรรคมอบหมาย พรรคเป็นกำลังสนับสนุนให้เรื่องนี้ทำจริงและทำได้จริง ถ้าประชาชนให้โอกาสเรา สนับสนุนเรา เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงทันที
Q : ด้านอื่นๆ บ้าง ท่านจะดูแลพื้นที่ของท่านยังไง
A : พื้นที่ของผมมีสามส่วน ส่วนหนึ่งเป็นชุมชน เช่น ชุมชนชายคลอง ชุมชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มถัดมาคือ ข้าราชการในสถานที่ราชการ ดูแลให้เขาไป-มาปลอดภัย สะดวก กลุ่มที่สาม คือ บ้านมีรั้ว เราก็ดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของเขา ผมสนใจกลุ่มแรกมาก เราจะดูแลความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของเขายังไง ที่ผมสะเทือนใจ คือ ผมพบว่าเจอคนนอนติดเตียงเยอะมาก เป็นคนสูงอายุ ผมอยากช่วยเรื่องนี้ และอีกเรื่องคือความเหลื่อมล้ำ เขาต้องไปกู้เงินนอกระบบ ตรงนี้ต้องดูแล เพิ่มโอกาสการมีรายได้ให้เขา ให้อาชีพเขา ให้โอกาสเข้าถึงสินเชื่อ เขาจะได้มีโอกาสสร้างชีวิตได้ทัดเทียมกับคนอื่น
ในเวลาสั้นๆ ได้คุยกับท่านเท่านี้ หากสนใจก็ใส่คะแนนให้ท่านได้ผลักดันสิ่งที่ตั้งใจนี้ให้สำเร็จกันนะครับ หรือมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติม ก็ติดต่อสื่อสารกันโดยตรง ผ่านเฟซบุ๊คเพจ “วิชัย สังข์ประไพ” ทั้งหมดทั้งปวงอยู่บนหลักการว่า “ร่วมคิดร่วมทำ เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของเราทุกคน”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี