เดินหน้าแล้ว สำหรับการหาผู้รับสัมปทานสิทธิดิวตี้ฟรีและพื้นที่พาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิ
ล่าสุด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” ออกประกาศ 2 ฉบับ
1. ฉบับแรก ประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , ท่าอากาศยานภูเก็ต , ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ รวม 4 แห่ง เพื่อให้เข้ามารับสัมปทานประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2574 รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน
โดยรูปแบบการประมูลสัญญาแบบรายเดียว (Master Concession)
ไม่ใช่สัมปทานแบบหมวดหมู่สินค้า (Concession by Category
เปิดขายเอกสารตั้งแต่ 19 มีนาคม 2562
ชุดละ 2.5 ล้านบาท
ให้ยื่นข้อเสนอการดำเนินงาน 30 เมษายน 2562
วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เปิดซองเสนอค่าตอบแทน
ประกาศผลคะแนนสูงสุดในวันที่ 10 พฤษภาคม 2562
ใครได้จะดูจากผลตอบแทนสูงสุด ซึ่งจะต้องสูงกว่าสัญญาเงื่อนไขเดิม
ทอท.คาดว่า เมื่อเปิดซองราคาและรู้ผลผู้ชนะในวันที่ 10 พฤษภาคม จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ได้ในเดือนพฤษภาคม เพื่อรับรองผลการประมูล ยกเว้นกรณีมีการร้องเรียนก็อาจจะล่าช้าไม่น่าเกินเดือนมิถุนายน แล้วหลังจากนั้น จึงรายงานผลต่อ ครม. ต่อไป
2. ฉบับที่สอง ประกาศเชิญชวนเข้าร่วมประมูลสิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทอท.จะคัดเลือกผู้ประกอบการเพียงรายเดียว ให้เข้ามาประกอบกิจการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2574 รวมเป็นระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน
ทั้งสองสัญญา คาดว่าจะได้ผู้ประกอบภายในวันที่ 10 พ.ค. และดำเนินต่อพร้อมๆ กัน
3. ส่วน Pick Up counter ทอท.จะเปิดประมูล Pick Up อีก 1 สัญญา ภายในปีนี้ เพื่อใช้พื้นที่ร่วมกัน (Common Use) ต่อจากทั้ง 2 โครงการ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีในเมืองสามารถเปิดบริการได้มากขึ้น และสามารถส่งสินค้าให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อของจากร้านค้าปลอดอากรในเมืองได้ที่เคาน์เตอร์นี้
4.สรุปว่า 3 สัญญาใหญ่ เกี่ยวกับการบริหารจัดการผลประโยชน์พาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย
4.1 กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty free)
4.2 กิจกรรมเชิงพาณิชย์ (retail, F&B, service และ bank)
4.3 กิจการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (duty free pick-up counter)
นี่คือ จุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ
5. น่าสนใจว่า ทอท. ไม่เลือกใช้การประมูลแบ่งประเภทสินค้า (Category)
แต่เลือกใช้รูปแบบการประมูลสัญญาแบบรายเดียว (Master Concession)
สาเหตุที่ ทอท. รวมสัญญา 4 สนามบิน มีเอกชนรายเดียวเป็นผู้บริหารจัดการดิวตี้ฟรี และไม่แยกประเภทสินค้า ทอท.อธิบายว่า ได้ศึกษาและรับฟังข้อคิดเห็นผู้ประกอบการ รวมถึงนักวิชาการแล้ว พบว่า หากรวมสัญญาจะทำให้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องจำนวนผู้โดยสาร ปริมาณการขาย รายได้ การลงทุนสต๊อกสินค้าที่แตกต่างกันของแต่ละสนามบินหมดไป เพราะจากสถิติพบว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะมีปริมาณการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีสูงถึง 82%, สนามบินภูเก็ตมียอดจำหน่าย 8-12%, สนามบินเชียงใหม่มียอดจำหน่าย 5% ขณะที่สนามบินหาดใหญ่มียอดจำหน่ายเพียง 0.04% เท่านั้น ดังนั้น จึงทำให้เห็นว่าหากมีการแยกสัญญาแยกสนามบินจะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ในเรื่องการลงทุนของแต่ละผู้ประกอบการได้ นอกจากนี้ มีความมั่นใจว่าเมื่อเปิดขายซองให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมประมูล จะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี และเชิงพาณิชย์ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ เข้ามาขอข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจจำนวนมาก
6. น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ มีนักวิชาการ และนักธุรกิจค้าปลีก เสนอให้ประมูลแบ่งตามประเภทสินค้า เพื่อการแข่งขันสูงสุด และประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคและผลตอบแทนเข้ารัฐ
ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ทีดีอาร์ไอ เคยให้เหตุผลว่า หากมีการผูกขาดรายเดียว สินค้าน้อย ราคาสูง คนก็ซื้อน้อย จึงคิดว่ากำไรสูงอยู่ แต่รายได้ไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งหากมีผู้ประกอบการมากกว่า 1 ราย รายได้เข้ารัฐจะมากขึ้น
“...ที่สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ มีรายได้จากการใช้จ่ายต่อหัวมากกว่าไทยถึง 5 เท่า ทั้งที่จำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกัน และสินค้าไทยไม่ได้ด้อยกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในสนามบินมีสัมปทานร้านดิวตี้ฟรีถึง 12 ราย แบ่งตามพื้นที่ไปตามจุดต่างๆ และแบ่งตามลักษณะสินค้าเพื่อให้เกิดความหลากหลาย กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ทำให้มีรายได้เข้ารัฐสูงถึง 40% ไม่ใช่ 17% แบบของไทย”
7. สุดท้าย การดำเนินการคงล่วงเลยไปถึงรัฐบาลหน้า
ที่จะต้องชี้ชะตาว่า การบริหารจัดการพื้นที่พาณิชย์และดิวตี้ฟรีนั้น จะเป็นไปอย่างไร?
น่าจับตามองอย่างยิ่ง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี