มีคำพังเพยกล่าวว่า อำนาจเป็นสิ่งหอมหวนเปรียบเสมือนยาเสพติดบุคคลใดเมื่อได้อำนาจยากที่จะหลุดพ้นจากอำนาจดังกล่าวได้ โดยเฉพาะผู้ที่หลุดเข้าไปอยู่ในวังวนการเมืองซึ่งเมื่อได้อำนาจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการปกครองระบอบใดได้แก่ การได้อำนาจจากการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย หรือจาก ระบอบเผด็จการ ด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลแม้ว่าจะมีกติกากำหนดไว้ก็ตาม เช่น การมีอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีจะหมดตำแหน่งเมื่อกติกากำหนดวาระไว้แต่ถ้ากติกาไม่ห้ามว่าเป็นต่อไม่ได้ก็สามารถดำเนินการสมัครต่อตามกติกาถ้าได้รับการสนับสนุนก็จะเป็นได้อีกกี่วาระตามที่กติกากำหนด อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการ หรือกึ่งเผด็จการ เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนประเทศกัมพูชา วาระการดำรงตำแหน่งของผู้นำประเทศอาจกำหนดไว้ว่ามีวาระหรือไม่มีวาระก็ได้ หรือประเทศที่เริ่มต้นจากการปกครองระบอบประชาธิปไตย เช่น ประเทศเยอรมนี ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 สิบโทอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือเบนิโต มุสโสลินี แห่งประเทศอิตาลี ก็ดี ก่อนที่จะผันตัวเป็นผู้นำเผด็จการก็มาจากการเลือกตั้ง แต่เมื่อได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยก็กลับกลายเป็นผู้นำเผด็จการนำประเทศสู่สงครามจนพ่ายแพ้ถูกประหารชีวิต ซึ่งเป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่เสพติดอำนาจดังกล่าว
สำหรับประเทศไทยนั้น นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เป็นต้นมามีการปกครองระบอบประชาธิปไตยหลายครั้ง แต่อายุของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอยู่ได้ไม่นานก็เกิดการยึดอำนาจโดยคณะทหาร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะทหารเข้าห้ามทัพขณะที่ประเทศเกือบจะเป็นรัฐที่ล้มเหลวทำให้บ้านเมืองสงบลงและทำหน้าที่เป็นองค์อธิปัตย์อยู่ต่อมาเกือบ 5 ปี ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับพ.ศ.2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ ในการปฏิวัติใหม่ๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าจะบริหารประเทศไม่นานก็จะวางมือ แต่ในที่สุดจะเห็นว่าพันธกิจในการฟื้นฟูประเทศยังไม่เสร็จสิ้นหรืออาจจะถูกพรรคสาวกแวดล้อมมีความประสงค์ที่อยากบริหารประเทศต่อจึงตั้งพรรคการเมืองขึ้นและเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีถ้าพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ชนะการเลือกตั้ง แต่ผลปรากฏว่าจนกระทั่งปัจจุบันยังไม่ชัดเจนว่าพรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้ง แต่พออนุมานได้ว่าพลเอกประยุทธ์ คงปรารถนาที่จะบริหารประเทศต่อไปจะเป็นเพราะพันธกิจยังไม่สำเร็จหรือเป็นเพราะความต้องการส่วนตัว
อย่างไรก็ดี จะเป็นเพราะเหตุผลใดก็แล้วแต่ถ้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งแต่บริบทหรือกติกาแตกต่างไปจากเดิมเพราะที่ผ่านมาท่านเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะองค์อธิปัตย์ซึ่งมีดาบอาญาสิทธิ์ คือ มาตรา 44 แต่ถ้าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้กติกา คือ รัฐธรรมนูญ แม้จะเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบก็ตาม แต่อำนาจต่างไปจากเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลว่าท่านจะรับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองที่กติกาเปลี่ยนไปได้หรือไม่ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งหวังว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เพราะเสพติดอำนาจ แต่ต้องการสานต่อการพัฒนาประเทศให้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ก่อนจะวางมือทางการเมืองจึงต้องเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี