สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นถูกอดีตผู้บริหารและพวก สุมหัวโกงเงินไปหมื่นล้านบาท
สมาชิกสหกรณ์คลองจั่นหลายหมื่นชีวิตแทบล้มทั้งยืน ยังเคว้งอยู่จนถึงวันนี้
นับเป็นการโกงสหกรณ์ครั้งประวัติศาสตร์
ขณะนี้ สหกรณ์ฯ ยังค่อยๆ เดินตามแผนฟื้นฟูกิจการ
ขณะเดียวกัน การติดตามเงินที่ถูกโกงไปกลับคืนมาก็มีความคืบหน้าน่าสนใจ
โดยเฉพาะระยะหลัง ได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ ในการร้องขอให้ทรัพย์ที่ถูกโกงไปนั้นตกเป็นของสหกรณ์คลองจั่น ผ่านการนำไปขายทอดตลาด นำเงินกลับมาชดใช้คืนสหกรณ์และมวลสมาชิก
เท่าที่ติดตามข่าวคราวล่าสุด มีหลายเรื่องน่าสนใจ สังคมควรได้ทราบ
1. กรณี ปปง.ยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหาร จำเลยในคดีโกงสหกรณ์คลองจั่นและคดีฟอกเงินหลายคดี รายการแร่หินอัญมณีสีน้ำเงิน “ลาพิส ลาซูลี่” น้ำหนัก 2.85 แสนกิโลกรัม มูลค่า 142.5 ล้านบาท
กรณีนี้ สืบเนื่องจากดีเอสไอดำเนินคดีพิเศษที่ 25/2559 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามเส้นทางการเงินที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษรและพวก จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของดีเอสไอ พบว่า ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 2553-14 มี.ค. 2556 นายศุภชัย กับพวก โอนเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และจากบัญชีเงินฝากธนาคารของนายศุภชัย จำนวนหลายรายการ โดยมีเงินจำนวน 350,500,000 บาท เข้าบัญชีเงินฝากของนางผกามาศ ไชยสงคราม และบริษัท อนันตศิลาบารมี จำกัด ซึ่งมีนางผกามาศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
หลังจากนั้น นางผกามาศ ได้ถอนเงินสดจำนวนดังกล่าวไปมอบให้นายธณศิภารัช พิณธุรักษ์ เพื่อนำไปซื้อแร่ลาพิส ลาซูรี่ (Lapis Lazuli) จำนวน 7 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักประมาณ 285,000 กิโลกรัม
ปัจจุบันทรัพย์สินดังกล่าว ดีเอสไอ ได้ตรวจยึดและเก็บรักษาไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 (ค่ายดารารัศมี) ต.แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ดีเอสไอสรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายศุภชัย กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายศุภชัย กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว
คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติให้ยึดทรัพย์ส่วนนี้ไว้ชั่วคราว ตามคำสั่งที่ ย.76/2562 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2562 และโดยตามขั้นตอนทางกฎหมาย คกก.ธุรกรรมปปง.จะส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งคืนต่อผู้เสียหายหรือให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ทราบว่า ล่าสุด สหกรณ์ฯคลองจั่นได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิ์ต่อปปง.แล้ว เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 เพื่อให้ทรัพย์สินตกเป็นของสหกรณ์คลองจั่น ในฐานะผู้เสียหาย
2. ตัวอย่างการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ติดตามยึดกลับคืนมาได้แล้ว
กรณีที่ดิน 367 ไร่ ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี การบังคับคดีหมายเลขแดงที่ พ.5594/2559 (คดี พ.1674/2557) โดยการ
ดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี
สหกรณ์คลองจั่นเปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค.2562 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินเปล่าของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำนวน 1 รายการ รวม 4 แปลง เนื้อที่ 367 ไร่ 48 ตารางวา ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาญจนบุรี ลงวันที่ 4 มีนาคม 2562 ตามคำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ พ.5594/2559 (คดีหมายเลขดำที่ พ.1674/2557)
(1) ผลการขายทอดตลาด : มีผู้สนใจซื้อที่ดินจำนวน 10 ราย โดยมีผู้เสนอราคาสูงสุดที่ 110,200,000 บาท จากราคาเริ่มต้นที่ 28,200,000 บาท ตามราคาที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย์
(2) การดำเนินการต่อไป : เอกชนผู้เสนอซื้อได้ทำสัญญาซื้อขาย วางเงินมัดจำ 2,500,000 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการชำระเงินส่วนที่เหลืออีก 107,700,000 บาท ภายในกำหนดเวลา 15 วัน หรืออาจขอขยายเวลาชำระเงินได้ไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญา
3. นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินหลายรายการที่ถูกโกงไป ถูกผ่องถ่าย ยักย้ายถ่ายโอนไปไว้ในชื่อบุคคลต่างๆ แต่อัยการได้มีการฟ้องศาลแพ่งขอให้ทรัพย์นั้นตกคืนแก่แผ่นดิน แล้วสหกรณ์คลองจั่นก็ร้องขอให้ตกเป็นของสหกรณ์ในฐานะผู้เสียหายแล้ว อาทิ เงินฝาก 58 ล้านบาท ใน 4 บัญชีเงินฝาก ได้แก่
เงินฝากชื่อบัญชีวัดพระธรรมกาย ประกอบด้วย บัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 25,597,194.91 บาท บัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,257,934.88 บาท
เงินในชื่อบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประกอบด้วย บัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำนวน 1,651,227.42 บาท บัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำนวน 17,263,081.04 บาท
ศาลแพ่งพิพากษาให้ตกเป็นของสหกรณ์คลองจั่นแล้ว (คดียังไม่ถึงที่สุด)
เช่นเดียวกับทรัพย์สินอีกหลายรายการ อาทิ อาคารในโครงการเวิลด์พีซวัลเล่ย์เขาใหญ่, ที่ดินที่ตั้งอาคารบุญรักษา, ห้องชุดที่เมืองทองธานี เป็นต้น
4. อีกด้านหนึ่ง อย่าลืมว่า มีกรณีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะ ได้เคยแถลงเปิดเผยผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินโกงสหกรณ์ เกิดเป็นคดีฟอกเงิน แล้วเส้นทางเงินไหลเข้าไปที่มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ในพระอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์(พระธัมมชโย)
พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล เปิดเผยว่า “จากการสอบสวนพบแผนประทุษกรรมเข้าลักษณะความผิดตามกฎหมายฟอกเงินโดยเป็นการกระทำทุจริต เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนำไปมอบให้กับพระธัมมชโย แล้วส่งต่อเงินไปให้มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ใช้สร้างอาคารลูกโลกประมาณ 700-800 ล้านบาท และเข้าบัญชีวัดเพื่อสร้างวิหารคดอีกประมาณ 700 ล้านบาท และเช็คที่นำไปมอบให้พระธัมมชโยได้นำไปเข้าบัญชีมูลนิธิโดยตรงจำนวน 125 ล้านบาท ก่อนหน้าคดีนี้ได้ส่งสำนวนคดีพระสงฆ์เครือข่ายวัดพระธรรมกายจำนวน 3 รูป นำไปซื้อที่ดิน และยังมีคดีคนของวัดพระธรรมกายนำเงินไปเล่นหุ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน”
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ยืนยันว่า คดีพิเศษที่ 24/2560 คณะพนักงานสอบสวนเห็นควรกล่าวโทษมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ และกรรมการ (ชุดที่มีนางวรรณา จิรกิติ ประธานกรรมการมูลนิธิ) มีความผิดในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนั้น มูลนิธิยังดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ก่อตั้งมูลนิธิ จึงเสนอให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลสั่งให้ยุบมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ และขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินมูลนิธิ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยทรัพย์สินบางส่วน ปปง.ได้ยึดอายัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
กรณีนี้ พนักงานสอบสวนได้ส่งคำร้องถึงสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณายื่นคำร้องขอเลิกมูลนิธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 131(2) และขอให้ศาลพิจารณาเลิกมูลนิธิ ให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 134
ในอนาคต หากทรัพย์สินของมูลนิธิตกเป็นของสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ส่วนที่เป็นเงินฝากและที่ดินอื่นๆ อาจดำเนินการเพื่อนำเงินไปชำระคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป
5. ขณะเดียวกัน ทราบว่า สหกรณ์ฯคลองจั่นเอง ยังรอคอยความช่วยเหลือโดยตรงจากทางภาครัฐ
สหกรณ์ฯคลองจั่นได้เปิดเผยกับสมาชิกว่า เรื่องเงินสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อการฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ฯคลองจั่น ผ่านทางกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) ยังรอการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการอนุมัติโครงการ
โดยเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คุณกฤษฎา บุญราช/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามอนุมัติความเห็นชอบโครงการเพิ่มศักยภาพกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะจัดสรรเงินงบประมาณเข้ากองทุน ปีละ 5,000 ล้านบาทจนครบ เพื่อให้กองทุนนำไปให้ขบวนการสหกรณ์กู้ยืม ดอกเบี้ยและรายได้จะนำไปสนับสนุนสหกรณ์ต่างๆ ที่มีปัญหาทางการเงิน ซึ่งตามแผนทางการเงิน ยอดวงเงินที่จะนำมาสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ฯคลองจั่นอยู่ที่ประมาณ ปีละ 450 ล้านบาท
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี