เรื่องงูเห่านั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยมาระยะหนึ่งแล้ว และโดยผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็ได้มีการสร้างลัทธิงูเห่าขึ้นอย่างเป็นทางการ เป็นแต่ว่าไม่ได้ก่อตั้งลัทธิงูเห่าอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่แอบแฝงซับซ้อนซ่อนเงื่อนไว้ และโดยผลก็คือการก่อตั้งลัทธิงูเห่าขึ้นในระบบการเมืองของประเทศไทย
ดังนั้นในวันนี้คนไทยจึงควรทำความรู้จักเรื่องงูเห่ากันในมิติต่างๆ จะได้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าบ้านเมืองเราจะเกิดอะไรขึ้นจากลัทธิงูเห่านั้น
งูเห่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง จัดเป็นสัตว์ร้าย เพราะถ้ากัดใครเข้าแล้วก็มีโอกาสถึงตายได้ และในแต่ละปีก็มีคนตายเพราะงูเห่าเป็นจำนวนมาก แต่สัญลักษณ์ของงูเห่านั้นกลับไปมีปรากฏอยู่ในนิทานอีสปที่งูเห่ากัดชาวนาผู้มีใจเมตตา เห็นงูเห่าหนาวใกล้จะตาย ก็เอามาอุ้มให้อุ่นไออก พองูเห่าฟื้นขึ้นก็สนองพระเดชพระคุณกัดชาวนานั้นจนถึงแก่ความตาย งูเห่าจึงเป็นสัญลักษณ์ของการทรยศ หักหลัง และการเนรคุณ
ดังนั้นในอดีตเมื่อมีนักการเมืองบางกลุ่มทรยศหักหลังพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัด เอาใจออกหากไปเข้าด้วยกับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าแลกเปลี่ยนด้วยอามิส ไม่ว่าด้วยทรัพย์สินเงินทองหรือด้วยตำแหน่งแห่งหน รวมความก็คือสังคมไทยถือว่านักการเมืองที่ทรยศต่อพรรคตนเองไปเข้ากับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นการทรยศต่อประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกตนเองด้วยนั้นเป็นพวกงูเห่า
สังคมไทยเรียกนักการเมืองที่ทรยศหักหลังนี้ว่าเป็นงูเห่า ซึ่งก็คือคำด่าที่รุนแรงนั่นเอง เพราะคนเนรคุณนั้นก็คือคนไม่ดี ดังที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดเส้นแบ่งระหว่างคนดีกับคนไม่ดีไว้ที่ความกตัญญู ดังพระพุทธวจนที่ว่า “นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา” ซึ่งแปลว่าความกตัญญูคือเครื่องหมายของคนดี หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคนอกตัญญูเป็นคนเลวนั่นเอง
ดังนั้นนักการเมืองเลวจึงทำให้การเมืองเลว และส่งผลให้บ้านเมืองมีเหตุการณ์เลวทรามต่ำช้า ไม่ว่าการขายชาติ การโกงชาติ การฉ้อราษฎร์บังหลวง และการข่มเหงรังแกราษฎร เป็นต้น
รัฐธรรมนูญ 2560 ในบทพระราชปรารภได้ระบุต้นเหตุวิกฤติของชาติไว้สี่ประการ คือการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความทุกข์ร้อนของราษฎร ซึ่งต้นเหตุเหล่านี้ย่อมกระทำโดยคนคือคนที่ไม่ดี และก็ย่อมรวมถึงคนจำพวกงูเห่านั้นด้วย
เหตุนี้การส่งเสริมให้นักการเมืองหรือคนประเภทงูเห่าให้มีอำนาจในบ้านเมืองจึงเป็นการทำร้ายประเทศชาติและประชาชนที่อำมหิต เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจ ซึ่งขัดกับพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้สำหรับแผ่นดิน และผู้บริหารบ้านเมืองทั้งหลาย
ว่าต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง ต้องกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่จะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมืองได้
ดังนั้นใครก็ตามที่ไม่ส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองย่อมเป็นคนไม่ดี และถ้าถึงขนาดส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองด้วยแล้วก็อาจกล่าวได้ว่านั่นไม่เพียงแต่ไม่ดี แต่ถือได้ว่าเป็นคนเลวทราม เป็นศัตรูของแผ่นดินด้วยซ้ำไป
รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ออกแบบไว้อย่างพิลึกพิลั่นและวิปริตอย่างยิ่งดังที่ชาวไทยทั้งประเทศก็ได้เห็นปัญหาหนักหนาสาหัสที่เกิดขึ้นไม่เว้นวัน แต่เรื่องหนึ่งซึ่งมีความสำคัญต่อการเมืองการปกครองของประเทศก็คือการส่งเสริมลัทธิงูเห่าหรือสร้างลัทธิงูเห่าขึ้นในระบบการเมืองของประเทศ ต้องถือว่าเป็นอนันตริยกรรมของการร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ เพราะจะทำร้ายบ้านเมืองและประชาชนไปอีกนานจนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น
ในเรื่องนี้การออกแบบของรัฐธรรมนูญส่งผลให้ไม่มีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นบทบังคับให้ต้องพึ่งพาอาศัยพรรคการเมืองอื่นในการจัดตั้งรัฐบาลและในการบริหารราชการแผ่นดิน
แต่ที่หนักหนาสาหัสก็คือผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญนี้จะส่งผลให้พรรคการเมืองมีคะแนนเสียงข้างมากได้เพียงประมาณ 25% ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าจะต้องพึ่งพาอาศัยพรรคการเมืองอื่นพรรคเดียวหรือหลายพรรค เพื่อให้ได้จำนวนคะแนนเสียงถึงครึ่งหนึ่ง คือ 250 และยังต้องมีตัวบวกเพื่อให้รัฐบาลนั้นดำรงและดำเนินงานนั้นต่อไปได้อย่างน้อย 30 คน รวมความก็คือต้องพึ่งพาพรรคการเมืองอื่นในการอาศัยคะแนนเสียงเท่ากับหรือมากกว่าคะแนนเสียงที่พรรคที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลจะพึงมี
และที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นก็คือ ก่อให้เกิดพรรคการเมืองเล็กๆ น้อยๆ จำนวนมาก ซึ่งแม้มี สส. เพียงคนเดียวก็มีฤทธิ์มีเดชที่อาจทำให้รัฐบาลพังครืนได้อย่างง่ายดาย
ผลจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ สถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลล่าสุดปรากฏดังนี้คือ
หนึ่ง ขั้วพันธมิตรของพรรคเพื่อไทย รวม 7 พรรค มีคะแนนเสียงรวมกัน 245 เสียง
สอง ขั้วพันธมิตรของพรรคพลังประชารัฐ รวม 16 พรรคมีคะแนนเสียงรวมกัน 137 เสียง
สาม ขั้วที่สามซึ่งยังไม่ประกาศจุดยืนทางการเมือง 4 พรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคชาติไทยพัฒนา มีคะแนนเสียงรวมกัน 116 เสียง
ขณะนี้ขั้วของพันธมิตรพรรคเพื่อไทยนั้นรู้ตัวเองดีว่าคะแนนเสียงไม่พอที่จะจัดตั้งรัฐบาล และที่จะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะมีเสียง สว. อีก 250 เสียง ดังนั้นจึงได้ประกาศและขับเคลื่อนทางการเมืองที่จะเทเสียงสนับสนุนให้กับขั้วที่สาม ถึงขนาดพร้อมยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับขั้วที่สามด้วย และแสดงเจตนาที่จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองด้วย
แม้กระนั้นก็จะรวมคะแนนเสียงได้เพียง 361 เสียง หากจะเลือกนายกรัฐมนตรีได้ก็จะต้องอาศัยเสียงอื่นจำนวน 15 เสียง เพื่อให้มีจำนวน 376 เสียง ซึ่งจะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกนายกรัฐมนตรี
รวมความก็คือถ้าขั้วที่สามจะจัดตั้งรัฐบาล นอกจากได้รับการเทคะแนนเสียงจากพันธมิตรพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังจะต้องหางูเห่าอีก 15 เสียง หรือลดจำนวนการออกเสียงของ สว. หรือพรรคพลังประชารัฐประมาณ 15 เสียง แต่ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากถึง 366 เสียง และเป็นการยุติบทบาทของ คสช. ซึ่งย่อมส่งผลต่อโครงสร้างต่างๆ ที่มีการออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญ
ถ้าขั้วที่สามจะจัดตั้งรัฐบาลก็มีปัญหาว่าจะหางูเห่าจากไหนจำนวน 15 เสียง ซึ่งเป็นไปได้ทั้งจากขั้วพรรคพลังประชารัฐ หรือจาก สว.
ในอีกทางหนึ่ง ขั้วพันธมิตรของพรรคพลังประชารัฐจำนวน 137 เสียง ถ้าหากบวกกับขั้วที่สามทั้งหมดอีก 116 เสียง และบวกกับ สว.อีก 250 เสียง ก็จะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่ในการจัดตั้งรัฐบาลกลับมีคะแนนเสียงเพียง 253 เสียง ซึ่งไม่เพียงพอที่จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างมีเสถียรภาพ
เพราะจะต้องมีผู้ไปดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 คน และ สส.ฝ่ายรัฐบาลก็จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อีกมากมาย จะมีปัญหาในการนับองค์ประชุม ในการลงคะแนนเสียงในเรื่องต่างๆ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลคว่ำลงในเวลาไหนก็ได้ ที่สำคัญคือจะเกิดการเรียกร้องหรือค่ายกมือในแต่ละเรื่อง ในแต่ละวาระ แม้กระทั่งอาจมีข้อต่อรองเรียกร้องในการเข้าประชุมด้วยซ้ำไป
มีความเสี่ยงที่จะซ้ำรอยบทเรียนในอดีต ไม่ว่ายุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ดี ยุคจอมพลถนอม-ประภาส ก็ดี แต่เพราะผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญ จะทำให้ปัญหาวิกฤตินั้นวนเวียนซ้ำรอยจนกว่าจะหมดวาระ สว. ชุดปัจจุบัน
ดังนั้นถึงแม้ขั้วที่สามจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับขั้วพันธมิตรพรรคพลังประชารัฐ จำเป็นต้องหางูเห่าเพิ่มอย่างน้อย 30 เสียง ซึ่งจะต้องมีอามิสเป็นข้อแลกเปลี่ยนไม่ว่าตำแหน่งหรือทรัพย์สินเงินทองก็ตาม
ดังนั้นจึงทำให้การบริหารราชการแผ่นดินและระบบการเมืองของประเทศจมปลักอยู่กับงูเห่าและประเทศไทย ตลอดจนประชาชนไทยก็คงจะมีชะตากรรมไม่ต่างกับชาวนาเป็นแน่แท้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี