 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
							บัดนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีครบจำนวน 36 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้ว และเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วก็ถือว่าได้เข้ารับตำแหน่ง ณ วันเวลานั้น คือวันที่ 16 กรกฎาคม
เมื่อคณะรัฐมนตรีใหม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ณ บัดนั้น คณะรัฐมนตรีชุดประยุทธ์ 1 คสช. และมาตรา 44 เป็นอันสิ้นสุดลง และการบริหารราชการแผ่นดินย่อมเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติ
ดังนั้น สามัญญผลใดๆ หรือเหตุใดๆ ที่จะเกิดขึ้นอันเป็นผลจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงย่อมบังเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะเมื่อมีเหตุอย่างไรก็ย่อมให้ผลอย่างนั้น ออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาอย่างไรก็ต้องรับผลของรัฐธรรมนูญนี้อย่างนั้น ซึ่งต้องถือว่าเป็นชะตากรรมร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศไปจนกว่าจะสิ้นกรรมนั้น
รัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้มีลักษณะพิเศษสามประการ คือ เป็นรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ในพรรคแกนนำของรัฐบาลเองก็มีก๊กการเมืองต่างๆ หลายก๊กมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีเสียงปริ่มน้ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย คือเมื่อหักจำนวนประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่มีมารยาทในการวางตัวต้องเป็นกลางออกแล้ว คะแนนเสียงของพรรครัฐบาลจะมีมากกว่าฝ่ายค้านแค่ 1 เสียงเท่านั้น
ดังนั้นภารกิจหลักสำคัญประการหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาลคือต้องทำให้สมาชิกฝ่ายรัฐบาลเข้าประชุมครบเป็นองค์ประชุมอยู่เสมอ และต้องสามารถฝ่ามติต่างๆ ได้โดยราบรื่น โดยเฉพาะมติสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
หากการประชุมสภาต้องล่มหรือรัฐบาลพ่ายแพ้มติสำคัญในวันใด รัฐบาลก็ต้องลาออกหรือต้องยุบสภา เว้นแต่จะตั้งท่าหน้าด้านไม่คำนึงถึงประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น จึงประมาทในกิจการฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้แม้แต่น้อย
ส่วนในการบริหารราชการแผ่นดินนั้นขณะนี้มีหลายปัญหารุมเร้า ซึ่งในยุครัฐบาลที่ผ่านมามีพลังอำนาจที่สะกดไม่ให้ข่าวคราวความเดือดร้อนทั้งหลายแพร่หลายออกสู่สาธารณะ กระทั่งสามารถทำปฏิบัติการจิตวิทยาให้คนทั้งหลายพร้อมจะรอคอยว่าอีกไม่นานก็จะได้รับคืนความสุขแล้ว
มีกรณียกิจสำคัญที่สมควรนำมาวางเพื่อให้ได้รับทราบและพิจารณาร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามดังต่อไปนี้
เรื่องที่หนึ่ง คือการสร้างความเข้มแข็งในการประกอบสัมมาอาชีพให้กับราษฎรทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถยืนขึ้นประกอบสัมมาอาชีพได้บนลำแข้งลำขาของตนเอง แทนที่จะเอาแต่ลดแลกแจกแถมหรือให้ทานเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งผลแท้จริงก็คือการทำให้ประชาชาติไทยอ่อนแอ เปลี่ยนสภาพจากผู้ผลิตเป็นผู้รอคอยหรือขอทาน
เรื่องที่สอง คือการเปลี่ยนแปลงการปิดกั้นประเทศไทยจากประเทศแลนด์ลิ้งค์และโอเชี่ยนลิ้งค์ ให้กลายเป็นประเทศแลนด์ล็อกคือติดต่อกับใครไม่ได้เพราะไม่เชื่อมต่อกับใคร นอกจากญี่ปุ่นและสหรัฐ ซึ่งเป็นวิเทโศบายที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง อันอาจนำประเทศชาติเข้าสู่ชะตากรรมเดียวกันกับอิรักและลิเบีย ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องทำการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ไม่ว่าทางลุ่มแม่น้ำโขง ทางด้านมหาสมุทรอินเดียและทางอ่าวไทยไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
คนไทยย่อมเข้าใจได้ว่าวาทกรรมที่ว่าประเทศไทยจะเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อนั้น แท้จริงแล้วคือการไม่เชื่อมต่อกับใคร นอกจากการติดต่อทางอากาศผ่านสนามบินต่างๆ หรือนัยหนึ่งก็คือการประกาศตนเป็นประเทศแลนด์ล็อกนั่นเอง
เรื่องที่สาม คือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของราษฎรทั่วประเทศอย่างน้อยที่สุดสามเรื่องให้ได้ผลโดยเร็ว นั่นคือ หนึ่ง การยกเลิกการใช้สารพิษที่ล้างผลาญชีวิตคนไทยให้เจ็บตายลงเป็นเบือในทันที สองการปลดล็อกกัญชา ด้วยการแก้ไขกฎหมายยาเสพติด ให้การปลูก การใช้ และการจำหน่ายกัญชา กัญชง และกระท่อม เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายยาเสพติดนั้น และสามคือลดราคาพลังงานลง ให้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ปิดฉากการขูดรีดคนไทยทั้งประเทศ
เรื่องที่สี่ คือการแก้ไขปัญหาการโกงชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ลุกลามไปทุกหย่อมหญ้า โดยการปรับปรุงมาตรการและใช้วิธีการในการแจ้งทรัพย์สิน โดยถือเอารายได้ในการเสียภาษีเป็นหลัก หากมีทรัพย์สินมากเกินรายได้ให้ถือว่าร่ำรวยผิดปกติ ต้องชี้แจงที่มาและต้องเสียภาษีให้ครบ มิฉะนั้นให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ให้พ้นจากตำแหน่งและดำเนินคดีอาญาด้วย
เรื่องที่ห้า คือประเทศไทยไม่ได้มีแค่ EEC สามจังหวัดซึ่งเป็นจุดอับอยู่ในภาคตะวันออก แต่ยังมีพื้นที่ตามแนวชายแดนหลายจังหวัดทั่วประเทศที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือเขตการค้าชายแดน เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุกพื้นที่ชายแดน ให้ประสานกับความเจริญของเมืองหลวงและเมืองใหญ่ และเพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
เป็นความไร้เดียงสาอย่างยิ่งที่จะนำทรัพยากรส่วนใหญ่ของประเทศไปทุ่มเทลงในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพียงไม่กี่จังหวัด ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงคือเจ้าสัวนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่งเท่านั้น ทรัพยากรของชาติจะต้องเผื่อแผ่ไปยังประชาชาติไทยทุกภูมิภาค โดยเฉพาะตามแนวชายแดนทั่วประเทศ เพราะถ้าเมื่อใดพื้นที่ชายแดนเจริญรุ่งเรือง เชื่อมโยงกับเมืองใหญ่และเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว นั่นก็คือความเจริญรุ่งเรืองของประเทศที่แท้จริง
เรื่องที่หก คือการสร้างความสามัคคีภายในชาติ ซึ่งขณะนี้แตกแยกระส่ำระสาย คนไทยถูกปลุกปั่นโดยหน่วยปฏิบัติการทางจิตวิทยาหลายพวกหลายเหล่าปั่นหัวให้ทะเลาะ ถึงขนาดยินดีให้ฆ่าฟันกัน เป็นการทำให้คนไทยเหมือนจิ้งหรีดที่กัดกันจนตัวตาย เพียงเพื่อสนองความต้องการของนักปั่นเท่านั้น จะต้องน้อมนำเอาพระคาถาอันจารจารึกไว้ในตราแผ่นดินมาปฏิบัติให้เป็นผลจริงว่า สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา หรือความหมายว่าการใหญ่ของแผ่นดินจักสำเร็จได้ด้วยความสามัคคี เพราะถ้าสร้างความสามัคคีในชาติไม่ได้ อนาคตที่จะสิ้นชาติก็คงไม่ไกล
เรื่องที่เจ็ด คือการทำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของต่างชาติบางประเทศหรือเจ้าสัวบางกลุ่ม โดยที่ไม่เห็นหัวประชาชน เพราะนั่นคือสาเหตุของความสิ้นชาติ
บทเรียนการล่มสลายของประเทศจีนยุคพรรคก๊กมินตั๋ง ที่เป็นทั้งพรรคการเมืองและรัฐบาลของสี่ตระกูล ที่ยึดครองทั้งอำนาจทหารและเศรษฐกิจ คือตระกูลเจียง ซ่ง ค่ง เฉิน และทำให้ประเทศจีนอ่อนแอยากจน ทำให้คนจีนอดอยาก แร้นแค้น น้ำท่วมก็ตาย อากาศหนาวก็ตาย อาหารไม่พอกินก็ตาย และปล้นฆ่ากันตายจำนวนมาก จนกระทั่งสิ้นชาติ เป็นบทเรียนที่จะต้องตระหนักให้จงดี อย่าให้เหตุการณ์แบบนั้นบังเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นอันขาด
เรื่องที่แปด คือเรื่องยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องยืนอยู่กับรูปธรรมที่เป็นมรรคผลที่แท้จริงแก่ประเทศชาติและประชาชน โดยสอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจุบันสมัย โดยเฉพาะคือการสร้างและฟื้นฟูชาติให้เป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรมตามพื้นฐานอันล้ำเลิศของประเทศไทย และการสร้างและฟื้นฟูชาติให้เป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งเป็นความล้ำเลิศอีกประการหนึ่งของประเทศไทยที่มีความเหนือกว่าประเทศใดๆ ในโลก
และนี่ก็คือยุทธศาสตร์พระราชทานในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เห็นประจักษ์มาแล้วและยังมีความถูกต้อง มีความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพของประเทศไทยในปัจจุบันนี้อย่างยิ่ง
ประเทศไทยจะยืนอยู่ได้ไม่ใช่ด้วยความแตกแยก แตกสามัคคี หรือการทะเลาะเบาะแว้ง แต่จะยืนอยู่ได้เพราะความสามัคคีในชาติ เพราะสันติภาพในประเทศ และการพัฒนาประเทศที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม
เหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลประยุทธ์ 2 พึงพิจารณาโดยแยบคาย โดยยึดถือเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้สมดังคำปฏิญาณที่จะได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ

 'ผู้เลี้ยงไก่ไข่'วอนรัฐ เร่งพยุงราคาหน้าฟาร์มด่วน เหตุราคาดิ่งแตะต้นทุน
										'ผู้เลี้ยงไก่ไข่'วอนรัฐ เร่งพยุงราคาหน้าฟาร์มด่วน เหตุราคาดิ่งแตะต้นทุน
									 'ไอติม' หนุนใช้บัตรเลือกตั้ง กาเบอร์เดียว ใส่ชื่อผู้สมัคร-พรรค-โลโก้ ป้องกันความสับสน
										'ไอติม' หนุนใช้บัตรเลือกตั้ง กาเบอร์เดียว ใส่ชื่อผู้สมัคร-พรรค-โลโก้ ป้องกันความสับสน
									 'วีระ'นำมวลชนลุยฝ่า จนท.เข้าพื้นที่บ้านหนองจาน ก่อนเดินกลับ เผยทหารกัมพูชามีสไนเปอร์
										'วีระ'นำมวลชนลุยฝ่า จนท.เข้าพื้นที่บ้านหนองจาน ก่อนเดินกลับ เผยทหารกัมพูชามีสไนเปอร์
									 นายกฯเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ พร้อมสานต่อความร่วมมือทวิภาคี
										นายกฯเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ พร้อมสานต่อความร่วมมือทวิภาคี
									 'อนุทิน'ชื่นมื่น โพสต์ภาพยืนเคียงผู้นำหลายประเทศในเวทีเอเปค
										'อนุทิน'ชื่นมื่น โพสต์ภาพยืนเคียงผู้นำหลายประเทศในเวทีเอเปค
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี