อุดมการณ์รัฐชาติไทย (State Ideology) ประกอบด้วย
l สถาบัน ชาติ
l สถาบัน ศาสน์
l สถาบัน กษัตริย์
l หลักนิติ (นิติรัฐ และนิติธรรม)
โดยในส่วนของสถาบัน “ชาติ” องค์ประกอบได้แก่
l อาณาเขตแผ่นดิน อธิปไตย
l ผู้คน
l ทรัพยากรธรรมชาติ และธรรมชาติแวดล้อม
l ขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อถือทัศนคติ ทักษะ และค่านิยม และภาษา (กลาง และอื่นๆ)
l ระบบโครงสร้างและการบริหารจัดการบ้านเมือง
ชาตินั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย และความต่างก็ต้องดำรงอยู่ด้วยความสามัคคีและการเห็นแก่ส่วนรวม (ที่กล่าวมานี้ เป็นความเข้าใจและความเห็นส่วนตัว ก็พร้อมที่จะรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้อ่านเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้แน่ชัด ถูกต้องยิ่งขึ้น)
ปัญหาของสังคมไทยนี้มากหลาย แต่ปัญหาหนึ่งซึ่งกระทบต่อความเป็น “ชาติ” ไทยก็คือ เรื่องภาษาไทย
ผมก็ขออนุญาตถือโอกาสนี้ยกเอาคำเขียนส่วนหนึ่งของคุณพ่อผม (พลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ ร.น.ศิลปินแห่งชาติ) ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือ ปกิณกะคดี หมายเลข 13 ว่าด้วย โคลงสี่สุภาพ สถาปัตยกรรมไทยโดย น.อ.สมภพ ภิรมย์ ร.น. ความว่า
“การเรียนสมัยก่อนนั้น ถือภาษาไทยเป็นภาษาของชาติ เอกลักษณ์ของชาติเป็นสำคัญที่สุด ข้าพเจ้าสอบ ม.8 ได้ก็เพราะท่านครู ปูชนียบุคคลทุกท่าน ขอกราบแทบเท้าไว้ ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าสำนึกได้ว่าข้าพเจ้าเขียนหนังสือไทยได้ เพราะท่านครูภาษาไทยท่านอบรมสั่งสอน พระคุณเป็นที่สุด จำได้แม่นยำว่า สมัยเป็นนักเรียน ม.8 จะต้องท่องหนังสือเวสสันดรชาดก ตอนใดตอนหนึ่งเรียกว่า ท่อง “อาขยาน” แปลว่า บทท่องจำ ข้าพเจ้าต้องท่องกัณฑ์กุมาร ตอนตาตะพ่อเอ๋ย พ่อชาลีศรีสุริยงศ์เยาวเรศ พ่อเป็นมงกุฎเกศ... ผู้ที่สอบอาขยานข้าพเจ้าคือ ท่านอาจารย์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล จำได้แม่นว่า พอเปิดบังตาเข้าไป อ่านให้ท่านฟัง กลัวท่าน ท่านนั่งสง่าภานท่านนั่งสง่าภาคภูมิ ข้าพเจ้าเหงื่อชุ่ม ขาสั่น และก็อ่านได้ดี จึงสอบมัธยมแปดได้เมื่อ พ.ศ. 2479 แล้วก็สอบเข้าจุฬาฯ ได้ด้วย”
ณ วันนี้ ภาษาไทยถูกใช้อย่างวิบัติ มีการใช้ทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษกันอย่างกว้างขวาง แต่ความหมายกลับดูเพี้ยนผิดความหมายที่แท้จริงไป เพราะไม่ได้มีการบัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยไว้เป็นมาตรฐาน ถือเป็นการปล่อยปละละเลยอย่างยิ่ง
การพูดจา การร้องรำทำเพลง ในปัจจุบัน ก็คิดแต่งกันขึ้นมาตามอำเภอใจ ขาดความไพเราะ ขาดความสละสลวย ข้างๆ คูๆ แกนๆ กันไป ใส่ศัพท์แสงอะไรก็ได้เพื่อสะท้อนความในใจ แล้วยัดให้เข้าไปในทำนองเพลง
เรื่องการจะใช้ภาษาได้ดี หรือไม่ดี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญ แต่ยังมีอีกประเด็นที่น่าวิตกก็คือ เมื่อเยาวชนไทยไม่รู้ภาษาไทยกันเท่าที่ควร (ตามมาตรฐานสอบ ม.ปลาย ดังอดีต) ก็สะท้อนว่าเยาวชนจะไม่รู้จักนิยาย นิทาน วรรณคดี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร้อยกรอง ร้อยแก้ว ที่สะท้อนวิถีชีวิตความเชื่อถือ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยหรือนัยหนึ่งคือไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยจากหนังสือ
เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้ความเป็นคนไทยตกหล่น บกพร่อง เป็นคนไทยโดยไม่สมบูรณ์เนื่องจากไม่รู้ภาษาไทย ทำให้เสียโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่สะท้อนอยู่ในภาษา ความเป็นชนชาติขาดๆ เกินๆ เมื่อเป็นคนชาติไทยไม่สมบูรณ์แล้ว ความเป็นชาติไทยเล่า ก็ต้องไม่สมบูรณ์อย่างแน่นอน
แล้วเราจะท่องจำเรื่องอุดมการณ์ชาติกันไปทำไมในเมื่อผู้ท่องจะรู้เพียงแค่คำ หากแต่ไม่รู้ความหมายไม่เข้าใจความหมาย ไม่ซาบซึ้ง และฉะนั้นก็จะไม่สามารถปฏิบัติความเป็นคนชาติได้อย่างจริงจังและแท้จริง
ประเด็นปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขกันหรือไม่ ก็คงต้องถามตัวเรากันเอง
หากคำตอบคือ ใช่ เราจะแก้ไข แล้วใครบ้างที่มีหน้าที่รับผิดชอบ?
เราก็มีราชบัณฑิตยสภา มีกระทรวงศึกษาธิการมีกระทรวงวัฒนธรรม มีสมาคมพัฒนาครูไทย มีวงการสื่อ โดยเฉพาะเจ้าของ ผู้อำนวยการ บรรณาธิการ วงการบันเทิงทั้งหลาย (เจ้าของ) และผู้ให้เงินโฆษณา (บริษัท ห้างร้าน รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานราชการ องค์กรภาคประชาสังคม) ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นกลไกสำคัญทางด้านภาษาที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคม และความเป็นชาติ “ไทย”
หากคิดจะกู้ชาติ กู้ความเป็นพลเมืองไทยแล้วต้องไม่ลืมที่จะกู้ความรู้ความเข้าใจภาษาไทยกันก่อน ก็ขอเริ่มรณรงค์ “เอาภาษาไทย” คืนมา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี