วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจไทยว่าตนเองไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ต้องไปถามคนที่รับผิดชอบ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็หมายถึงต้องไปถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ก็น่าคิดว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 มาร่วมห้าปีก็น่าจะมีน้ำใจไมตรีช่วยอธิบายสภาพการณ์ทั้งหลายเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศให้ชาวบ้านได้ชื่นใจเสียหน่อย
เพราะแม้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ก็จริงอยู่ แต่รัฐบาลประยุทธ์ 2 เพิ่งเข้าบริหารราชการแผ่นดินยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำไป แม้กระทั่งกฎหมายงบประมาณ 2563 ก็ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา แล้วจะให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา รับผิดชอบหรือชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศก็ออกจะไม่เป็นธรรมกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่าใดนัก
ความจริงหนึ่งซึ่งคนไทยได้รู้เห็นกันทั้งประเทศก็คือ ตลอดระยะเวลาห้าปีเศษที่ผ่านมาการบริหารและทิศทางบริหารและการดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในมือและอยู่ในอำนาจของทีมเศรษฐกิจโดยเด็ดขาด อย่างมากนายกรัฐมนตรีก็แค่ได้รับเชิญไปนั่งรับฟังเรื่องราวหัวโต๊ะเท่านั้น ในขณะที่ทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนแวดวงอยู่กับทีมเศรษฐกิจทั้งสิ้น
และผลพวงจากการนั้นในรอบระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาไม่ว่าหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น การก่อหนี้สินครัวเรือนของภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้น การจัดทำโครงการทั้งหลายสารพัดที่ถูกจับตามองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าสัว ในขณะที่ประชาชนถูกทอดทิ้ง หรือนโยบายประชานิยมทั้งหลายที่ถือเอาการลดแลกแจกแถมหรือการชักชวนให้ผู้คนไปเที่ยวเตร่ล้วนเป็นผลงานของทีมเศรษฐกิจทั้งหมด ที่สามารถอธิบายสถานการณ์เศรษฐกิจให้ประชาชนได้ทราบและเข้าใจได้ดีกว่าคนอื่น
ดังนั้นถึงวันนี้แม้มีการจัดตั้งรัฐบาลประยุทธ์ 2 แล้ว แต่เมื่อทีมเศรษฐกิจเดิมไม่ชี้แจงไม่อธิบายสถานการณ์ก็ย่อมเป็นภาระของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่จะต้องชี้แจงเอง
แต่ต้องเข้าใจและเห็นใจด้วยว่าการที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องมาทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองนั้นก็เป็นผลิตผลทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคการเมืองต่างๆ ต้องเจรจาต่อรองเพื่อครองกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจชนิดที่ไม่ยอมลดราวาศอกแก่กัน
จึงทำให้การจัดสรรกระทรวงแก่พรรคการเมืองต่างๆ ต้องกระจัดกระจาย กระทรวงเศรษฐกิจถูกแยกส่วนกระจายไปตามพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งต่างก็ได้เสนอนโยบายในการเลือกตั้งไว้เป็นการเฉพาะ ทั้งยังมีระดับรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจนั้นเองด้วย
ดังนั้นแม้ในระยะเริ่มตั้งรัฐบาลจะมีการแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ทีมเศรษฐกิจเดิมดูแลกระทรวงเศรษฐกิจต่อไปตามเดิมแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดข้องอยู่ด้วยพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่างก็มุ่งหมายบริหารกระทรวงเศรษฐกิจไม่มากก็น้อยตามกำลังทางการเมืองของตน
ในสภาพเช่นนั้นจึงไม่สามารถมอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจเดิมรับผิดชอบบริหารเศรษฐกิจเหมือนดังเดิมได้ เพราะต้องกระจายการบริหารไปยังพรรค
การเมืองต่างๆ ดังนั้นเมื่อทีมเศรษฐกิจเดิมไม่สามารถกุมการบริหารเศรษฐกิจได้ทั้งหมด ทางออกที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง
แต่ก็ต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่าการทั้งหลายเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลักคือเงินและพลังงานซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของทีมเศรษฐกิจเดิม ดังนั้นแม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ผู้ที่กุมความเป็นความตายหรือกุมหัวใจในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศก็ยังอยู่ที่ทีมเศรษฐกิจเดิมนั่นเอง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็จริง แต่ความเป็นจริงก็คงเป็นแต่ในนามเท่านั้น เพราะ คสช. เดิมที่ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมีจำนวนน้อยลงและรับภาระในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้นทิศทางหลักในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ แม้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนั่งหัวโต๊ะ แต่คนที่กุมหัวใจแท้จริงก็คือทีมเศรษฐกิจเดิม
แต่สภาพที่กระทรวงด้านเศรษฐกิจกระจายไปอยู่ในความรับผิดชอบของหลายพรรคการเมืองที่ต่างก็มี
นโยบายและหาเสียงไว้เป็นการเฉพาะ จึงเป็นการยากที่จะทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประเทศเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และมีอานุภาพได้
สภาพความสับสนและยักตื้นติดกึกยักลึกติดกักจึงมีปรากฏให้เห็นเป็นการทั่วไป
สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในยุครัฐบาลเปรม 1 ซึ่งพรรคกิจสังคมครองกระทรวงเศรษฐกิจเกือบทั้งหมด โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้ครองกระทรวงเศรษฐกิจบ้างกระจัดกระจายกันไป ทำให้เกิดสภาพยักแย่ยักยันในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่กำลังคุกคามประเทศไทยอย่างหนัก
แต่ทว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้นท่านเป็นวีรชน ทำการใดมิได้ถือเอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งดังนั้นจึงได้ใช้โอกาสที่นักการเมืองทุจริตโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง กวาดล้างนักการเมืองเหล่านั้นออกจากตำแหน่งอย่างเลือดเย็น แล้วนำคนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นกำลังในการบริหารบ้านเมือง ประเทศชาติจึงมั่นคง ประชาชนจึงมั่งคั่งดังนี้

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี