นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจไทยว่าตนเองไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ต้องไปถามคนที่รับผิดชอบ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็หมายถึงต้องไปถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ก็น่าคิดว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 1 มาร่วมห้าปีก็น่าจะมีน้ำใจไมตรีช่วยอธิบายสภาพการณ์ทั้งหลายเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศให้ชาวบ้านได้ชื่นใจเสียหน่อย
เพราะแม้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาลประยุทธ์ 2 ก็จริงอยู่ แต่รัฐบาลประยุทธ์ 2 เพิ่งเข้าบริหารราชการแผ่นดินยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำไป แม้กระทั่งกฎหมายงบประมาณ 2563 ก็ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา แล้วจะให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา รับผิดชอบหรือชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศก็ออกจะไม่เป็นธรรมกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่าใดนัก
ความจริงหนึ่งซึ่งคนไทยได้รู้เห็นกันทั้งประเทศก็คือ ตลอดระยะเวลาห้าปีเศษที่ผ่านมาการบริหารและทิศทางบริหารและการดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในมือและอยู่ในอำนาจของทีมเศรษฐกิจโดยเด็ดขาด อย่างมากนายกรัฐมนตรีก็แค่ได้รับเชิญไปนั่งรับฟังเรื่องราวหัวโต๊ะเท่านั้น ในขณะที่ทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนแวดวงอยู่กับทีมเศรษฐกิจทั้งสิ้น
และผลพวงจากการนั้นในรอบระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาไม่ว่าหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น การก่อหนี้สินครัวเรือนของภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้น การจัดทำโครงการทั้งหลายสารพัดที่ถูกจับตามองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าสัว ในขณะที่ประชาชนถูกทอดทิ้ง หรือนโยบายประชานิยมทั้งหลายที่ถือเอาการลดแลกแจกแถมหรือการชักชวนให้ผู้คนไปเที่ยวเตร่ล้วนเป็นผลงานของทีมเศรษฐกิจทั้งหมด ที่สามารถอธิบายสถานการณ์เศรษฐกิจให้ประชาชนได้ทราบและเข้าใจได้ดีกว่าคนอื่น
ดังนั้นถึงวันนี้แม้มีการจัดตั้งรัฐบาลประยุทธ์ 2 แล้ว แต่เมื่อทีมเศรษฐกิจเดิมไม่ชี้แจงไม่อธิบายสถานการณ์ก็ย่อมเป็นภาระของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่จะต้องชี้แจงเอง
แต่ต้องเข้าใจและเห็นใจด้วยว่าการที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องมาทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองนั้นก็เป็นผลิตผลทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคการเมืองต่างๆ ต้องเจรจาต่อรองเพื่อครองกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจชนิดที่ไม่ยอมลดราวาศอกแก่กัน
จึงทำให้การจัดสรรกระทรวงแก่พรรคการเมืองต่างๆ ต้องกระจัดกระจาย กระทรวงเศรษฐกิจถูกแยกส่วนกระจายไปตามพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งต่างก็ได้เสนอนโยบายในการเลือกตั้งไว้เป็นการเฉพาะ ทั้งยังมีระดับรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจนั้นเองด้วย
ดังนั้นแม้ในระยะเริ่มตั้งรัฐบาลจะมีการแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ทีมเศรษฐกิจเดิมดูแลกระทรวงเศรษฐกิจต่อไปตามเดิมแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดข้องอยู่ด้วยพรรคร่วมรัฐบาลที่ต่างก็มุ่งหมายบริหารกระทรวงเศรษฐกิจไม่มากก็น้อยตามกำลังทางการเมืองของตน
ในสภาพเช่นนั้นจึงไม่สามารถมอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจเดิมรับผิดชอบบริหารเศรษฐกิจเหมือนดังเดิมได้ เพราะต้องกระจายการบริหารไปยังพรรค
การเมืองต่างๆ ดังนั้นเมื่อทีมเศรษฐกิจเดิมไม่สามารถกุมการบริหารเศรษฐกิจได้ทั้งหมด ทางออกที่ดีที่สุดจึงเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง
แต่ก็ต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่าการทั้งหลายเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลักคือเงินและพลังงานซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของทีมเศรษฐกิจเดิม ดังนั้นแม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ผู้ที่กุมความเป็นความตายหรือกุมหัวใจในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศก็ยังอยู่ที่ทีมเศรษฐกิจเดิมนั่นเอง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็จริง แต่ความเป็นจริงก็คงเป็นแต่ในนามเท่านั้น เพราะ คสช. เดิมที่ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมีจำนวนน้อยลงและรับภาระในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้นทิศทางหลักในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ แม้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะนั่งหัวโต๊ะ แต่คนที่กุมหัวใจแท้จริงก็คือทีมเศรษฐกิจเดิม
แต่สภาพที่กระทรวงด้านเศรษฐกิจกระจายไปอยู่ในความรับผิดชอบของหลายพรรคการเมืองที่ต่างก็มี
นโยบายและหาเสียงไว้เป็นการเฉพาะ จึงเป็นการยากที่จะทำให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของประเทศเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และมีอานุภาพได้
สภาพความสับสนและยักตื้นติดกึกยักลึกติดกักจึงมีปรากฏให้เห็นเป็นการทั่วไป
สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในยุครัฐบาลเปรม 1 ซึ่งพรรคกิจสังคมครองกระทรวงเศรษฐกิจเกือบทั้งหมด โดยพรรคร่วมรัฐบาลได้ครองกระทรวงเศรษฐกิจบ้างกระจัดกระจายกันไป ทำให้เกิดสภาพยักแย่ยักยันในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่กำลังคุกคามประเทศไทยอย่างหนัก
แต่ทว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้นท่านเป็นวีรชน ทำการใดมิได้ถือเอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งดังนั้นจึงได้ใช้โอกาสที่นักการเมืองทุจริตโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง กวาดล้างนักการเมืองเหล่านั้นออกจากตำแหน่งอย่างเลือดเย็น แล้วนำคนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นกำลังในการบริหารบ้านเมือง ประเทศชาติจึงมั่นคง ประชาชนจึงมั่งคั่งดังนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี