ก็เป็นหัวข้อที่ใช้ในการสัมมนาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เดอะฮอลล์ บางกอก โดยเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตเครือข่ายปกป้องเด็กและเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สนับสนุนโดยกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในโอกาสวันเยาวชนแห่งชาติ ชูแนวคิด “เปลี่ยนแว้นเป็นว้าว” พร้อมเสวนา “มองเด็กแว้นอย่างเข้าใจ...แก้ปัญหาอย่างไรให้ยั่งยืน”
นายอนุกูล ปีดแก้ว รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนรักษาการอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่าปัจจุบันภาครัฐ ตำรวจ ฝ่ายปกครองได้เอาจริงเอาจังกับปัญหานี้อย่างมาก มีการจับกุมดำเนินคดีกันอย่างกว้างขวางโดยใช้ กฎหมายคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 22/2558 และ 46/2559 เป็นเครื่องมือ แต่อย่างไรก็ตาม ความรับผิดชอบของพ่อแม่ ผู้ปกครองก็เป็นเรื่องสำคัญ การที่ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำการดังกล่าว พ่อแม่ผู้ปกครองก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กพ.ศ.2546 ด้วย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการทำทัณฑ์บน วางเงินประกัน กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิด การติดตามเพื่อป้องกันการทำผิดซ้ำ ซึ่งจะทำให้ชีวิตไม่เหมือนเดิมแน่นอน จึงอยากบอกถึงพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจข้อกฎหมายตรงนี้ด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.ตชด.คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการแข่งรถ กล่าวว่า นับเป็นความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ชัยจินดา ผบ.ตร.กำชับให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับปัญหาเด็กแว้น ซึ่งหากมีการละเลยในการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีบทลงโทษ ทั้งนี้ การดำเนินงานทางตำรวจจะมีมาตรการก่อนและหลังเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุคือจะมีการสืบหาข้อมูลของกลุ่มเด็กแว้น ว่าจะมีการแข่งขันที่ไหนเวลาใดจะมีการเก็บหลักฐานที่มีทั้งภาพถ่าย วีดีโอไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิด ส่วนมาตรการหลังเกิดเหตุ ในส่วนของผู้ปกครองจะเริ่มที่การตักเตือน ภาคทัณฑ์ ดำเนินคดี หลังจากที่มีคำสั่งของ คสช.ออกมาแล้ว ทำให้ปัญหาของเด็กแว้นลดลงจากเดิมถึง 70-80% ปัจจุบันมีผู้ปกครองที่ถูกดำเนินคดีแล้ว 13 ราย และ ทาง สตช.ได้กำหนดเงินรางวัล 3,000 บาท สำหรับผู้แจ้งเบาะแสเด็กแว้น รวมไปถึงบรรดาแอดมินเพจ โดยสามารถแจ้งทางโชเชียลมีเดีย ตร.สายด่วน 1599, 191
นางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้อำนวยการประสานกำกับติดตามผลการดำเนินงาน คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่22/2558 กล่าวว่า ผลของการดำเนินงาน
โดยภาพรวมตั้งแต่มีคำสั่ง หน.คสช. ฉบับนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถดำเนินการกับผู้ที่ยังไม่ได้มีการแข่งรถได้ เพียงมีพฤติการณ์ที่ร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมนำไปสู่การแข่งรถ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายจราจรทางบก ก็ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าระงับ ยับยั้ง เพื่อป้องกันมิให้มีการแข่งรถ ถึงขั้น นำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ต้องสงสัยว่าจะใช้ในการแข่งรถ มาเก็บรักษาไว้ชั่วคราวจนกว่าจะปรับพฤติการณ์ ซึ่งเดิมกฎหมายปกติไม่สามารถทำได้
ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เยาวชนที่เคยมีประสบการณ์ตรงในการใช้ชีวิตเด็กแว้น กล่าวว่า ช่วงที่เรียนอยู่ม.1 อายุ 13 ปีเกเรมาก ไม่อยากเรียน และติดเพื่อน ชอบนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปกับกลุ่มเพื่อน และชื่นชอบการแต่งรถ กระทั่งขึ้น ม.2 พ่อไว้ใจให้ขับมอเตอร์ไซค์ไปเรียนเอง ก็ยิ่งท้าทาย ได้รู้จักกลุ่มเด็กแว้น จากกลุ่มเล็กๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น และจะนัดรวมกันมาแว้นประจำ แถวเส้นพระราม 2 มหาชัย ถนนอักษะ ตกดึกก็ปิดถนน ไม่กลัวตำรวจ แม้จะเคยโดนจับ และเคยเกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วน แผลเป็นเต็มตัวไปหมดก็ยังไม่เลิกแว้น“ตอนนั้นคึกคะนองมาก รู้แค่ว่ามันสนุก ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้เป็นตัวของตัวเอง เวลาแข่งก็จะบิดคันเร่งมิดไมล์ จะแว้นไปทุกที่ที่มีถนน จนชาวบ้านเบื่อหน่ายเพราะส่งเสียงดัง แต่เราก็ไม่ได้แคร์อะไรหลายคนต้องมาเจ็บตัว เช่น ฝ่าไฟแดงชนประสานงา กระทั่งอายุ 17 ก็เริ่มเห็นผลกระทบมากมาย ทำให้พ่อแม่เสียใจ เพราะโกหกและเคยขโมยเงิน พอสะสมได้ 4-5 พัน ก็เอาไปแต่งรถ สุดท้ายเรียนไม่จบต้องออกกลางคัน ย้อนกลับไปมองตัวเองในช่วงนั้นมันเสี่ยงกับความตายหรือบาดเจ็บพิการมากๆ ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นคนที่ต้องมานั่งดูแลเราก็คงไม่พ้นพ่อแม่ อยากฝากเตือนสติกลุ่มวัยรุ่นที่รักในการแข่งรถว่า ต้องไปแข่งในสนามที่เขาจัดไว้ให้อย่างถูกต้องและเซฟตี้ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพราะเมื่อพลาดมาทั้งตัวเรา คนรอบข้างหรือเพื่อร่วมทางก็มีแต่จะสูญเสีย”อดีตเด็กแว้น ระบุ
“ขอเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเปิดพื้นที่รับฟังเสียงของเด็กกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ว่าลึกๆ แล้วเขาต้องการอะไร การมีพื้นที่ปลอดภัยให้แลกเปลี่ยนบอกเล่าความรู้สึก แล้วค่อยๆ ชักชวนเขามาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและให้เขาได้เห็นคุณค่าในตัวเอง ลองมาดูการทำงานที่บ้านกาญจนาภิเษกก็ได้ครับ มีกระบวนการหลายอย่างที่นำไปปรับใช้ได้ ขนาดพวกผมที่ต้องโทษมาแล้วยังคิดได้เลย น้องๆที่ยังไปไม่ไกลขนาดพวกผม ก็คงจะพอเห็นทางออกได้ไม่ยาก” อดีตเด็กแว้น กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี