ขบวนการนิสิต นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองปรากฏในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นการปกครองที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” กล่าวคือ ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2500 ที่เรียกว่าการเลือกตั้งสกปรกเนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งนิสิต นักศึกษาจำนวนหนึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งถูกอันธพาลข่มขู่และมีการเปลี่ยนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งโดยฝ่ายรัฐบาลที่เรียกว่า พลร่ม ไพ่ไฟ
และบางหน่วยเลือกตั้งกรรมการซึ่งเป็นนิสิต นักศึกษา ถูกข่มขู่จนสุดท้ายเกิดการเดินขบวนต่อต้านขึ้นในที่สุดจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการปฏิวัติรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ครั้งที่สองเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 นิสิต นักศึกษา และประชาชนรวมตัวกันเดินขบวนขับไล่ จอมพลถนอม กิติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิติขจร ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกาศแต่งตั้งศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์จึงสงบลง
ต่อมาเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับนิสิต นักศึกษาเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เนื่องจากการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร ซึ่งเดินทางออกนอกประเทศเนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้เกิดทางกลับประเทศ ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศเกิดกลุ่มการเมืองขวาจัด ซึ่งฝ่ายที่รวมตัวกันเรียกว่ากลุ่มกระทิงแดง ซึ่งมีพันเอกสุดสาย หัสดิน เป็นหัวหน้าและมีนักศึกษาฝ่ายซ้ายและนักเรียนอาชีวะรวมกับกลุ่มนวพลทำการต่อต้านขบวนการนิสิต นักศึกษา และรัฐบาลในขณะนั้น โดยใช้วิทยุเสรีปลุกระดมลูกเสือชาวบ้านบางส่วนปะทะกับขบวนการนักศึกษาที่ชุมนุมอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกลุ่มนี้มีเป้าหมายทำลายศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาและล้มรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลขวาจัดขึ้น แต่เกิดการปฏิวัติโดยพลเรือเอกสงัดชลออยู่ พลเอกเสริม ณ นคร เสียก่อน
อย่างไรก็ดี เมื่อศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาร่วมกับแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติและสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ได้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่4 ตุลาคม 2516 กลุ่มขวาจัดซึ่งมีกำลังจากลูกเสือชาวบ้านซึ่งนำโดย พลตำรวจตรีเจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้เสนอให้รัฐบาลปราบปรามนักศึกษา ผลทำให้ในวันที่ 6 ตุลาคม 2516 กองกำลังตำรวจทำการระดมยิงเข้าไปในธรรมศาสตร์โดยอ้างว่าผู้ชุมนุมได้ยิงตำรวจตาย อย่างไรก็ดี ในวันที่ 6 ตุลาคม 2516 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินนำโดย พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ได้ทำการปฏิวัติและจัดตั้งรัฐบาลโดยให้ศาสตราจารย์ธานินทร์กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี นโยบายของศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรี คือต่อต้านคอมมิวนิสต์เป็นหลักจึงก่อให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองจึงเกิดการปฏิวัติโดยคณะนายทหารหนุ่มที่เรียกว่า “กลุ่มยังเติร์ก” ผลก็คือเกิดการปฏิวัติขึ้นอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 โดยมีรัฐบาลใหม่ที่มีพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์ระหว่าง 6 ตุลาคม 2519 เกิดจลาจลมีการยิงกันระหว่างนิสิตนักศึกษาและฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการจับนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก นิสิตนักศึกษาคนสำคัญที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่ขอนำชื่อมากล่าว ณ ที่นี่ ได้แก่ นายสุธรรม แสงประทุม นายประยูร อัครขจร นายวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ นายสุรชาติ บำรุงสุข นายมหินทร์ตันบุญเพิ่ม นายธงชัย วินิจจะกูล นายอารมณ์ พงศ์พงันนางสาวสุชีลา ตันชัยนันท์ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลนายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ นายก้องเกียรติ คงคานายธีรยุทธ บุญมี นายสมคาด สืบตระกูล นายพิเชียรอำนาจวรประเสริฐ นายพีระพล ตรีเกษม นายพินิจ จารุสมบัตินายบุญส่ง ชโลธร นายวิจิตร ศรีสังข์ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุลนายสมาน เลือดวงหัด (เลิศวงศ์รัฐ) นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์นายอนุช อาภาภิรม นายเหวง โตจิราการ นายวิรัชศักดิ์จิรภาพงษ์ ฯลฯ เป็นต้น
บุคคลที่กล่าวมาข้างต้นนี้หลายคนยังมีบทบาททางการเมืองในปัจจุบัน เช่น นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เป็นนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนคนอื่นๆ หลายคนที่หลังจากเหตุการณ์แล้วได้หลบหนีไปยังต่างประเทศและหลายคนได้กลับประเทศ ส่วนที่เหลือหลบหนีเข้าป่า และเมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ได้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมและสภานิติบัญญัติแห่งชาติและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยทำให้บรรดานิสิตนักศึกษาถูกจับ ที่อยู่ในป่า และต่างประเทศ ก็ได้รับนิรโทษกรรมทุกคน เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับประเทศไทยที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากันเองสูญเสียชีวิตจำนวนมากอันเนื่องจากความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี