แม้รัฐบาลชุดนี้ จะไม่มีนโยบายประเภทรับซื้อพืชผลการเกษตร (รับจำนำ) มาเก็บไว้ แล้วทุจริตกันแบบมหากาฬเหมือนรัฐบาลยุคประชาธิปไตยกินบ้านกินเมือง
แต่รัฐบาลนี้ มีนโยบาย “ประกันรายได้เกษตร”
ล่าสุด เงินเข้าบัญชีชาวสวนปาล์มประเดิมก่อนแล้ว
1. กรณีปาล์มน้ำมัน
เงินส่วนต่างงวดแรกโอนเข้าบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ถือเป็นครั้งแรกที่มีการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน
โดยประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่กิโลกรัมละ 4 บาท (คุณภาพมาตรฐานน้ำมัน 18%) โดยจ่ายเงินส่วนต่างทุก 45 วัน หรือ 8 ครั้งตลอดรอบการผลิตปี 2562/2563
เกษตรกรที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยตามพื้นที่ที่ปลูกจริง แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ไร่ และเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้วมีอายุไม่น้อยกว่า 3 ปี
ราคาตลาดอ้างอิงผลปาล์มทะลาย (คุณภาพน้ำมัน 18%) กิโลกรัมละ 2.68 บาท
เท่ากับว่า เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างกิโลกรัมละ1.32 บาท
ในรอบนี้ มีเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องได้รับเงินทั้งสิ้น 254,730 ราย เป็นเงิน 1,351 ล้านบาท
2. กรณีข้าวเปลือก
รัฐบาลประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกทั้งหมด 5 ชนิด
ข้าวเปลือกหอมมะลิ ประกันรายได้ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ประกันรายได้ตันละ 14,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน
ข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ตันละ 10,000 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
ข้าวเปลือกหอมปทุม ประกันรายได้ตันละ 11,000 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
และข้าวเปลือกเหนียว ประกันรายได้ตันละ 12,000 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
โดยเงินส่วนต่างงวดแรก จะโอนเข้าบัญชีวันที่ 15 ตุลาคม
สำหรับชาวนาที่ปลูกข้าวแล้วโดนน้ำท่วม โดยเฉพาะภาคอีสาน อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ฯลฯถ้าได้มาขึ้นทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังได้รับเงินส่วนต่าง
3. กรณียางพารา
ล่าสุด นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 เริ่มต้นตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2562จนถึง วันที่ 30 มีนาคม 2563 รวมเวลา 6 เดือน
โดยการจ่ายเงินส่วนต่างจากราคายางพารา จะจ่ายให้ 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง
งวดแรก ระหว่างเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน 2562 จะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
โครงการนี้ ประกันรายได้ของราคาขายยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม
น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม
และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23.00 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คำนวณผลผลิต 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน ให้รายละไม่เกิน 25 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 17,201,390.77 ไร่
สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ต้องขึ้นทะเบียน หรือแจ้งการปลูกกับ กยท. ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562
ประกอบด้วยเกษตรกรที่ถือบัตรสีเขียว ซึ่งพื้นที่มีเอกสารสิทธิและบัตรสีชมพู ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แบ่งเป็นเจ้าของสวน 1,412,017 ราย และคนกรีด 299,235 ราย งบประมาณรวม 24,278,626, 534 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางพารา ตามที่ กยท. เสนอ จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถจ่ายเงินตามโครงการได้ตามเวลาที่กำหนด
“โครงการประกันรายได้เป็นมาตรการระยะสั้น ที่ต้องเร่งทำเนื่องจากชาวสวนยางเดือดร้อนจากราคายางที่ตกต่ำ มากว่า 5 ปี ซึ่งจะทำควบคู่กับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ การลดพื้นที่ปลูกยาง รวมถึงการสร้างตลาดกลางยางพาราขึ้นในประเทศไทย เช่นเดียวกับตลาดกลางยางพาราในเซี่ยงไฮ้ของจีน ในสิงคโปร์ และญี่ปุ่น เนื่องจากไทย เป็นผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลก จึงควรกำหนดราคากลางตามกลไกตลาดที่แท้จริงได้ ไม่ให้ถูกบิดเบือนจากตลาดต่างประเทศ เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เท่ากับราคาที่ประกันรายได้ไว้จะหยุดโครงการประกันรายได้ทันที โดยเชื่อมั่นว่า มาตรการต่างๆ ที่ทำควบคู่กันจะทำให้ราคายางพารา มีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายเฉลิมชัยกล่าว
4. มาตรการประกันรายได้เช่นนี้ เป็นการช่วยเหลือที่มุ่งสร้างหลักประกันรายได้ขั้นต่ำแก่เกษตรกร
ไม่เข้าไปแทรกแซงตลาด
ไม่เข้าไปรับซื้อพืชผลมาเก็บไว้เอง ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนค่าเก็บ และเสี่ยงทุจริตเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
นับเป็นแนวทางดี
แต่รัฐบาลก็จะต้องเร่งดำเนินการในด้านการพัฒนาความสามารถในการผลิต การพัฒนาคุณภาพผลิตผล ลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ฯลฯ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี