ล่าสุด เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาทต่อเดือน ได้จ่ายเข้าบัญชีบรรดาแม่ๆ ที่เข้าโครงการไปแล้ว
โดยจะจ่ายทุกเดือนจนถึงอายุ 6 ขวบ มีเด็กได้อานิสงส์จากโครงการนี้ จำนวนกว่า 5.6 แสนราย
นี่คือโครงการเดิมที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาล คสช.
ยังไม่ใช่ “มารดาประชารัฐ” หรือ “เกิดปั๊บรับสิทธิเงินแสน”
1.รัฐบาล คสช. มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2562 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี และขยายฐานรายได้เฉลี่ยในครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
โดยอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กเดือนละ 600 บาท เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 เป็นต้นไป
หลักเกณฑ์ที่ขยายต่อมา ได้แก่
(1) ขยายเรื่องอายุเด็กจาก 3 ขวบ เพิ่มเป็น 6 ขวบ สำหรับเด็กที่เกิดเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป
(2) ปรับเพิ่มวงเงินจาก 400 บาท เพิ่มเป็น 600 บาทต่อเดือน
(3) ขยายสิทธิผู้ถือบัตรประกันสังคมร่วมโครงการได้
(4) ปรับเพิ่มคุณสมบัติเกณฑ์รายได้เฉลี่ยในครัวเรือนไม่เกิน 36,000 บาท ต่อคนต่อปี เป็นไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
(5) ขยายสิทธิการคุ้มครองผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กให้ยื่นขอรับสิทธิไม่จำเป็นต้องเป็นบิดาหรือมารดาและสามารถลงทะเบียนได้ตามที่เด็กอาศัยอยู่จริง ไม่จำเป็นต้องใช้ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
2. แฟนเพจ “โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด” ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ที่ยังสงสัยในเรื่องนี้ อาทิ
ใครได้รับบ้าง? เด็กเกิดหลัง 1 ตุลาคม 2558 (เกิดก่อนไม่ได้รับ)และต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น
เกณฑ์รายได้ของคนในครอบครัว? เฉลี่ยต่อคนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ขึ้นทะเบียนได้ที่ไหน? อบต./เทศบาล/สำนักงานเขต(ในกรุงเทพฯ) ทั้งนี้ ตามที่อาศัยอยู่ ไม่ใช่ตามทะเบียนบ้าน
พ่อแม่มีประกันสังคม สามารถขอรับสิทธิ์ได้หรือไม่? ได้
เคยลงทะเบียนแล้ว ต้องลงทะเบียนใหม่หรือไม่? เคยลงทะเบียน และเคยได้สิทธิ์แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
ใช้บัญชีธนาคารอะไรบ้าง? ธนาคารรัฐบาล 3 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยได้รับโอนก่อนหน้านี้ และใช้ธนาคารอื่น ยังใช้ได้อยู่
ลงทะเบียนเมื่อใด จึงจะได้รับเงินอุดหนุนในรอบเดือนตุลาคมนี้?ก่อน 25 กันยายน 2562 โดยมีการคีย์ข้อมูลลงระบบเรียบร้อยแล้ว
จะได้รับเงินย้อนหลังหรือไม่? เด็กที่ครบ 3 ขวบแล้ว และลงทะเบียนแล้วจะได้รับย้อนหลัง หากเกิด 1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2562 ได้ย้อนหลังจนถึงวันเกิดเด็ก
3.ขอย้ำอีกครั้ง เหมือนที่เคยย้ำมาโดยตลอดว่า โครงการอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดนี้ เป็นโครงการที่ดี
แม้จะเกิดขึ้นในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง (รัฐบาล คสช.)แต่ก็ควรสืบสาน ต่อยอดต่อไป
ถือให้เป็นผลงานโบแดงของรัฐบาล คสช.ก็ว่าได้ เพราะเริ่มต้นทำครั้งแรกในยุคนั้น
เป็นการส่งเสริมให้เด็กแรกเกิด อันเป็นช่วงวัยที่มีพัฒนาการสำคัญที่สุดของชีวิต ทั้งด้านสมอง ร่างกาย จิตวิญญาณ เพื่อหวังให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพจากครอบครัว มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย และยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของผู้มีรายได้น้อย ด้วยการมอบเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 400 บาทต่อเดือนระยะแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 600 บาทต่อเดือนในปัจจุบัน
โครงการช่วงแรก ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องไปจนเด็กอายุครบ 3 ขวบซึ่งล่าสุด ได้ขยายขอบเขตมากขึ้นดังกล่าว โดยเงินงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป ก็จะเข้าไปสู่ครอบครัวผู้ที่มีรายได้น้อยที่มีภาระต้องเลี้ยงดูเด็กเล็ก
การช่วยครอบครัวที่ยากจนก่อน ก็เพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ควรจะได้รับโอกาสขั้นต้นของชีวิตในการมีพัฒนาการที่เหมาะสม แม้จะเกิดในครอบครัวยากจนก็ไม่ควรจะเป็นอุปสรรค เพื่อชีวิตระยะต่อๆ ไป จะได้สามารถขวนขวาย เติบโต หาความรู้ ทำงาน สร้างอนาคตที่ดีแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติต่อไปได้
ผลได้ทางเศรษฐกิจที่ตามมา คือ การช่วยลดภาระของครอบครัวเด็กเติมกำลังซื้อเข้าไป เพราะเมื่อได้เงินเพิ่มมาอีกเป็นรายเดือน แม้จะไม่เพียงพอค่าเลี้ยงดูเด็กทั้งหมด แต่ก็ย่อมจะช่วยให้สามารถกันเงินรายได้ส่วนอื่นไปใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของครอบครัว กลายเป็นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อช่วยคนยากจน อัตราหมุนของเงินก็จะรวดเร็ว
4.น่าสนใจว่า รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของนุษย์ ชื่อ “จุติ ไกรฤกษ์” สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินหน้าโครงการไปสู่การเป็นสิทธิสวัสดิการพื้นฐานแก่คนทั่วไปอย่างไร เมื่อใด ตามนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย “มารดาประชารัฐ” ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศจะช่วยเหลือแบบถ้วนหน้า เด็กแรกเกิดทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ ไปจนถึงอายุ 6 ขวบ โดยระหว่างตั้งครรรภ์ จะช่วยเหลือเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน (รวมสูงสุด 27,000 บาท),ต่อมา เมื่อคลอด ก็จะได้รับเงินค่าคลอดบุตร 10,000 บาท(จ่ายครั้งเดียว) และเมื่อคลอดไปถึงอายุ 6 ขวบ จะได้รับค่าเลี้ยงดูบุตร 2,000 บาทต่อเดือน (รวมสูงสุด 144,000 บาท)
นอกจากเงินช่วยเหลือแล้ว พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายว่าจะดูแลด้านอื่นๆ ตามมาเพิ่มเติม เช่น ผู้ปกครองสามารถใช้สิทธิ์ลาป่วย โดยใช้ใบรับรองแพทย์ของลูกที่ป่วยได้, คุณพ่อสามารถลาไปช่วยเลี้ยงลูก ก่อนและหลังจากที่ภรรยาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 30 วัน โดยยังได้รับค่าจ้าง, จัดหาสถานที่รับเลี้ยงเด็กในที่ทำงาน หรือในชุมชนที่ได้มาตรฐาน, พัฒนาศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศ, ดูแลปัญหาขาดสารอาหารในเด็ก ฯลฯ
ขณะเดียวกัน นโยบาย “เกิดปั๊บ รับสิทธิเงินแสน” ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศชัดเจนว่า “เกิดปั๊บ รับสิทธิเงินแสน เบี้ยเด็กเข้มแข็ง 0-8 ปี 1,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเด็กตั้งแต่แรกเกิด”
โดยจะให้เงินช่วยเหลือคุณแม่เมื่อแรกคลอดทันที 5,000 บาท, จากนั้น “เบี้ยเด็กเข้มแข็ง” จะให้เงินช่วยเหลือเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 8 ขวบ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน (ต่อเนื่อง 8 ปี) ซึ่งคิดรวมแล้วจะได้เงินประมาณ 1 แสนบาทต่อคน
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังประกาศมาตรการยกระดับคุณภาพเด็กไทย อีกหลายเรื่อง เช่น ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วไทย, อาหารเช้า-กลางวันฟรี มีคุณภาพ ระดับชั้นอนุบาล ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3, เด็กทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ (ด้วย English for All),ปรับหลักสูตรเพื่อโลกอนาคต ตั้งแต่ระดับชั้นประถมที่เน้นการคิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำ, เรียนฟรีถึงปวส. จบแล้วมีงานทำ สนับสนุนเรียนฟรี ปวช. และ ปวส. ในอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน ทั้งสายช่างและสายพาณิชย์, การศึกษาตลอดชีวิต คูปองเพิ่มทักษะสำหรับผู้ใหญ่, คืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน, จัดตั้งกองทุน Smart Education เพื่อสนับสนุน Social Enterprise และ Startup ทางด้านการศึกษา, กระจายอำนาจจากกระทรวงสู่โรงเรียน ฯลฯ
รอดูว่าจะเริ่มดำเนินการจริงเมื่อใด? อย่างไร?
ขณะนี้ ก็ถือว่า “หยวนๆ” โดยดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล คสช. ของนายกฯ ลุงตู่ไปพลางๆ ก่อน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี