ลองนึกดู... เวลาที่เราไปซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ เราได้รับถุงพลาสติกใส่สินค้ากันกี่ถุง?
ทั้งแยกถุงระหว่างของกิน-ของใช้? ทั้งซ้อนถุงสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนัก?
ทั้งหมด ก็เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า-ผู้บริโภค
ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯมีการใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน ทำให้มีขยะพลาสติกมากถึง 80 ล้านใบต่อวัน
ผลที่ตามมา คือ เราได้ร่วมผลิตขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลแค่ไหน? สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน? เพิ่มภาระในการจัดการขยะที่ทำลายยากเหล่านี้แค่ไหน? แล้วเราจะจัดการลดปัญหานี้อย่างไร?
1. เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.สัญจร กาญจนบุรี) เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอใช้กลไกขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2563 จะลดและเลิกใช้ถุงพลาสติกที่ใช้กันทั่วไปอยู่ในทุกวันนี้แบบครั้งเดียวทิ้ง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า “ถุงก๊อบแก๊บ” เพื่อให้หันไปใช้ถุงกระดาษหรือถุงผ้า จากนั้นในวันที่ 1 ม.ค. 2564 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะขอให้ประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยการห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งด้วย
2. การดำเนินการเหล่านี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ
ปริมาณขยะถุงพลาสติกหูหิ้วลดลง 45,000 ล้านใบต่อปี
ส่งผลให้ปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัดลดลง 225,000 ตันต่อปี
หน่วยงานภาครัฐประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยได้ 340 ล้านบาทต่อปี
รวมทั้งประหยัดพื้นที่รองรับและกำจัดขยะมูลฝอยในการฝังกลบได้ประมาณ 616 ไร่
3. เรื่องนี้ น่าสนใจ น่าสนับสนุน น่าชื่นชม
และเมื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่ามีที่มา-ที่ไป ไม่ใช่อยู่ๆ ก็ประกาศห้ามเลย แต่จะมีมาตรการร่วมกันหลายภาคส่วน
3.1 กลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
เป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single – Use Plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 โดยหลังจากนี้กรมประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยผู้ว่าราชการจังหวัด จะร่วมมือกับภาคเอกชนในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์การสร้างการรับรู้ และความเข้าใจมาตรการดังกล่าวกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ดังกล่าว
3.2 ก่อนหน้านี้กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน 43 องค์กร ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและวิธีการปฏิบัติสำหรับมาตรการงดให้ถุงพลาสติก โดยมีการประชุมร่วมกับผู้แทนจากศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบกลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก
3.3 แนวทาง วิธีการที่จะดำเนินการต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับห้างร้านที่จะพิจารณาเลือกแนวทางวิธีการที่เหมาะสม แต่ต้องเป็นไปตามหลักการงดให้ถุงพลาสติก รวมทั้งการกำหนดวิธีการปฏิบัติผ่อนผันการรองรับที่ชัดเจนสำหรับภาชนะหรือถุงบรรจุของร้อน อาหารเปียก เนื้อสัตว์ และผลไม้
3.4 สำหรับผู้ประกอบการห้างอื่นๆ (นอกเหนือจาก 43 ราย)รวมทั้งร้านขายของชำและตลาดสด กรมประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาคเอกชน ร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์ รวมทั้งจัดส่งข้อมูลแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้กับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดและสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค เพื่อร่วมกับภาคเอกชนในจังหวัดร่วมประชาสัมพันธ์ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2563
3.5 จะมีการยก (ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการขยะพลาสติก โดยกำหนดเป้าหมายให้ถุงพลาสติกหูหิ้วหมดไปจากท้องตลาด ในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยมีการรับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วประเทศก่อน
3.6 ในด้านนวัตกรรมและองค์ความรู้เรื่องการจัดการกับถุงพลาสติก กรมควบคุมมลพิษได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกไทย สถาบันพลาสติก และกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางการใช้วัสดุทดแทนพลาสติกและส่งเสริมการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้สำหรับกระบวนการ Pyrolysis ในการหลอมขยะพลาสติกให้เป็นน้ำมัน และนำน้ำมันมาผลิตเม็ดพลาสติก (พลาสติกมีส่วนประกอบหลักทางเคมีเหมือนกับน้ำมันดังนั้น ถ้าหากนำพลาสติกไปเผาแล้วกลั่นแยกส่วนจะได้ผลผลิตเป็นน้ำมัน แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเนื่องจากน้ำมันมีราคาถูก จึงเป็นการศึกษาเพื่อพิจารณาทางเลือก)
3.7 กรมควบคุมมลพิษเร่งจัดทำกฎหมายเพื่อใช้ในการบริหารจัดการขยะพลาสติก โดยการทบทวน ปรับปรุง (ร่าง) พระราชบัญญัติส่งเสริมการลดและนำของเสียมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
4.เรื่องดีๆ แบบนี้ หวังว่า พรรคการเมือง นักการเมือง ทุกภาคส่วน ควรร่วมกันสนับสนุน
ขออย่าได้หยิบยกไปเป็นประเด็นโจมตี หวังผลทางการเมือง หวังเอาคะแนนเสียงจากประชาชนที่อาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบายในระยะเปลี่ยนผ่าน
ควรจะช่วยกันขยายความเข้าใจ และสนับสนุนมาตรการในทิศทางที่สร้างสรรค์แบบนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี