วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
องค์กรหลักที่สำคัญ ขาดไม่ได้ของระบบรัฐสภาก็คือ บรรดาคณะกรรมาธิการต่างๆ ซึ่งแต่งตั้งโดยที่ประชุมใหญ่ หรือเต็มคณะของรัฐสภา (ในกรณีที่เป็นรัฐสภาเดียว) หากเป็น 2 สภา คือ สภาสูง (วุฒิสภา) และสภาล่าง (สภาผู้แทนราษฎร) ก็จะมีคณะกรรมาธิการต่างๆ ของตนเอง
ในกรณีของไทย รัฐสภา (The Parliament) ประกอบด้วยวุฒิสภา (ปัจจุบันมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร คสช.) และสภาผู้แทนราษฎร (มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนพลเมือง)
โดยการนี้ ผมจะขอพูดเกี่ยวกับคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร จากประสบการณ์ของการเป็นข้าราชการประจำที่เคยต้องไปเสนอข้อมูล และชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ รวมทั้งในฐานะที่เคยอยู่ในคณะรัฐมนตรี และเคยเป็นผู้แทนราษฎร และในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อีกด้วย โดยผมเองเคยอยู่ในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนปฏิรูปการเมือง และคณะกรรมาธิการต่อต้านและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ผมได้รับเชิญไปร่วมเสวนาว่าด้วยเรื่อง “คณะกรรมาธิการรัฐสภา ประชาชนหวังพึ่งพาได้แค่ไหน”ซึ่งจัดโดย สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ณ สมาคมผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ผมก็เลยขอถือโอกาสนี้นำความมาเล่าสู่กันฟังว่า ผมได้พูดอะไรและได้รับฟังอะไรมาบ้างเพื่อจักได้รู้กันได้มากขึ้น และใช้เป็นประโยชน์เพื่อชีวิตพวกเรา
ในหลายประเทศเสรีประชาธิปไตย ผู้เป็นประธานคณะกรรมาธิการรัฐสภามีสถานะเทียบเท่ารัฐมนตรี สะท้อนว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญต่อระบบการเมืองการปกครอง เพราะคณะกรรมาธิการเป็นองค์กรตรวจสอบการทำงานและการใช้งบประมาณของฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายบริหาร และเป็นช่องทางให้ประชาชนพลเมืองได้ร้องเรียน เสนอข้อคิดเห็น และขับเคลื่อนผลักดัน อีกทั้งเป็นองค์กรที่พินิจพิจารณาสาระเนื้อหาในรายละเอียดของการยกร่างกฎหมายและการแก้ไขปรับปรุง หรือแม้กระทั่งยกเลิกกฎหมาย โดยรับมาจากที่ประชุมรัฐสภา และนำมาเพื่อพิจารณา แล้วส่งกลับไปที่ประชุมใหญ่
คณะกรรมาธิการจึงมีความสำคัญดังกล่าว และการจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวประธานคณะกรรมาธิการเป็นหลัก รวมทั้งความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกกรรมาธิการ ที่มาจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน (หรือฝ่ายเสียงข้างมาก และฝ่ายเสียงข้างน้อยในรัฐสภา)
แล้วอะไรคือประเด็นปัญหาของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรของไทย ผมก็ขอแจงเป็นข้อๆ ดังนี้
- จำนวนคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรของไทยณ วันนี้มี 35 คณะกรรมาธิการ หากสังเกตดู ก็จะพบว่ามีจำนวนมากเกินความจำเป็น ซึ่งที่มีอยู่มากดังนี้ ก็เนื่องมาจากความต้องการให้มีการกระจาย “ตำแหน่ง” หรือ “แบ่งขนมเค้ก”กันให้ทั่วถึงสำหรับบรรดา สส. ทั้งในฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านทั้งๆ ที่เหตุผลในการมีคณะกรรมาธิการนั้น คือการตั้งตามความจำเป็นของเนื้องาน หรือเรื่องราวสำคัญๆ เร่งด่วนของประเทศ เช่น กระบวนการยุติธรรม ระบบราชการประจำ การกระจายอำนาจ ความเหลื่อมล้ำในสังคม และการเข้าถึงซึ่งการบริหารรัฐ ขีดความสามารถของไทยในการแข่งขันในตลาดโลก บทบาทของไทยในการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น
- เมื่อเป็นการแบ่งขนมเค้กให้กับ สส.ที่มีผลงาน หรืออาจจะอยู่มานานแต่ยังไม่ถึงจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็เลยแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งประธาน ส่วน สส. พรรษาน้อย ก็ให้ไปเป็นกรรมาธิการกันตามสะดวก ซึ่งส่วนมากก็มิได้เป็นไปตามประสบการณ์ตามความถนัด คณะกรรมาธิการจึงไม่สามารถสะท้อนอุดมการณ์ตามเจตนารมณ์ของคณะนั้นๆ ได้
- นอกจากตำแหน่งกรรมาธิการจะเป็นการตบรางวัลแล้ว บรรดาตำแหน่งที่ปรึกษา ฝ่ายเลขาฯกรรมาธิการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งนั้นมิได้เป็นผู้แทนราษฎร ก็มักจะเป็นการแจกขนมเค้กให้แก่บุคลากรของพรรค บางครั้งก็กลายเป็นช่องทางหาเศษหาเลย จากตำแหน่งเหล่านี้ เพราะนักการเมืองดันคิดไปว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าของรัฐสภา และคณะกรรมาธิการ จะแต่งตั้งใครก็ได้ จะมีความรู้ความสามารถหรือไม่ก็ไม่ต้องไปสนใจ
- ข้าราชการประจำระดับสูง มักพยายามหลีกเลี่ยงการมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการต่างๆ เพราะเขามีความรู้สึกว่า การมาปรากฏตัวในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อถูกซักถามนั้นเสมือนกับการมาเป็นกระสอบทรายให้กรรมาธิการระเบิดอารมณ์ไม่พอใจต่อรัฐมนตรีต้นสังกัดของเขา
- บรรดารัฐมนตรีมักไม่ยอมมาปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมาธิการ ก็เพราะรู้ว่ามาแล้วก็เหมือนอยู่ในเวทีชนวัวชนควาย มากกว่าจะเป็นการพูดจากันด้วยเหตุด้วยผลเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ
- คณะกรรมาธิการมักจะเสียเวลามากไปกับการจัดกิจกรรมการไปดูงานทั้งใน/นอกประเทศ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการจัดเสวนาหาความรู้สอดแทรกการพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว
- ประธานคณะกรรมาธิการบางท่าน มักใช้เวทีคณะกรรมาธิการไปกับการส่งเสริม “วาระ” ของตนเอง อาจจะเพื่อความดังบ้าง เพื่อ “เล่นงาน” ผู้เห็นต่างทางการเมืองบ้าง ซึ่งก็คือการเสริมสร้าง“บารมี” ทางการเมืองของตนเอง แต่สถานการณ์ก็มิได้มืดมนไปเสียหมด เพราะบางคณะกรรมาธิการก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เพราะจริงจังกับหน้าที่การงาน ซึ่งสะท้อนจิตสำนึกและความรับผิดชอบที่ตอบสนองสังคมโดยรวมมากว่า ผลประโยชน์ทางการเมืองของตนและพวกพ้อง
เมื่อใดที่คณะกรรมาธิการเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง ก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างสังคมเสรีประชาธิปไตย ส่งเสริมเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของระบบรัฐสภา และเป็นที่หวังพึ่งหวังพิง ให้กับประชาชนพลเมือง และจะกลายเป็น “ฐาน” (Platform) ที่จะสร้างชื่อเสียง ความนับหน้าถือตาให้กับประธานและกรรมาธิการ เมื่อคิดจะทำดี ทำงาน และจักได้คิด ได้ตระหนักด้วยว่า เป็นประธานคณะกรรมาธิการอาจยิ่งใหญ่ และสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้มากกว่าตำแหน่งเสนาบดีเสียอีก
สำหรับนักการเมือง (ผู้แทนราษฎร) แล้ว งานคณะกรรมาธิการนั้นได้อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนพลเมืองมากกว่างานที่กระทรวง ทบวง กรม เสียอีก ก็ควรใช้โอกาสนี้ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และสร้างฐานะนักการเมืองเพื่อสังคมขึ้นมาให้ได้
กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้พวกเราพลเมืองไทยได้เข้าอกเข้าใจความสำคัญของคณะกรรมาธิการที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประชาธิปไตย และความก้าวหน้าของประเทศชาติ ซึ่งหากประชาชนไทยให้ความสนใจ และใช้ประโยชน์กับคณะกรรมาธิการของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศชาติก็ย่อมเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

กำปั้นไทยไร้พ่าย! ลิ่ว 7 รุ่นต่อยซีเกมส์
เลขาวุฒิสภา แจ้ง สว. ยกเลิกประชุมวุฒิสภา 15- 16 ธ.ค.นี้ หลังยุบสภาแล้ว
ดร.จักษ์ ชม อนุทิน ตัดสินใจระดับรัฐบุรุษ ยุบสภาครั้งนี้ เผาพรรคส้มเหลือแต่ขี้เถ้า
กกต. กางแนวทาง ค่าใช้จ่าย สส. ช่วงเลือกตั้ง พรรคการเมืองหาเสียงได้ตั้งแต่วัน ยุบสภา
ปูติน ยกระดับชีวิตพลเมืองรัสเซีย อัตราความยากจนลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี