ในสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่ก่อให้เกิดความอกสั่นขวัญหายแก่ประชาชาติทั่วโลกว่าอาจจะเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม จนกระทั่งสถานการณ์มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายไปแล้วนั้น
ทั่วโลกก็ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์สำคัญประการหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย นั่นคือประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐสภาของสองประเทศ คืออิรักและสหรัฐอเมริกา
ในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายปั่นป่วนและความตึงเครียดที่ถึงขนาดอาจกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามนั้นรัฐสภาของทั้งอิรักและสหรัฐได้แสดงบทบาทและพลังอำนาจของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้อย่างน่าทึ่งและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพอันสูงส่ง ถือได้ว่าเป็นการเชิดชูอำนาจอธิปไตยของปวงชนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลก
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้จึงควรได้ศึกษาทำความเข้าใจถึงบทบาทของรัฐสภาของทั้งสองประเทศนี้เพื่อประดับสติปัญญาบารมีให้แก่คนทั้งหลายที่อาจจะยินดียินร้ายหรือเฉยเมยต่อระบบรัฐสภาแบบเส็งเคร็ง
ระบบรัฐสภาแบบเส็งเคร็งนั้นก็คือระบบการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใดแก่ประเทศชาติและประชาชน หรือเป็นแหล่งซ่องสุมของเหล่าคนพาลหรือเหล่าบุคคลที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นบัณฑิต
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนตรัสเตือนมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้วว่าที่ใดไม่มีบัณฑิต ที่นั้นแม้มีการชุมนุมประชุมกันก็ไม่เรียกว่าสภา
เพราะการที่มีหมู่คนมาร่วมประชุมชุมนุมกันนั้นหากไม่มีบัณฑิตแล้วก็จะไม่มีเรื่องที่เป็นธรรม เป็นกุศลหรือเป็นความดีความงามเกิดขึ้นเลย เพราะเหล่าโจรและคนชั่วร้ายทั้งหลายก็สามารถใช้รูปแบบประชุมหรือชุมนุมกันได้ แม้มติใดที่เป็นเสียงข้างมากหรือเป็นเอกฉันท์ แต่ถ้าหากผู้เข้าร่วมประชุมชุมนุมนั้นเป็นหมู่โจรนั่นก็เป็นสภาโจรและเป็นมติของโจร ย่อมไม่อาจมีสิ่งที่เป็นกุศลหรือความดีความงามใดๆ ได้เลย
ชื่อสภาห้าร้อยที่เรียกขานกันจนติดปากนั้น คนทั้งหลายก็ย่อมรู้ดีว่าคำว่า “ห้าร้อย” นั้นไม่ใช่คำชื่นชมยินดีใดๆ ไม่ใช่ถ้อยคำอันเป็นมงคลใดๆ เลย หากเป็นความหมายของความพิกลพิการและความอัปมงคลทั้งสิ้น
โดยความหมายทางนิรุกติ ห้าร้อยหมายถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เพราะจำนวนเต็มคือพัน หรือปัน ห้าร้อยก็คือครึ่งหนึ่งของพันหรือปัน จึงเป็นถ้อยคำสำหรับใช้สำหรับคนไม่เต็มบาทหรือคนวิกลจริต กระทั่งขยายไปถึงพวกคนพาลสันดานหยาบและเหล่าโจรชั่วทั้งหลาย ดังเช่นโจรห้าร้อย เป็นต้น
นั่นเป็นความหมายที่กลายและตรงกันข้ามกับความหมายแต่ดั้งเดิมในครั้งพุทธกาล ซึ่งมีหลายที่หลายแห่งในพระไตรปิฎกระบุว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุห้าร้อย ซึ่งหมายถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับพระภิกษุครึ่งหนึ่งของวัดหรืออารามนั้นๆ หรือที่อยู่ในที่นั้นๆ
เป็นแต่ว่าในภายหลังก็มีผู้หลงผิดอุตริไปเติมคำว่ารูป กลายเป็นพระภิกษุห้าร้อยรูป ซึ่งมีความหมายในเชิงจำนวน แตกต่างไปจากความหมายเดิมที่หมายความว่าครึ่งเดียวอย่างลิบลับ
รัฐสภาของสหรัฐและอิรักได้ใช้อำนาจของประชาชนในเรื่องสำคัญอันมีผลที่เป็นนัยต่อสถานการณ์ความตึงเครียดของตะวันออกกลางและโลกคือ
รัฐสภาอิรักได้เปิดประชุมฉุกเฉินในวันถัดจากวันที่นายพลกอซิม สุไลมานี ถูกลอบสังหาร เพื่อพิจารณาญัตติที่รัฐบาลเสนอให้ขับไล่ทหารและฐานทัพสหรัฐทั้งหมดออกไปจากอิรัก และเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีอิรักได้แฉโพยความลับของแผนการหลอกลวงให้มีการเชิญนายพลกอซิม สุไลมานี มาเยือนอิรักอย่างเป็นทางการ เพื่อเจรจาลดความตึงเครียดกับสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย และได้ถูกสังหารที่บริเวณใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติของอิรัก จนสร้างความฉาวโฉ่ให้กับพฤติกรรมของผู้นำรัฐบาลสหรัฐชนิดที่เสียผู้เสียคนไม่มีวันผุดเกิด
ที่ประชุมฉุกเฉินของรัฐสภาอิรักสามารถจัดประชุมได้ในเวลาอันรวดเร็วและสามารถพิจารณาญัตติสำคัญแล้วเสร็จในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงและลงมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ขับไล่ทหารและฐานทัพสหรัฐออกไปอย่างสิ้นเชิง
การดำเนินการดังกล่าวนั้นถ้าหากเกิดขึ้นที่ประเทศไทยก็น่าพิจารณาว่ารัฐสภาของประเทศไทยจะสามารถเรียกประชุมฉุกเฉินในลักษณะดังกล่าวได้หรือไม่ และรัฐสภาจะมีอำนาจมีมติใช้อำนาจของประชาชนดังกล่าวได้หรือไม่
ถ้าทำไม่ได้หรือไม่มีอำนาจเช่นนั้นก็หมายความว่าการตรารัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หมกเม็ดและสร้างปัญหาที่สำคัญไว้ อันอาจส่งผลให้กลายเป็นสภาเส็งเคร็งก็ได้
ทางด้านสหรัฐอเมริกา สภาคองเกรสได้เรียกประชุมฉุกเฉินเช่นเดียวกัน อันเป็นผลมาจากสมาชิกของสภาคองเกรสทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งยึดมั่นและเคารพต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐ ได้มีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า การสั่งลอบสังหารนายพลกอซิม สุไลมานี ผู้นำกองทัพกุซของอิหร่านนั้นเป็นการกระทำที่อยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐที่ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจที่จะทำได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน
ดังนั้นสมาชิกรัฐสภาคองเกรสจึงได้เข้าชื่อกันยื่นญัตติฉุกเฉินให้พิจารณาจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีทรัมป์ในการสั่งการหรือในการปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่านในทันที
สภาคองเกรสสามารถประชุมฉุกเฉินได้ในวันที่ 10 มกราคม2563 และทราบผลในเวลาไม่กี่ชั่วโมงด้วยมติข้างมาก ให้จำกัดอำนาจประธานาธิบดีทรัมป์ในการสั่งการใช้กำลังทหารหรือในการสั่งปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่านไว้ในทันที
ผลจากการมีมติของสภาคองเกรสดังกล่าว เมื่อประกาศออกไปทางสาธารณะแล้วย่อมถือว่าบรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและไม่อาจขัดขืนได้
ที่สำคัญคือไม่มีผู้ใดมีอำนาจหรือถูกเปิดโอกาสให้ถ่วงเรื่องการปฏิบัติตามมติได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ไม่ว่าด้วยอภินิหารทางกฎหมายใดๆ หรือไม่ว่าด้วยเล่ห์กลการตีความด้วยประการใดๆ ไม่มีทางที่จะกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐ
และเมื่อเป็นมติของสภาคองเกรสเช่นนั้นแล้ว บรรดากระทรวงทบวงกรมและบรรดาหน่วยงานทหารทุกเหล่าทัพและรวมทั้งทหารทุกคนก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมติสภาคองเกรสอย่างเคร่งครัด ซึ่งประธานาธิบดีไม่สามารถมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้ และแม้ผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือสั่งการเป็นอย่างอื่นได้ เพราะถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องทำตามมติของสภาคองเกรสหรืออำนาจของประชาชนนั่นเอง
ลองนึกคิดพิจารณาดูว่าถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย รัฐสภาไทยจะสามารถเรียกประชุมฉุกเฉินดังกล่าวได้หรือไม่
และเมื่อญัตติดังกล่าวถ้าหากไม่ใช่ญัตติที่รัฐบาลเป็นฝ่ายเสนอ เพราะเป็นญัตติที่จำกัดอำนาจของหัวหน้ารัฐบาลเช่นนี้ สส.ฝ่ายรัฐบาลจะพิจารณาและลงมติโดยถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หรือว่าจะลงมติตามคำสั่งของวิปที่ถือเอาประโยชน์ของพรรคและผู้มีอำนาจเป็นที่ตั้ง
หรือถ้าหากรัฐสภามีมติตามญัตติที่เสนอ จะต้องใช้เวลาสักกี่วันจึงจะสามารถส่งมตินั้นไปให้รัฐบาลปฏิบัติได้ ซึ่งเรื่องนี้จะกล่าวว่าไม่มีเหตุผลไม่ได้ เพราะมีกรณีตัวอย่างที่ศาลออกหมายจับ สส. ฝ่ายรัฐบาลคนหนึ่ง แต่เมื่อ สส. ท่านนั้นเข้ามานั่งประชุมในสภาก็ไม่มีใครทำการจับกุม จนกระทั่งหลบหนีหายไปจนบัดนี้
ซึ่งจะเห็นได้ว่าระยะเวลาการปฏิบัติตามมติของรัฐสภานั้นก็อาจเป็นปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ทันต่อสถานการณ์
แม้กระทั่งอาจมีกรณีที่มีการใช้อภินิหารทางกฎหมายบิดเบือนเบี่ยงเบนการปฏิบัติตามมตินั้นเป็นอย่างอื่น กระทั่งอาจส่งไปตีความหรือนัยหนึ่งก็คือส่งเรื่องไปเก็บเข้ากรุไม่ให้มีการปฏิบัติตามมติของผู้แทนปวงชน แม้กระทั่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว
ดังนั้นบทเรียนรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยของประชาชนมีความศักดิ์สิทธิ์จริง จึงเป็นบทเรียนที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี