มีข้อมูลน่าสนใจส่งมาให้ผมช่วยประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับแนวคิดการพลิกฟื้นวิถีชุมชน และวิถีเกษตรกรรมไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยยกตัวอย่าง “ไหม” ซึ่งจะกลับมาเป็นสินค้าเศรษฐกิจ ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้เกษตรกร
สำหรับเรื่องของไหม และผลิตภัณฑ์จากไหม อยู่คู่กับสังคมไทย มาตั้งแต่สมัยโบราณ จากดินแดนแถบสุวรรณภูมิ เป็นเกษตรพื้นบ้าน เป็นสินค้าพื้นถิ่น โดยเริ่มต้นจากในภาคอีสานของไทย ซึ่งหากจะมองจากประวัติศาสตร์ของไทย ไหมก็มีมาตั้งแต่ช่วงสุโขทัย และมีการค้าขายกับต่างประเทศ ถือเป็นภูมิปัญญาที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ ภาคการเกษตรและชุมชนของไทยมายาวนาน
เรื่องนี้เปิดเผยโดย นายสันติ กลึงกลางดอน รองอธิบดีกรมหม่อนไหมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงภารกิจสำคัญ ว่า โครงการงานหม่อนไหม เป็นจุดเริ่มต้นบทบาทของกรมหม่อนไหมซึ่งได้จัดตั้งเป็นสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯเมื่อปี 2548 และต่อเนื่องมาถึงปี 2552ได้ยกระดับจากสถาบันฯ มาเป็นกรมหม่อนไหม และดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีภารกิจหลัก คือการดูแลรับผิดชอบงานหม่อนไหมทั้งระบบครบวงจร สนองงานในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงรวมทั้งงานจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯเริ่มต้นจากการส่งเสริมชุมชน เกษตรกร เรื่องของพันธุ์ การพัฒนาการเลี้ยงไหมและคัดเส้นไหมเพื่อให้มูลนิธิฯ นำไปแปรรูป และกำหนดมาตรฐานต่างๆ ของผลิตภัณฑ์จากไหม ให้เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยกำหนดเป็นตรานกยูงพระราชทานสีต่างๆ เพื่อแยกจำแนกคุณภาพในแต่ละระดับ จนมาถึง
โครงการสนับสนุนต่างๆ รวมทั้งโครงการส่งเสริมงานศิลปาชีพเชิงรุก
เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากไร้ในชนบท ส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยได้ดำเนินงานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน ทั้งยังได้สนับสนุนให้สมาชิกเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านมานานกว่า 30 ปี และได้เผยแพร่ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยไปทั่วโลก
กรมหม่อนไหม ได้เดินหน้า โครงการเชิงรุกนำร่องในพื้นที่โครงการศิลปาชีพฯ 6 แห่ง เพื่อมุ่งเน้นสืบสานภูมิปัญญา อนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของไทยให้กลับมามีบทบาท มีความสำคัญต่อเกษตรกร ชุมชน จังหวัด และเป็นต้นแบบให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงหรือผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้ เพื่อสืบสานงานพระราชดำริให้คงอยู่สืบไป
ประกอบด้วย ศูนย์ศิลปาชีพหม่อนไหมบ้านห้วยเดื่อ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กิจกรรมส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบครบวงจร ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร จัดทำจุดเรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจร จัดทำจุดเรียนรู้เรื่องการผลิตคราม โครงการส่งเสริมศิลปาชีพทุ่งกะมังอ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ กิจกรรมการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานลายเอกลักษณ์หมี่คั่นขอนารีย้อมสีธรรมชาติ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพอีสานใต้ จังหวัดสุรินทร์ กิจกรรมศูนย์เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบครบวงจร โครงการศิลปาชีพศึกษาพัฒนาไหมไทยพื้นบ้าน ไหมดาหลาและแมลงทับ จ.สระแก้ว จัดทำจุดเรียนรู้การเลี้ยงไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านจุดเรียนรู้การเลี้ยงไหมดาหลา จุดเรียนรู้การเลี้ยงแมลงทับ แปลงเรียนรู้การเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงและ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมังต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช กิจกรรมส่งเสริมการทอผ้าประจำถิ่น
ทั้งนี้ ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ยังมีส่วนจิตอาสา ซึ่งเป็นโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นแนวทางมาจากการพัฒนาต่อยอดแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) ได้จัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัย COVID-19จำนวน 30 แห่งทั่วประเทศ ใน 17 จังหวัด เพื่อเป็นจุดเรียนรู้ด้านการเกษตรและด้านหม่อนไหมแก่เกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือเกษตรกรและประชาชนที่สนใจ ตลอดจนเป็นแหล่งอาหารและการจ้างงานให้แก่เกษตรกรในพื้นที่
ด้วยการสนับสนุนต้นหม่อนพันธุ์ดี (หม่อนใบและหม่อนผล)สำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์และการแปรรูปสนับสนุนวัสดุบำรุงต้นหม่อนสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อน(การทำน้ำหม่อนและการทำแยมหม่อน) และจัดทำแปลงสาธิตการปลูกไม้ผลยืนต้น เพื่อเป็นแปลงสาธิตให้ความรู้เรื่องการปลูกหม่อนสร้างอาชีพต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี