ตกลงว่า เป็นม็อบโจมตีและพุ่งเป้าไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มตัวแล้ว
ขอย้ำว่า นักวิชาการไม่ว่าจะกี่คน รวมถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุลนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ที่ออกมาถือหาง สนับสนุนการแสดงออกจาบจ้วง (ทั้งฉากหลังล้อเลียนและดัดแปลงตราสัญลักษณ์) และข้อเรียกร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของกลุ่มผู้ชุมนุมในธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.นั้น
ไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม... หากการันตีว่าสิ่งที่ผู้ชุมนุมแสดงออกไม่ผิดกฎหมาย ไม่จาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้เอาหน้าแรกของ “ประกาศกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1” นั้นมาอ่านเป็นแถลงข่าวด้วยตนเองทุกตัวอักษร อย่าตัดตอนเฉพาะหน้า 2ที่เป็นข้อเสนอ 10 ข้อ (เพราะทั้งหมดถูกนำไปแสดงออกในการชุมนุม)
ถ้าไม่กล้าทำ ถือว่า “กระจอก” - “ขี้ขลาดตาขาว” และพยายามบิดเบือนประเด็นว่า “อย่าฆ่าอนาคต”
พยายามทำแค่เป็น “อีแอบ” ผลักดันเด็กออกหน้า ส่วนตัวเองแอบอยู่ข้างหลัง
ทำทีออกมาหนุน ออกมาการันตี ออกมาเอาหน้าหาเสียงกับกลุ่มเยาวชน หวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ไม่กล้าพร้อมร่วมกระทำการแสดงออกนั้น เพื่อร่วมรับผิดชอบตามกฎหมาย
ควรละอายแก่ใจตนเองบ้าง
พูดกันตามจริง... แม้แต่ข้อเสนอ 10 ข้อนั้น เกือบทุกข้อ ล้วนแต่เคยออกจากปากนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน รวมถึงนักวิชาการที่ออกมาหนุนบางคน ฯลฯ
ครั้งนี้ จะออกมาหนุน หรือออกมาเสนอเอง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่น่าละอาย คือ พยายามจะมั่วนิ่มการันตี หรือฟอกการกระทำของผู้ชุมนุมที่มีการแสดงออกจาบจ้วงบนเวที (ทั้งบนจอด้านหลัง และการปราศรัย รวมทั้งในประกาศฯ หน้าแรก ที่เสนอเนื้อหาโจมตีให้ร้ายพระมหากษัตริย์โดยตรง รุนแรงยิ่งกว่า ดา ตอร์ปิโด และใครๆ ที่เคยติดคุกตามข้อหา 112 เสียอีก)
“ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้มีความสนใจด้านการเมืองการปกครอง นำเสนอข้อมูล หลักวิชา มาหักล้างความลุ่มหลงในกลุ่มชังเจ้ามาโดยต่อเนื่อง ล่าสุด โพสต์เฟซบุ๊ค “Suphanat Aphinyan”
ว่าด้วยเรื่อง “อวสานสมศักดิ์เจียมกับข้อเสนอหลอกเด็ก” เนื้อหาใจความน่าสนใจ ระบุว่า
“นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้เริ่มเสนอแนวทางปฏิรูปสถาบันฯ ครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2553 แล้วก็มีการโพสต์ครั้งสำคัญผ่านทางเฟซบุ๊ค Somsak Jeamteerasakul ในปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นต้นแบบสำคัญของข้อเสนอ 10 ข้อโดย #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่เปิดหน้ากันออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นไปเพื่อทำลายความคุ้มกันของสถาบันฯ ที่ขนาดทุกวันนี้สถาบันฯ มีความคุ้มกันอยู่ คนกลุ่มนี้ยังกล้าบิดเบือนย่ำยีสถาบันฯ อย่างหยาบช้าและไร้ขอบเขต แล้วถ้าวันนึงสถาบันฯ ไม่มีความคุ้มกัน อะไรจะเกิดขึ้น?
เพราะแม้แต่ข้อที่ 1 ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นลัทธิความเชื่อที่งมงาย ผ่านการล้างสมองให้เชื่อตามๆ กันอย่างไร้หลักการและเหตุผลผิดหลักวิชาความรู้ที่เป็นสากลโดยสิ้นเชิง
ลองคิดดูง่ายๆ ว่า ขนาดแค่ สส.ก็ยังมีความคุ้มกันเลย นับภาษาอะไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะมีความคุ้มกัน เพราะสถาบันฯ ทรงดำรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐมีความคุ้มกันเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักสากลของระบอบการปกครอง ดังนั้นความพยายามในการที่จะแก้ไขมาตรา 6 “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” จึงเป็นการแสดงออกของการไม่มีความรู้อย่างร้ายแรง โดยที่ไม่รู้ว่านี่เป็นหลักการสากลของระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเทศอังกฤษเขาก็มี “Although civil and criminal proceedings cannot be taken against the Sovereign as a personunder UK law.” (https://www.royal.uk/queen-and-law)
อีกตัวอย่างสำคัญที่น่าสนใจก็คือ ประเทศนอร์เวย์ ที่มีดัชนีความเป็นประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลก และมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนกัน ก็มีปรากฏในมาตรา 5ตามรัฐธรรมนูญของนอร์เวย์ “The King’s person cannot be censured or accused. The responsibility rests with his Council.” และนอกจากนี้มาตรา 37 ก็ยังให้ความคุ้มครองไปถึงพระราชโอรสและพระราชธิดาอีกด้วย(https://www.stortinget.no/.../pdf/eng.../constitutionenglish.pdf)
ดังนั้น ความเชื่อล้างสมองของขบวนการดังกล่าวที่คลั่งคณะราษฎรเป็นฮีโร่แล้วป้ายสีสถาบันฯ ที่จะยกเลิกมาตรา 6 แล้วตั้งสภาพิจารณาความผิดของสถาบันฯ จึงเป็นเรื่องเลอะเทอะที่ผิดหลักวิชาความรู้ และไม่มีที่ไหนในโลกที่ระบอบการปกครองนี้เขาทำกัน จะมีก็แต่คนกลุ่มหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้นที่ยังล้าหลังกับแนวทางที่ผิดๆ ของคณะราษฎร และยังงมงายตกเป็นแนวร่วมของขบวนการล้างสมองให้หลงเชื่อตามๆ กันอย่างผิดๆ แล้วถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีใส่ร้ายสถาบันฯ อย่างไร้เดียงสา
เพราะแม้แต่ในระบอบสาธารณรัฐ สภาพิจารณาความผิดของประธานาธิบดีก็ยังไม่มีเลย มีแต่กลไกในการไม่ไว้วางใจและถอดถอนออกจากตำแหน่ง ก่อนที่จะเอาผิดในภายหลังจากที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วเพราะประธานาธิบดีทั่วโลกก็อยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐมีความคุ้มกันในระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่เช่นกัน ดังนั้น การพิจารณาความผิดต่างๆจึงสามารถทำได้หลังจากที่หมดวาระหรือถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งไปแล้วเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ตามที่มีปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศส ตามมาตรา 67 ก็มีความคุ้มกันในระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ความผิดต่างๆ ในระหว่างที่ยังดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสามารถนำมาพิจารณาได้ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่งไปแล้วครบ 1 เดือน (https://www.conseil-constitutionnel.fr/.../constiution_anglai...)
ยกมาอ้างอิงกันอย่างชัดเจนแบบนี้แล้ว ตกลง “ผม” หรือ“สมศักดิ์เจียมกับเหล่าสาวก, ลุงสุรชัย ชัชวาลพงศ์พันธ์ กับสุรชัยมาร์เก็ตเพลส รวมถึงอาจารย์ 105 คน ที่เปิดหน้าหนุนข้อเสนอหลอกเด็กตลอดจน นายธนาธร, นายปิยบุตร, นางสาวช่อ, คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล” ที่สูญเปล่าทางการศึกษากันแน่ครับ?”
ชัดเจนว่า งานนี้ มีคนหลอกเด็กเป็นเครื่องมือผลักดันแนวคิดที่ตนเองไม่มีปัญญาผลักดัน
เป็นความพยายามของกลุ่มคนขี้แพ้ ที่พยายามจะทำให้อนาคตของประเทศชาติเสียหาย หลังจากที่พวกตัวเองหมดอนาคตทางการเมืองเพราะทำผิดกฎหมาย ด้วยความลุ่มหลง และอคติส่วนตน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี