บทสรุปของการชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 สรุปง่ายว่า เสียเวลา
คือ เสียเวลาทั้งคนที่มาม็อบ และเสียเวลาประเทศชาติส่วนรวม
1. ก่อนวันม็อบ แกนนำคุยโวโอ้อวด ว่าจะมากันเป็นแสน เบิ้มๆเซอร์ไพรส์ ให้มันจบที่รุ่นเรา ฯลฯ
ถึงวันจริง สูงสุดคืนวันที่ 19 ก.ย. จำนวนราวๆ 20,000 คน ที่ท้องสนามหลวง (ยังไงก็ไม่ถึงแสน สื่อต่างชาติก็บอกสองหมื่น) แถมส่วนใหญ่ไม่ใช่นักศึกษา แต่เป็นมวลชน นปช.เดิม เป็นฐานเสียงของพรรคฝ่ายค้านบางพรรค
ในที่สุด ต้องปรับแผนหมด ไม่เดินไปถนนราชดำเนิน แต่ขอแค่ยื่นหนังสือข้างสนามหลวง (ยื่นกับ ผบช.น.)
มวลชนและกองเชียร์บ่นกันขรม ฐานโฆษณาเกินจริง
หมดสิ้นเครดิตและความน่าเชื่อถือน่าไว้ใจในตัวแกนนำหลังจากที่เคยพยายามจะให้โอกาส
เนื้อหาข้อมูลที่ปราศรัยก็ไม่มีสาระอะไรใหม่เลย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วกวน ซ้ำซาก วนเวียน
2. ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ในหลายจังหวัดลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนจากพิบัติภัยพายุเข้า แต่กลับต้องมาเสียกำลังพล ทรัพยากรไปกับการเตรียมรับมือการชุมนุมที่ประกาศเล่นใหญ่เกินเบอร์
ประเทศต้องมาเสี่ยงกับการลุ้นในอีก 14 วันข้างหน้า หากมีใครที่มาชุมนุมติดเชื้อโควิด-19 แล้วแพร่ระบาดให้คนอื่นๆ เพราะในการชุมนุมมีพฤติกรรมเสี่ยงมากมาย
3. มีการตัดโซ่คล้องกุญแจ บุกรุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีการพังรั้วกั้นรอบสนามหลวง
มีการฝังหมุด ขุดทำลายพื้นสนามบริเวณสนามหลวง
มีการปราศรัยโจมตีด่าสถาบันหยาบคายหลายช่วงเวลา
4. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่ม อ่านประกาศคณะราษฎร 2563 ฉบับที่ 1 ย้ำถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยท่าทีโอหัง หลงตัวเอง
พูดถึงแนวทางการต่อสู้กับเผด็จการ 8 ข้อ ได้แก่
1. ยืนตรงชูสามนิ้วเคารพธงชาติ ไม่ว่าจะที่บ้าน โรงเรียน ห้าง สถานีขนส่ง หรือตลาดนัด
2. ได้ยินเพลงสรรเสริญในโรงหนัง ไม่ต้องยืนขึ้นแต่ให้ชูสามนิ้วแทน
3. ผูกโบขาวไว้ที่รั้วบ้าน กระเป๋า และที่ขากระจกรถ
4. เห็นขบวนคนใหญ่คนโต ไม่ว่าจะเป็นใครขอให้บีบแตร
5. ติดป้ายผ้าต่อต้านเผด็จการไว้ตามสะพานลอยหรือที่ชุมชนต่างๆ ฯลฯ
6. ประยุทธ์ไปจังหวัดไหน ขอให้ขึ้นป้ายคนจังหวัดนั้นไม่ต้อนรับเผด็จการ
7. นัดหยุดงานประท้วงรัฐบาล เริ่มต้นจากลาพักร้อนวันที่ 14 ตุลา พร้อมกันทั่วประเทศ
8. ทุบหม้อข้าวเผด็จการ แบนธนาคาร SCB
จะเห็นว่า เป็นข้อเสนอแนวทางที่ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีความแม่นยำ ไม่มีความลึกซึ้งสร้างสรรค์อะไรเลย
หากใครทำตาม ก็รังแต่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมในบ้านเมือง แถมไม่สามารถจะเกิดมรรคเกิดผลอะไรที่ดีต่อประเทศชาติเลย เพราะในวันนี้ คนส่วนใหญ่มีแต่ต้องการเห็นรัฐบาลทำงานเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ไม่ต้องการให้เกิดการขัดขวาง ขัดแข้งขัดขาหรือซ้ำเติมบาดแผลให้กับเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกับทุกประเทศทั่วโลก
5. ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึง 6 พรรคฝ่ายค้านที่ร่วมสังเกตการณ์และคอยให้ความช่วยเหลือม็อบในบางเรื่อง ระบุว่า
“ถามจริงๆ เถอะ พรรคที่ออกมาสนับสนุนการชุมนุมนั้น
คุณคิดจริงๆ เหรอคะว่า พวกเขาออกมาเพราะไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล
พวกคุณคิดจริงๆ เหรอคะว่า นักศึกษาเหล่านี้ออกมาเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษา เป็นการออกมาเองโดยไม่มีใครชี้นำ
พวกคุณไม่ได้ยินเพนกวินพูดเลยเหรอคะว่า เขาจะโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
ระดับเบิ้มๆ เขาจะไม่ลดเพดานการโจมตีพระมหากษัตริย์น้อยไปกว่าที่เคยพูด
พวกคุณไม่ได้ยินเลยเหรอว่า หนึ่งหญิงสองชายที่สนับสนุนนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเขาพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าอย่างไร
การที่พวกคุณสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้ โดยอ้างเสรีภาพการแสดงออก โดยไม่สนใจสาระของการชุมนุม
ระวังนะว่าพวกคุณจะมีความผิดฐานสนับสนุนการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถึงเวลานั้น อย่าออกมาสร้างวาทกรรมนิติสงคราม กล่าวหาว่า รัฐบาลใช้กฎหมายจัดการกับคนที่เห็นต่างอีกละ เมื่อทำผิดกฎหมายก็อย่ามาสร้างวาทกรรมว่าถูกรัฐบาลคุกคามอีกล่ะ
จะทำอะไรต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาบ้าง ไม่ใช่มีความโกรธแค้น ต้องการล้มรัฐบาลจนคิดไม่รอบคอบ ทำสิ่งที่ สส. ไม่ควรทำ
ประเทศไทยต้องประสบเคราะห์กรรมทุกวันนี้ ก็นักการเมือง (บางคน) อย่างพวกคุณนี่แหละ ที่ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการพัฒนา ทำไมถึงแพ้ไม่เป็นคะ
คุณหาว่ารัฐบาลบริหารประเทศเฮงซวย ถามจริงๆ เถอะ ในบริบทที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คุณคิดว่าถ้าคุณเป็นรัฐบาลคุณจะทำได้ดีกว่าที่รัฐบาลนี้ทำได้จริงเหรอคะ
เห็นแก่ประเทศชาติบ้างเถอะนะ อย่าเห็นแก่ตัวเลยค่ะ”
6. สว. สมชาย แสวงการ แสดงความเห็นต่อการชุมนุมครั้งนี้อย่างน่าสนใจ
“#อนาคตใหม่ของแกนนำมีแค่โรงพักศาลและเรือนจำ
ประกาศชัยชนะแบบกะทันหันท่ามกลางความพ่ายแพ้ยับเยิน เพราะบุกลานพระบรมรูปไม่ได้… ด้วยโดนบล็อกเส้นทางทั้งหมด
พรรคการเมืองและมวลชนไม่เล่นด้วย?
แกนนำจึงต้องนำคำประกาศโจมตีสถาบันฯที่คุยว่าเซอร์ไพรส์บิ๊กเบิ้มมาอ่านแถลงการณ์เมื่อคืน และหาทางลงด้วยการยื่นเอกสารต่อสำนักองคมนตรีแต่ไม่มีใครรับ ให้ผบช.น.รับไปเป็นหลักฐานในคดีหมิ่น 112,116 แทน
และม็อบอาจยุติลงโดยเร็ว
#ชีวิตของพวกเขาจากนี้ต้องจบที่เรือนจำ
คลิปคำปราศรัยดังกล่าวเป็นการกระทำที่หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ชัดเจน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ผู้เขียนบทให้อ่านที่อยู่เบื้องหลัง ผู้ปราศรัย สถานีโทรทัศน์ v…tv และเจ้าของ ลูกชายนายใหญ่ที่ร่วมมือกันกระทำการในสิ่งที่มิบังควรกระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งประเทศ สมควรได้รับการพิจารณาดำเนินคดีตามมาตรา 112 อย่างเด็ดขาดต่อไปในเร็วๆนี้
หมายเหตุ ขอไม่ส่งคลิปคำปราศรัยของแกนนำทั้งหลาย รุ้ง เพนกวิน อานนท์และพวกที่ได้กระทำความผิดชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์ทั้งหมดรวมถึงหนังสือเอกสารต่างๆที่เป็นพยานหลักฐานมัดตัวชัดเจนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 แล้ว…”
7. ม็อบครั้งนี้ จึงเรียกว่า ม็อบเสียเวลา
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของม็อบพลาดเป้าในครั้งนี้ คือ ทำให้ไม่มีการใช้ความรุนแรง เพราะฝ่ายม็อบต้องปรับแผนใหม่หมด จากที่ประกาศว่าจะเดินไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็ไปไม่ไหว เนื่องจากช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ย.นั้น มีมวลชนน้อยกว่าช่วงกลางคืน 19 ก.ย. คือ (เหลืออยู่ไม่ถึง 20% ของกลางคืน)
เหลือจำนวนไม่กี่พันคน
จึงไม่เกิดความรุนแรง “ไม่ได้ฝากบาดแผลให้กับเผด็จการอย่างชนิดไม่รู้ลืม” เหมือนที่เคยประกาศไว้
ในที่สุด แกนนำจึงประกาศยุติการชุมนุม แยกย้ายกลับบ้านแบบงงๆ อย่างที่ปรากฏนั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี