หลายคนยังงุนงงว่า ม็อบที่กำลังเคลื่อนไหวชุมนุมหลายจุด หลายพื้นที่
มีทั้งด่ารัฐบาล ไล่รัฐบาล
บางส่วนด่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย รวมทั้งขีดเขียนป้ายด้วยถ้อยคำรุนแรง
บางส่วน (ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ) ตะโกนเรียกร้องเอกราชให้ฮ่องกง
นัดหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และแอพมือถือ สานต่อข้อเรียกร้องของราษฎร 63
หลายจุด มีนักการเมืองไปปรากฏตัวตามม็อบด้วย
ทั้งหมด ประกาศว่าไร้แกนนำ ประชาชนทุกคนเป็นแกนนำ
การชุมนุมเคลื่อนไหวเช่นนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร? ดำเนินการไปได้อย่างไร? และจะดับไปได้อย่างไร?
พูดง่ายๆ ว่า เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป อะไรคือเหตุปัจจัยเกี่ยวข้อง?
“สารส้ม” ได้รับบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับกลไกของการเคลื่อนไหวและการชุมนุมทางการเมืองในเวลานี้ ควรที่ผู้สนใจจะได้อ่าน เพื่อพิจารณาติดตามอย่างรู้เท่าทัน
บางส่วนบางตอนที่น่าสนใจ กล่าวโดยสรุป ดังนี้
1. มีแกนนำหรือไม่?
“ - เป็นม็อบที่ไม่มีแกนนำหรือ =/= มีแน่นอน และมีหลายระดับ แต่พยายามให้อยู่ในลักษณะ unidentified mob leaders หาตัวยากมีหลายคน ใครเผลอถูกจับไป ก็มีคนมาทำหน้าที่ทดแทน
- เป็นม็อบที่มี command control coordination and communication ครบถ้วน มีทุนสนับสนุนแน่นอน แต่ไม่พยายามให้คนทั่วไปรู้ว่า “ใคร” บ้างที่เป็นผู้สนับสนุน มีการบริหาร มีการจัดการ มีการวางแผน มีผู้จัดการ มีการควบคุมให้เป็นไปตามแผน ไม่งั้นไม่สามารถควบคุม movement ของม็อบให้นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้
- มี plan มีการวางแผนอย่างแน่นอน แต่ทำให้ออกมาในลักษณะ unpredictable movement และที่ทำอย่างนี้ได้ เพราะมีปัจจัยที่ดีเกื้อหนุน ซึ่งคือ จุดแข็งด้าน communication อันเป็นความถนัดของคนรุ่นใหม่วัย young โดยสามารถสื่อสารการปรับเปลี่ยนแผนได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องเตรียมการหรือเตรียมตัวมาก ก็เคลื่อนไปใน direction ที่ผู้ควบคุมภาพรวมสั่งการได้
- คนบางคน เงินซื้อไม่ได้ เป็นความจริง แต่เงินซื้อได้ทุกอย่าง ก็เป็นความจริงเช่นกัน มีบางขณะ มโนว่า จะซื้อแกนนำบางคนด้วยเงินสัก 20-30 ล้าน จะได้ไหมนะ
- มีคนควบคุม movement ในลักษณะ program director แน่นอน มี strategic teams นั่งดูภาพรวม วิเคราะห์สถานการณ์ ปรับแผนเปลี่ยนกลยุทธ์ สั่งการอยู่ในห้อง control มองเห็นสภาพสถานการณ์ทุกจุดจากหน้าจอในห้อง control สั่งการและสื่อสารข้อสั่งการไปยัง communicators ในพื้นที่ ที่ถูกวางตัวไว้แล้ว ทำให้สามารถกระจายการสื่อสารได้ทันที โดยมี social media เป็นเครื่องมือสื่อสารกระจายการสั่งการ โดยไม่สามารถหาตัวผู้สั่งการได้ เพราะไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครสั่ง มันเป็นระบบที่เป็นที่ยอมรับกันแล้วในหมู่ม็อบ
- มีการมอบหมายหน้าที่ วางตัวผู้ทำหน้าที่ในงานสื่อสารตาม platform สื่อต่างๆ ไว้ชัดเจน มีการประชุมทีม ประชุมวางและปรับกลยุทธ์ communicators ที่ถูกวางตัวไว้ตาม platform สื่อต่างๆ นี้ มีหลายรุ่นหลายวัย เพื่อทำหน้าที่สื่อสารกับ strategic target audiences ในแต่ละกลุ่มวัยตามที่ communicators เหล่านั้นเป็นผู้นำทางความคิดอยู่”
2. มี IO ฝ่ายม็อบหรือไม่?
“- งาน Information Operations หรืองาน IO มีการปฏิบัติอย่างแน่นอนทั้งฝ่ายม็อบและฝ่ายบ้านเมือง ใครเชื่อว่าไม่มี ควรไปศึกษาเรื่องราวในวงการนี้ใหม่หรือไม่ก็ไปสั่งสมประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นก่อน บรรดา communicators ที่อยู่ตาม platform สื่อต่างๆ รับงานมาแล้วในการประชุมเชิงกลยุทธ์ ว่า จะชี้นำ “ประเด็น” หรือ ทำ issue management และ strategic communications ให้ไปในทิศทางไหน วางตัวไว้ให้โพสต์ชี้นำ รวมทั้งคอยตัดสกัดด้วยการด่าบ้าง ลดทอนความน่าเชื่อถือของคนที่เห็นต่างออกไปบ้าง ใช้เทคนิครุมยำถล่มด่าผู้ที่มาแสดงข้อมูลความคิดเห็นที่แตกต่าง หรือไปทำให้ประเด็นที่เขาพยายามชี้นำไว้เบี่ยงเบนไป เขาต้องสกัดคนคอมเมนต์นั้น ไม่ให้คอมเมนต์ที่เห็นต่างสามารถมีอิทธิพลทางความคิดอีกต่อไปได้ communicators เหล่านี้ บางคนต่อสายตรงเพื่อ check ข้อมูลกับม็อบได้แบบ real time แล้วนำมาสื่อสารอ้างอิงบน platform ของตน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- Strategic messages รวมถึง วาทกรรม ในประเด็นต่างๆ ถูกกำหนดในช่วงของการวางแผน และให้นำมาใช้ในช่วงการเคลื่อนไหวของม็อบ ให้ move ไปใน direction ที่กำหนดตามแผน วาทกรรมและ strategic messages ถูกนำมาสื่อสารตลอดเวลา เพื่อสร้างความชอบธรรมlegitimacy ของฝ่ายตน ซึ่งก็แน่นอน ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็น่าจะต้องพยายามแสดงให้ audiences ทุกกลุ่มเห็น legitimacy ของมาตรการบริหารจัดการการชุมนุมและเคลื่อนไหวของม็อบให้เกิดประสิทธิผลด้วย ความยากอยู่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่กับฝ่ายเคลื่อนไหว ใครจะเก่งกว่ากัน ถ้าเจ้าหน้าที่สามารถ predict ได้ล่วงหน้า ดักทางแผนเขาได้ มีประเด็นที่สามารถกลบลบประเด็นของฝ่ายม็อบได้ ทันท่วงทีต่อเหตุการณ์และเวลา และมีเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เช่น ภาพ และคลิปวีดีโอ และสามารถสื่อสารออกมาได้อย่าง synchronized กัน ทั้งการปฏิบัติและคำพูด คือ wordings กับ actions สอดคล้องกัน มีผู้สนับสนุน (supporters) รวมถึง มี communicators วางตัวไว้ช่วยแพร่ข้อมูลสื่อสารตาม social media platform ต่างๆ ถ้าฝ่ายทางการทำได้แบบนี้ ก็ยังพอสูสีสู้ได้กับฝ่ายม็อบ”
3. สิ่งที่ยังสงสัย ไม่แน่ใจ ไม่รู้
“- สิ่งที่เราสงสัยและไม่มีความรู้ คือ วิธีการประมวลประเมินน้ำหนักของ supporters จากหน้าสื่อโซเชียลและ platform สื่อต่างๆ เขาทำกันยังไง และใช้ผลประเมินแค่ไหนมาประกอบการพิจารณาปรับแผนเผชิญเหตุ
- สิ่งหนึ่งที่ม็อบนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก คือ ความสับสนของผู้รับข่าวสารที่อยู่ตามหน้าสื่อต่างๆ คือ ทำไปทำมา ผู้คนที่มีอารมณ์ร่วมกับแต่ละฝ่ายแทบจะไม่ได้นึกถึง “เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์” ที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวเสียแล้ว เพราะ 1.วัตถุประสงค์ที่แท้จริงอาจถูกซ่อนไว้เบื้องหลัง 2.มัวแต่จมอยู่กับอารมณ์ร่วมในแง่ความเป็นมนุษย์ และแสดงออกตามอารมณ์มากกว่าที่จะนึกถึงเหตุและผล ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ถูก manipulate ได้ง่ายยิ่งขึ้นและถูกนำไปใช้ประโยชน์โดยฝ่ายที่ได้เปรียบมากกว่า
- สิ่งที่เป็นผลสืบเนื่องตามมา ที่คาดไว้ (เพราะยังไม่เกิดจริงๆ – ถ้าคาดผิด คงจะดีกว่า) คือ ถ้าผู้ไม่สนับสนุนการชุมนุม อดรนทนไม่ได้ เพราะชีวิตสูญเสียความปกติสุขและเกิดความไม่สะดวกในการดำเนินชีวิต จนผสมปนไปกับความไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของฝ่ายม็อบ คุกรุ่นจนกลายมาเป็นผู้ปะทะกับผู้ชุมนุมเสียเอง แทนที่จะเป็นการจัดการของเจ้าหน้าที่ เมื่อนั้นจะเข้าทางของการบรรลุวัตถุประสงค์ของม็อบ คือ สร้างความวุ่นวายในสังคมจนสังคมเกิดภาวะ disruptive จนต้องมีการเข้าปราบปราม หรือใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นจะเป็นจุดพีคสุดที่ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่งที่อาจไม่พึงปรารถนาของฝ่ายคู่ขัดแย้งของสังคม...
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ของสังคมไทยหรือไม่ เราก็ไม่รู้ ต้องติดตามดูต่อไป ที่เขียนนี่ก็แค่เป็นมุมมองทางวิชาการเท่าที่สติปัญญาและประสบการณ์ที่อาจยังด้อยอยู่มองเห็น...”
บทสรุป
ข้างต้นนั้น เป็นบางส่วนของการวิเคราะห์การชุมนุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังเป็นปรากฏการณ์ในสังคมไทยขณะนี้ ว่าจะเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป เมื่อไหร่ อย่างไร?
จะสร้างผลกระทบ หรือการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมไทยอย่างไร?
ถือเป็นเหตุการณ์ใหม่ในเมืองไทย ที่คล้ายๆ กับเหตุการณ์ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ที่ทุกฝ่ายพึงสังวรร่วมกันว่า จะนำความเสียหายมาสู่สังคมไทยส่วนรวมเหมือนที่เกิดขึ้นในฮ่องกงหรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี