เมื่อวานนี้ ครม.มีมติจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยการจองวัคซีนล่วงหน้าสำหรับบริการประชาชนคนไทย วงเงินทั้งสิ้น 6,049,723,117 บาท ผ่านความร่วมมือแบบทวิภาคีกับผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 3 ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (UK) จำกัด
จำนวน 26 ล้านโดส
รายละเอียดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ดังนี้
1. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ ดังนี้
เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) และการจัดซื้อวัคซีนกับบริษัท AstraZeneca (Thailand) จำกัด และบริษัท AstraZeneca UK จำกัด ในวงเงิน 6,049,723,117 บาท (6,049 ล้านบาท)
โดยให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดทำสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า (Advance Market Commitment : AMC) ภายใต้เงื่อนไขว่ามีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าวทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุอื่นๆ ในวงเงิน 2,379,430,600 บาท
และให้กรมควบคุมโรค จัดทำสัญญาในการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีนที่ได้จากการจองล่วงหน้านั้น เมื่อคู่สัญญาสามารถจัดหาวัคซีนได้สำเร็จ (Purchase Agree For Supply of AZD1222 in Thailand : PA) ในวงเงิน 3,670,292,517 บาท
โดยให้ดำเนินการจัดทำสัญญาทั้ง 2 ฉบับ เป็นสัญญาในโครงการที่เกี่ยวข้องแบบสัญญาเป็นชุด ตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุในร่างสัญญา โดยให้จัดทำในคราวเดียวกัน โดยสัญญาจัดซื้อวัคซีนมีผลผูกพันเมื่อได้รับงบประมาณเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ให้กรมควบคุมโรคจัดทำคำของบประมาณสำหรับการจัดซื้อวัคซีนตามสัญญาดังกล่าวต่อไป
2. เงินจากไหน ดำเนินการอย่างไร?
การจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า วงเงิน 2,379,430,600 บาท รับผิดชอบโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป ภายในวงเงิน 2,379,430,600 บาท
เงินจัดซื้อวัคซีน ที่ได้จากการจองล่วงหน้า เมื่อคู่สัญญาสามารถจัดหาวัคซีนให้ได้สำเร็จ วงเงิน 1,586,287,067 บาท รับผิดชอบโดยกรมควบคุมโรค
เงินบริหารจัดการวัคซีน วงเงิน 2,084,005,450 บาท รับผิดชอบโดยกรมควบคุมโรค
ระยะเวลาดำเนินการ เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง ธันวาคม 2564
ดำเนินการจัดหาวัคซีน โดยการจองล่วงหน้าผ่านความร่วมมือแบบทวิภาคีกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 3 ได้แก่ บริษัท AstraZeneca (Thailand) จำกัด และบริษัท AstraZeneca UK จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส
3. ไม่ใช่แค่วัคซีน 26 ล้านโดส
ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า จำนวนที่มีการอนุมัติไปข้างต้นนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาวัคซีนเพื่อปกป้องคุ้มครองคนไทยทุกชีวิตทั่วประเทศ
การดำเนินการตามแผนข้างต้น จะทำให้ประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนได้ภายในปีงบประมาณ 2564 และจะทำให้ลดอัตราการป่วย การเสียชีวิตและค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 และฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ลดการสูญเสียเชิงเศรษฐกิจได้เป็นมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท
จำนวนวัคซีน 26 ล้านโดสนั้น สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมายตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จำนวน 13 ล้านคน
ผลลัพธ์ คือ ประชากรกลุ่มเป้าหมายตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคนั้น จะได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ลดอัตราการป่วย การเสียชีวิต และค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลผู้ป่วยจากโควิด-19 และฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ ขณะที่วัคซีนทั่วโลกกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ รัฐบาลไทยเรายังมีแผนการดำเนินการเกี่ยวกับวัคซีนเพิ่มเติมอีก โดยอนุมัติงบเริ่มดำเนินการไปแล้วด้วย เพื่อทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงวัคซีนอย่างแน่นอน (ดูตามตารางข้างบน) ได้แก่
(1) วิจัย พัฒนาในประเทศ
(2) ทำความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศ
(3) จัดซื้อ จัดหา นำมาใช้ในประเทศ ในส่วนนี้เองที่มีการจองซื้อ 26 ล้านโดส และกำลังเจรจาอยู่กับ COVAX อีก 26 ล้านโดส รวมทั้งกำลังเจรจาเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นๆ อีก 13 ล้านโดส
4. นอกจากนี้ ไทยเรายังมีการตระเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันและรักษา รวมถึงตรวจเช็คความพร้อมของทรัพยากรอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยการแพทย์ ชุด PPE ยารักษาโรคโควิด-19 ฯลฯ
ยืนยันว่า กรณีมีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 50 รายต่อวัน ยาและเวชภัณฑ์ที่มีอยู่ปัจจุบันมีรองรับได้เป็นเวลา 6 เดือน
นอกจากนี้ ไทยเรายังวางระบบป้องกันการติดเชื้อจากต่างประเทศ เข้มงวด ไม่เปิดประเทศอ้าซ่า แต่เปิดแบบมีเงื่อนไข และตรวจคัดกรองเข้ม เพื่อป้องกันมิให้เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศระลอกใหม่เหมือนหลายๆ ประเทศที่วันนี้ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเกิน1 พันคนต่อวัน เรียกว่า ประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยเราจึงได้รับคำยกย่องอย่างสูงจากนานาอารยประเทศ ถึงขนาดองค์การอนามัยโลก ยกให้ไทยเราเป็นประเทศที่มีการควบคุมโควิดดีที่สุดในโลก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี