เมื่อวานนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย. ที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ย้ำว่า กฎหมายห้ามไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใกล้พื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์(เขตพระราชฐาน) ในระยะรัศมี 150 เมตร
เมื่อนักข่าวถามว่า มีการรายงานเรื่องมือที่สามเข้ามาบ้างหรือไม่ และมีความกังวลหรือไม่? พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องระวังเรื่องมือที่สาม และได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว
นักข่าวถามอีกว่ามีความเป็นห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ให้มีโอกาสขนม็อบกัน ม็อบชนม็อบไม่ได้ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีภาพของการสลายการชุมนุมนั้นพล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่มีสลาย
1. พิจารณาการเตรียมความพร้อมของฝ่ายม็อบ ในทางเปิดเผยจะพบว่า การ์ดมีการระดมอุปกรณ์กันอย่างมากมาย ทั้งเสื้อเกราะ หน้ากากกันแก๊ส โล่ทรงโค้ง ฯลฯ
คือ แสดงเจตนาชัดเจนว่า จะกระทำการบางอย่าง ที่ประเมินได้ว่าจะถูกสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
นั่นแสดงว่า จะไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ภายใต้กฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่?
2. ในทางลับ ทราบว่า มีการจัดทำ จัดหา ระเบิดควันสี และอุปกรณ์อื่น จำนวนมาก
อุปกรณ์จำพวกนี้ ไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ตามกฎหมายอย่างแน่นอน
3. ก่อนวันนัดหมาย 25 พ.ย. เครือข่ายแนวร่วม ม็อบร้อยชื่อ ได้มีการจัดชุมนุมหลายจุด อุ่นเครื่อง เช่น ที่ถนนอักษะ โดยประกาศร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเปิดเผย
มีการนำประเด็นการเมือง ชุดวาทกรรมเก่าๆ มาปลุกระดมกันอีกรอบ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งๆ ที่ชัดเจนมาก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายที่เคยผลักดันนิรโทษกรรมสุดซอย รวมคนฆ่า-โกง-เผา ก็คือนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย
มีนายเพนกวินไปปราศรัย โจมตีสถาบันกษัตริย์
มีการวีดีโอคอลนายปวิน ผู้เสมือนศาสดาของการโจมตีใส่ร้ายในหลวงเข้ามาจากต่างประเทศด้วย
4. ก่อนหน้านั้น มีเหตุการณ์ที่หน้ารัฐสภา ม็อบบุกรื้อแบร์ริเออร์ แนวรั้วลวดหนาม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำและใช้แก๊สน้ำตา
จากนั้น มีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ แล้วมีการยกพวกไปพ่นสี ขีดเขียนบริเวณหน้า สตช. ทาด้วยสีบ้าน สีสเปรย์ ด้วยถ้อยคำต่ำช้า หยาบคาย ด่าในหลวง พระราชินี ลามปามไปถึงพระพันปีหลวง ด้วยถ้อยคำใส่ร้ายหยาบคายที่สุด นับร้อยข้อความ
กระทั่งประชาชน พลเมืองดี จิตอาสา ออกมาช่วยกันทำความสะอาดในวันถัดๆ ไป
ผู้สนับสนุนม็อบบางคน ยังมีจิตใจโสมมถึงขนาดค่อนขอด เย้ยหยันแม้กระทั่งจิตอาสาที่ออกมาทำความสะอาด
แถมประกาศว่าคราวหน้า จะระดมเงินซื้อสีมาใช้ให้มากกว่าเดิมอีก
เรียกว่า แทบไม่เหลือจิตใจและสามัญสำนึกที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีหลงเหลือแล้ว
ยิ่งยกระดับการชุมนุม ยิ่งกดระดับจิตสำนึกความเป็นคนที่รู้ผิดชอบชั่วดี ลดต่ำลงไปเรื่อยๆ
5. ล่าสุด น่าสังเกตว่า นายปวินพยายามโพสต์ข้อความและแสดงออกในทำนองว่าไม่รู้เรื่องที่จะมีการชุมนุมกันในวันที่ 25 พ.ย. ที่หน้า สนง.ทรัพย์สินฯ เลย
โดยมีการโพสต์ข้อความในทำนองดังกล่าวหลายครั้ง
ส่อแสดงว่า พยายามจะตัดความเกี่ยวข้อง ตัดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ประกอบกับการเตรียมอุปกรณ์ที่ไม่ใช่สิ่งของสำหรับการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธของการ์ดหลายกลุ่มแล้ว
น่าสงสัยว่า ใครกำลังเตรียมสร้างสถานการณ์รุนแรงบางอย่างในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง โดยปราศจากความรับผิดชอบ หรือไม่?
6. ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษากฎหมายผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหว และบ่งชี้ถึงเจตนาที่แท้จริงของขบวนการชุมนุมการเมือง บางตอนระบุว่า
“..ผู้อยู่เบื้องหลังของการชุมนุม ประกอบด้วย บุคคลที่มีทัศนคติไม่ดีต่อสถาบันนับแต่อดีต ประกอบด้วย ผู้มีชื่อเสียงในสังคม ทายาทของผู้ที่ขัดแย้งกับสถาบันซึ่งบุคคลเหล่านี้อยู่ในฐานะครูอาจารย์ นักสิทธิมนุษยชน นักกฎหมายรวมตัวกัน อดีตนักการเมือง ครูอาจารย์ ทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย องค์กรเอกชน หน่วยงานรัฐ และสามทรราชกับพวกโดยได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยในรูปแบบพัฒนาสิทธิมนุษยชนของภาครัฐและเอกชน
กลุ่มบุคคลดังกล่าวใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีโฆษณาชวนเชื่อในกลุ่มประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่เคลื่อนไหว ประชาชนกลุ่มผู้มีแนวคิดล้มล้างสถาบัน และนักเรียนนักศึกษา ใช้แนวคิดการปฏิวัติของคณะราษฎร 2475 เป็นแนวทาง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1.ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบอบสาธารณรัฐ
2.ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
3.ต้องการให้ประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ
พฤติกรรมการกระทำของผู้ชุมนุมในการชุมนุมนี้ จะแปลกแยกแวกแนวจากการชุมนุมโดยทั่วไป คือ
1.ไม่มีผู้นำการชุมนุมที่ชัดเจน ที่จะเป็นผู้เจรจาประนีประนอม
2.ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เน้นเรื่องการปฏิรูปสถาบันเป็นสำคัญเท่านั้น ส่วนเรื่องการประท้วงรัฐบาล การแก้รัฐธรรมนูญเป็นประเด็นรอง จะเห็นได้ว่าในการประท้วงยกระดับการชุมนุมแต่ละครั้งจะโจมตีสถาบันเป็นหลัก
3.ใช้การยั่วยุให้เกิดการปะทะกันกับประชาชนผู้จงรักภักดี ส่วนเป้าหมายจริงๆ ของผู้ชุมนุม ต้องการจะปะทะกับสถาบัน ส่วนเรื่องขับไล่รัฐบาลจึงเป็นข้ออ้างบังหน้า
โดยเฉพาะการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ราชประสงค์ ก็จะเห็นได้โดยชัดแจ้งว่า ผู้ชุมนุมบังอาจล่วงละเมิดสถาบัน เขียนข้อความดูหมิ่น หมิ่นประมาท จาบจ้วงหยาบคาย ด่าทอเบื้องสูง เป็นการกระทำผิดกฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญา
การกระทำดังกล่าว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังรู้ว่าประเด็นของสถาบันสร้างความรุนแรงได้ง่าย โดยแกนนำผู้ชุมนุมระดับตัวจริง ต้องการให้เกิดความรุนแรงพยายามยั่วยุให้เกิดการปะทะกัน ต้องการให้มีการบาดเจ็บล้มตาย เพื่อเรียกมวลชนออกมาสนับสนุน และใช้เป็นเหตุอ้างให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกดดันประเทศไทย
4.มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ เจ้าหน้าที่สถานทูต 17 ประเทศให้มาติดตามสถานการณ์การชุมนุมและเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา มีการประสานผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศจำนวน 200 คนให้มาติดตามรายงานข่าวเรื่องการชุมนุม
5.ในการชุมนุมครั้งนี้ ใช้รูปแบบของฮ่องกงโมเดล มีการถือธงต่างชาติ พฤติกรรมก้าวร้าว ทำลายทรัพย์สินทางราชการ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ข่มขู่คุกคามรัฐ
6.ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 6ตุลาคม 2563 ที่ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นาย... ได้ปราศรัยบนเวที ความตอนหนึ่งว่า “สิ่งที่ผมพูดในวันนี้ ผมเตรียมตัวมาเรื่องเดียวก็คือ สาธารณรัฐไทย ใช่ไหมครับ คือผมว่าจริงๆ แล้วเราหยุดเสแสร้งได้แล้วว่าต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ จริงๆ แล้วเนียเราคิดร่วมกันนะครับ เราต้องการให้ประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐครับพี่น้อง” นี่ก็คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผู้ชุมนุม และยิ่งชัดเจนเมื่อในการชุมนุมได้มีการนำธงชาติไทยที่ลบแถบสีนำ้เงินที่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันออกและเขียนคำว่า Republic ofThailand
7.นายธนาธรได้ออกมาประกาศว่า “ต้องปฏิรูปสถาบัน สานต่อภารกิจคนยุค 6 ตุลา อย่าปล่อยโอกาสเปลี่ยนประเทศให้หลุดลอย และยังบังอาจออกมาทวิตข้อความต่อต้านพระดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า This is not compromised
8.การกระทำของคณะบุคคลดังกล่าว เรียกว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นไปแล้ว ซึ่งมีความผิดกฎหมายสูงสุด กฎหมายอาญา ต่างกรรมต่างวาระ
9.เมื่อหน่วยราชการไม่ดำเนินการ แทนที่คณะบุคคลเหล่านี้จะรู้สำนึก แต่กำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น ยกตนเหนือเจ้า นำเอาสถาบันมาเป็นคู่กรณี และลำพองว่าขณะนี้พวก
ผู้ชุมนุมอยู่ในสถานะ ผู้เสนอเงื่อนไข ที่ทุกภาคส่วนไม่อาจปฏิเสธได้
ส่วนทุนที่ใช้ในการนี้ ได้รับการสนับสนุนจากอดีตนักการเมือง ทั้งจากต่างประเทศในลักษณะทุนพัฒนาทางสังคม รวมถึงทุนจากในประเทศไทยที่มีทั้งองค์กรของรัฐและเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันอีกด้วย”
ข้อสังเกตของ ดร.ณฐพร ข้างต้น หากนำมาประกอบการพิจารณาประเมินแนวโน้มการเคลื่อนไหวของม็อบ ยิ่งคาดเดาได้ว่า การใช้ความรุนแรงจะยั่วยุ หรือกระทำเริ่มต้นจากฝ่ายใด
7. ในการเคลื่อนไหว 25 พ.ย. หากม็อบไม่ต้องการความรุนแรงจริงก็สามารถดำเนินการได้ โดยไม่ใช้ระเบิดควัน ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่รื้อแนวกั้นตามกฎหมาย 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ไม่บุกฝ่าเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม
ถ้าชุมนุมสงบโดยปราศจากอาวุธ ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะไปสลายการชุมนุมไม่ได้เด็ดขาด
แต่ถ้าม็อบกระทำการละเมิดทั้งหมดนั้น สังคมก็จะต้องมีสติปัญญาพอที่จะรู้ข้อเท็จจริง
มิใช่หลับหูหลับตาออกมาประณามเจ้าหน้าที่บ้านเมืองฝ่ายเดียว เพียงเพื่ออยากจะเล่นบทต่อต้านความรุนแรง ยกยอและตีกินแบบน่าสังเวช
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี