นั่นไง... ประธานคณะกรรมการสอบสวนความผิดวินัยชั้นต้นแก่อดีตรองอัยการสูงสุด (ผู้สั่งไม่ฟ้องคดีบอส) มีอันต้องลาออกจากตำแหน่งเสียแล้ว
เพิ่งจะเริ่มสอบสวนไปได้ไม่เท่าไรแท้ๆ
คนสอบมีอันต้องยุติบทบาทไปเสียแล้ว แต่คนถูกสอบยังอยู่ดีมีสุข!!!!
1. ไม่ทราบว่าอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน คิดอย่างไร?
ประธาน ก.อ. จะหน้าชา หรือไม่?
ศ.วิชา มหาคุณ ประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ที่พบพฤติกรรมเลวร้ายในคดี จะรู้สึกอย่างไร?
นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะคิดอ่านอย่างไร?
อัยการ “ทนายของแผ่นดิน” ทั่วประเทศกว่า 3,000 คน มีความรู้สึกอย่างไร? พึงพอใจ เชื่อมั่นในความมีธรรมาภิบาล ความโปร่งใส มั่นใจว่าจะสอบสวนลงโทษผู้ทำให้เกิดความเสื่อมแก่องค์กร หรือไม่?
2. ก่อนหน้านี้ ในการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2563 ที่ประชุม ก.อ.มีมติเอกฉันท์เลือกนายไพรัช วรปาณิ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนความผิดวินัยชั้นต้นแก่อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีไม่สั่งฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นคำร้องถึงประธาน ก.อ. ให้นำเรื่องเข้า ก.อ.เพื่อพิจารณาคัดค้านคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยชั้นต้น
3. ล่าสุด 30 พ.ย. 2563 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.)นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เป็นประธานการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 12/2563
วาระสำคัญ คือ พิจารณาความคืบหน้าในการสอบสวนความผิดทางวินัยชั้นต้นแก่อดีตรองอัยการสูงสุดฯ
หลังการประชุม ก.อ. นายไพรัชให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่ประชุมก.อ. มีการพิจารณาหนังสือคัดค้านกรรมการสอบสวนทางวินัยชั้นต้นของผู้ถูกกล่าวหา เบื้องต้นก่อนการประชุมตนเข้าพบนายอรรถพล เพื่อยื่นหนังสือลาออก ขอถอนตัวจากการเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนฯชุดดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การสอบสวนทางวินัยชั้นต้นรนั้น ไม่สามารถปฏิบัติงานดำเนินต่อไปได้เท่าที่ควรตามที่ได้ตั้งแนวทางแห่งธรรมาภิบาลที่ตนยึดถือ และไว้วางใจ อีกทั้งยังเกิดการคัดค้านโต้แย้งในประเด็นต่างๆ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ดีเท่าที่ควร จึงเห็นควรหลีกทางให้ผู้อื่นที่มีความรู้ความสามารถมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสอบสวนฯชุดดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอัยการ และตอบโจทย์กับสังคมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นายไพรัชเปิดเผยเพิ่มเติมอีกด้วยว่า แม้ตนไม่ได้เป็นข้าราชการอัยการมาก่อน แต่อยู่ในวงการมานาน ได้รับเลือกเป็น ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ4 สมัย ผ่านการร่วมโหวตตำแหน่ง อสส. มาแล้ว 6 ราย และยังจบกฎหมายเนติบัณฑิตยสภา แต่เมื่อมองว่ากระบวนการไปไม่ได้ ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นที่อาจมีความสามารถทำได้ดีกว่า โดยภายหลังตนยื่นหนังสือลาออก นายอรรถพลได้นำเรื่องดังกล่าวแจ้งในที่ประชุมถึงการลาออกพร้อมเสนอแต่งตั้งนายประสาน หัตถกรรม ข้าราชการอัยการบำนาญ อดีตรอง อสส. ที่เป็น ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานกรรมการสอบสวนฯแทนโดยที่ประชุม ก.อ. ครั้งที่ 12/2563 มีมติเอกฉันท์เห็นชอบแต่งตั้งนายประสาน โดยตนมองว่ามีความเหมาะสมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ที่เป็นถึงอดีตรอง อสส.
4. สำนักข่าวอิศรารายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยชั้นต้นแก้อดีตรอง อสส. ประกอบด้วย นายประสาน หัตถกรรม ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการ นางพิมพร โอวาสิทธิ์ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ นายสนทรรศสิงหพัศ รอง อสส. นายชัชชม อรรฆภิญญ์ รอง อสส. เป็นกรรมการนายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ ผู้ตรวจการอัยการ เป็นกรรมการและเลขานุการและนายยุทธพงษ์ อภิรัตน์รังสี รองอธิบดีอัยการสำนักงาน ก.อ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
5. กรณีแทรกแซงวิ่งเต้นคดีบอส ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการตรวจสอบของคณะกรรมการอิสระที่มี อ.วิชา มหาคุณ เป็นประธานนั้น คนไทยเกือบทั้งประเทศได้รู้ได้เห็นกันแล้วว่ามีอยู่จริง
มันมีอัยการบางคน พยายามตัดตอนคดี
วิ่งเต้นคดี ช่วยเหลือผู้ต้องหา
มันมีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จ ฯลฯ
อย่าลืมว่า ผลสอบสวนยังระบุด้วยว่า อัยการบางคนที่เข้าไปวิ่งเต้นคดีนั้น ขณะกระทำการดังกล่าวนั้น อ้างสังกัด “อัยการคดีพิเศษ” ใครไม่ทราบว่าในช่วงนั้น ใครเป็นผู้บังคับบัญชา? ใครเป็นอธิบดีอัยการคดีพิเศษ?เป็นใหญ่เป็นโตในยุคนี้ แต่ซึ่งจนป่านนี้ ยังไม่มีคำชี้แจงจากปากท่านนั้นบ้างเลย
รายงานผลการตรวจสอบชุด อ.วิชา มหาคุณ บางตอนระบุว่า ... การร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทนายความ พยาน และบุคคลทั่วไปในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้
....แม้ว่าการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการจะไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วง ๑๓ ครั้งแรก ฝ่ายผู้ต้องหาก็ยังไม่ลดละความพยายามในการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการโดยใช้พยานหลักฐานเท็จอีก
....นาย น. อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด มีความเห็นเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม โดยเจาะจงให้มีการสอบเพิ่มเติมเฉพาะพลอากาศโท จ. และนาย จ. เท่านั้น ซึ่งพยานทั้งสองปากนี้เคยถูกสอบไปแล้วในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งก่อนหน้า โดยที่ผู้พิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมในแต่ละครั้งอัน ได้แก่ รองอัยการสูงสุดหรืออัยการสูงสุดได้เคยพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีพิรุธและไม่น่าเชื่อถือ ภายหลังที่อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ได้มีการสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเพิ่มตามคำสั่งของนาย น. และนาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓
คณะกรรมการเห็นว่า การใช้อำนาจในการสั่งคดีร้องขอความเป็นธรรมและต่อมา การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาของนาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและน่าเชื่อว่ามีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ ต้องรับโทษ เพราะเหตุของการเจาะจงให้มีการสอบเพิ่มเติมและรับฟังเฉพาะพลอากาศโท จ. และ นาย จ. ซึ่งเป็นพยานเคยถูกสอบไปแล้วในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งก่อนหน้า มิใช่พยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด...
6. ประชาชนคนไทย วิญญูชนทั่วไป ได้รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของ อ.วิชาและคณะกันไปแล้ว นายกฯ พอเอกประยุทธ์ก็รู้แล้ว จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ได้ จะยอมให้ทันกันแบบลูบหน้าปะจมูก ได้หรือ?
อย่าลืมว่า กรณีคดีบอสนั้นก็สั่งคดีโดยรองอัยการสูงสุดคนเดียวกับที่สั่งไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินพานทองแท้
ซึ่งจนบัดนี้ อสส. ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียด เหตุและผลต่อสังคมด้วยตนเองเลย
ทำไมอัยการสูงสุดถึงต้องไปตรวจราชการต่างจังหวัด แล้วคนที่ลงนามแทนจึงต้องเป็นผู้อื่น? เพราะอะไร? แล้วทำไมการพิจารณาไม่ผ่านอัยการสูงสุด ทั้งๆ ที่ คดีในข้อหาสำคัญยังไม่หมดอายุความ ยังมีเวลา การไปตรวจราชการก็ไปแค่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ไปต่างประเทศ
ไหนจะยังมีคดีอื่นๆ คดีธรรมกาย คดีมูลนิธิธรรมกาย คดีฟอกเงินเจ้าสัวธรรมกาย
บางคดี มีการสอบสวนในชั้น ป.ป.ช. มีการให้ข้อมูลเส้นทางการเงินระบุว่า ผู้ต้องหามีการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐ ระบุถึงขนาดว่ามีอัยการบางคนได้รับเงินหลายล้านบาทด้วย
นี่องค์กรอัยการนะ ไม่ใช่องค์กรซ่อนเงื่อน!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี